พี่เอเอฟสอนน้อง เข้าวงการ...จงจำไว้
การก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง กว่าจะได้เป็นศิลปินเต็มตัวไม่ใช่เรื่องง่าย การวางตัวและการแสดงออกเป็นสิ่งสำคัญ หากพลาดพลั้งอนาคตจะหดหายทันที
การก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง กว่าจะได้เป็นศิลปินเต็มตัวไม่ใช่เรื่องง่าย การวางตัวและการแสดงออกเป็นสิ่งสำคัญ หากพลาดพลั้งอนาคตจะหดหายทันที
โดย...ทีมแซ่ด
ชื่อของ “มาร์ค V11” หรือ วิทวัส ท้าวคำลือ หนึ่งในนักล่าฝันจาก “ทรู อะคาเดมี แฟนเทเชีย ซีซัน 7” ถูกพูดถึงมากในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดันไปโพสต์ในเฟซบุ๊กตำหนิการทำงานของ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ด้วยถ้อยคำหยาบคายสุดจะบรรยายเชียวละ...
มิหนำซ้ำ เอเอฟรุ่นพี่ ปฏิภาณ หล่อเสถียร หรือ “เซน เดอะสตาร์” ยังถูกเอเอฟรุ่นน้องเหน็บแนมแกมประชดแบบไม่ไว้หน้า ผลจากการโพสต์ข้อความครั้งนี้ ทำให้ถูกแฟนคลับ “พี่มาร์ค” อดรนทนไม่ไหว เปิดยุทธการตามล่าแม่มด ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก พร้อมกับสาวไส้พฤติกรรมของน้องมาร์คให้สังคมรับรู้
ในที่สุดน้องมาร์คทนแรงกดดันไม่ไหว ออกมาประกาศขอถอนตัวจากเวทีเอเอฟ และขอขึ้นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายในคืนวันเสาร์นี้ พร้อมกับจูงมือพ่อแม่แถลงข่าวขอโทษพี่มาร์ค โดยยอมรับโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กโดยไม่คิด อ้างเป็นความคิดแบบวัยสะรุ่น
ขณะที่ทาง คุณพ่อวทัญญู ท้าวคำลือ ก็ประกาศต่อสาธารณชน ถ้ามีโอกาสจะพาลูกชายไปกราบขอโทษผู้นำประเทศ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยจากนายกฯ อภิสิทธิ์ว่า ไม่จำเป็นต้องมาขอโทษ เพราะไม่ได้ติดใจ ถ้าคนพูดได้กลับไปคิดแล้วเห็นว่า การใช้ถ้อยคำกับผู้ใหญ่ไม่เหมาะสม
ในที่สุดก็กลายมาเป็นประเด็นทางการเมืองจนได้ เมื่อ อดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทวิตเตอร์ กล่าวหานายกฯ อภิสิทธิ์ แทรกแซงจนทำให้ทางรายการต้องปลดมาร์คออกกลางคัน คล้อยหลังไม่นานคนในรัฐบาลตั้งแต่นายกฯ ลงมา ก็เรียงหน้ากันออกมาตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยาวเป็นหางว่าว แล้วจะบอกว่าไม่เป็นเรื่องการเมืองได้อย่างไร จริงไหม???
องอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนากยกฯ ซึ่งดูแล อสมท ซึ่งออกอากาศรายการของนักล่าฝัน ก็ออกมาทำความเข้าใจกับสาธารณชนว่า รัฐบาลไม่ได้เข้าไปแทรกแซงหรือบีบบังคับบริษัทเพื่อไม่ให้เด็กเข้าร่วมรายการอีก ทั้งหมดเป็นดุลยพินิจของรายการจะพิจารณาเอง
เห็นไหมชักจะไปกันใหญ่ ความคึกคะนองของเด็กวัยรุ่น กลายเป็นเรื่องระดับประเทศไปแล้ว ขณะเดียวกันก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการสร้างเรื่องขึ้นมาให้เป็นประเด็นหรือเปล่า เพื่อเรียกเรตติ้งรายการให้กลับมากระหึ่มเหมือนซีซันแรกๆ จนทางบริษัทมีรายได้จากการโหวตของพ่อยกแม่ยกอย่างถล่มทลาย แต่ซีซันหลังๆ ผลโหวตเริ่มลดลง จึงปั่นเรื่องซะงั้น
เอาล่ะ จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง หรือหวังผลทางธุรกิจ มาร์ค V11 ก็กลายเป็นคนที่สังคมตราหน้าว่าเป็นเด็กก้าวร้าวไปแล้ว กลายเป็นแบบอย่างไม่ดีให้เยาวชนบางกลุ่มไปแล้ว พี่ๆ เอเอฟเลยออกให้ข้อคิดน้องๆ ที่อยากจะเข้าวงการล่าฝัน
“นัททิว เอเอฟ 5” หรือ ณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม แชมป์นักล่าฝันจากเวที อะคาเดมี แฟนเทเชีย ซีซัน 5 มีคำแนะนำน้องๆ ว่า การเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในรายการเรียลิตีโชว์ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เป็นตัวของตัวเองได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของมารยาทอันดีงาม
“เป็นตัวของตัวเองดีแล้วครับ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ อย่าไปปรุงแต่งตัวเอง หรือวาดตัวเองให้เหมือนคนนั้นคนนี้ อยู่นอกบ้านเป็นแบบไหน อยู่ในบ้านก็เป็นแบบนั้น แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของบ้าน ตลกได้ทะเล้นได้ แต่ห้ามหยาบคาย ระมัดระวังคำพูดและการกระทำของเราให้ดี เพราะคนเป็นล้านๆ จ้องมองเราอยู่”
สำหรับนัททิวแล้ว การเข้าไปอยู่ในบ้านอะคาเดมี แฟนเทเชียนั้น ถือเป็นโลกสมมติที่มีสถานการณ์จำลอง ให้เขาได้เรียนรู้สภาวะชีวิตแบบในแสงสปอตไลต์อยู่แล้ว หลังออกมาจากบ้านเอเอฟ การวางตัวในที่สาธารณะก็ยังคงต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และคิดก่อนพูดคิดก่อนทำเสมอ
“ไม่ว่าเราจะพูดอะไร จะกระดิกตัวไปไหน แสงไฟก็จะจับจ้องตามเราไปทุกที่ คนจะเห็นเราตลอด จะแสดงออกอะไรก็ควรทำให้เป็นแบบอย่างแก่น้องๆ แฟนคลับเราที่ยังอายุน้อย หลีกเลี่ยงการพูดอะไรก็ตามที่ไปกระทบคนอื่น หรือสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น นี่เป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ” แชมป์เอเอฟ ซีซัน 5 แนะ
ขณะที่ ซานิ เอเอฟ 6 หรือ นิภาภรณ์ ฐิติธนาการ แชมป์อะคาเดมี แฟนเทเชีย ซีซันล่าสุด พูดถึงประสบการณ์ที่ได้เข้าไปชุบตัวในบ้านเอเอฟว่า แรกๆ ช่วงเริ่มเข้าไปอยู่รวมกับหนุ่มสาวหลายคนในบ้านเดียวกัน ต่อหน้ากล้องนับสิบรายงานสดไปทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง รู้สึกงงๆ ตื่นเต้นกังวลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากนัก
“เราเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เราจะหลุดคำพูด หรือการกระทำอะไรออกมาในยามที่เป็นตัวของตัวเอง แต่กับเพื่อนๆ เอเอฟ ก็ไม่ได้มีขัดแย้งอะไรกัน ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่า โลกข้างนอกร้ายกาจกว่าข้างในบ้านเอเอฟเยอะ เราต่างถอยคนละก้าว ทบทวนก่อนพูด หรือทำอะไรออกมา ทุกอย่างก็คงไม่มีปัญหา”
สาวเปรี้ยวรายนี้ยังบอกอีกว่า หลังออกจากบ้านเอเอฟ ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะ เพราะสังคมในแสงไฟในฐานะศิลปินที่มีคนจับตามอง มันสอนให้เธอรู้จักวางตัวให้ดีต่อสาธารณชนไปโดยอัตโนมัติ โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ
ส่วนนักล่าฝันอีกราย ปั๊ม เอเอฟ 5 หรือ สหรัส นฤคุปต์ชาญชัย ที่เคยสร้างกระแสข่าวร้อนให้บ้านอะคาเดมี แฟนเทเชีย ซีซัน 5 หลังประกาศถอดใจว่า อยากออกจากบ้าน เพราะทนกระแสความกดดันภายในบ้านที่ทุกคนมุ่งแต่จะเข้าแข่งขัน จนลืมนึกถึงมิตรภาพของการอยู่ร่วมกันไม่ไหว แนะนำสั้นๆ ว่า
“ทุกคนแทบจะเคยหลุดออกมาแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการพูดสบถ หรือพูดจาไม่เหมาะสมต่างๆ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแล้ว เราไม่สามารถแก้ไขมันได้ ดังนั้นน้องๆ ก็ควรยึดเอาความผิดพลาดของคนอื่นเป็นบทเรียน ก่อนคิดอะไรก่อนพูดอะไร ก็ให้ระลึกไว้ว่ามีคนจับตาดูเราอยู่”
อย่างไรก็ตาม อีกเรื่องที่อยากฝากไว้ก็คือ แฟนคลับเอเอฟที่ยังเป็นเด็กๆ อยู่ ควรมีพ่อแม่อยู่ด้วยเวลานั่งดู เพราะผู้ปกครองจะได้คอยชี้แนะในสิ่งที่ดีๆ จากตัวอย่างที่ดีๆ อันไหนควรทำ อันไหนไม่ควรทำ
ทั้งหมดคือเสียงสะท้อนจากเอเอฟรุ่นพี่ที่ฝากถึงรุ่นน้องที่อยากจะเข้าวงการ แม้ว่าจะไม่ได้พูดถึงมาร์ค V11 โดยตรง แต่คำพูดของแต่ละคนก็บ่งบอกว่า การก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง กว่าจะได้เป็นศิลปินเต็มตัวไม่ใช่เรื่องง่าย การวางตัวและการแสดงออกเป็นสิ่งสำคัญ หากพลาดพลั้งเหมือนน้องมาร์ค อนาคตจะหดหายทันที น้องเอ๋ยจงจำไว้ !!!


