ข้าวแต๋นวาไรตี้ พลังงานแสงอาทิตย์
....จันจิ
ข้าวแต๋น ขนมพื้นบ้านที่อดีตนิยมรับประทานกันในชุมชนท้องถิ่น โดยเฉพาะภาคเหนือ ที่นำเอาข้าวเหนียว วัตถุดิบหลักในพื้นที่มาผลิตและแปรรูป ถือเป็นการถนอมอาหารวิธีหนึ่ง
ปัจจุบันข้าวแต๋นไม่ได้เป็นเพียงขนมพื้นบ้านอีกต่อไป เมื่อผู้ผลิตข้าวแต๋นน้ำแตงโม ภายใต้แบรนด์
“แม่บัวจันทร์” ได้ปรับโฉมหน้าผลิตภัณฑ์ข้าวแต๋นให้มีความหลากหลาย ทั้งรูปแบบและรสชาติ กลายเป็น “ข้าวแต๋นวาไรตี้” อาทิ หน้าโดนัต ธัญพืชรวม สาหร่ายสไปซี หมูหย็อง ฯลฯ เพื่อตอบสนองผู้บริโภคทุกระดับ ตั้งแต่ตลาดระดับล่างจนถึงระดับบน สามารถครองส่วนแบ่งตลาดในประเทศได้ถึง 80% แถมยังเปิดรับผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้าด้วยที่น่าภูมิใจไปกว่านั้นก็คือ คำสั่งซื้อที่มีเข้ามา ลูกค้าหลายรายมาไกลจากต่างประเทศ ทั้งเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา รวมๆ แล้วข้าวแต๋นแม่บัวจันทร์มีลูกค้าต่างประเทศอยู่ถึง 27 ประเทศ
สุธาณี เยาวพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนสามัญข้าวแต๋นแม่บัวจันทร์ 2 อธิบายว่า ข้าวแต๋นแม่บัวจันทร์เป็นการรวมตัวของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านทุ่งม่านเหนือ ต.บ้านเป้า อ.เมือง จ.ลำปาง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2538 จากความต้องการที่เพิ่มขึ้น ทำให้กำลังการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด โดยเฉพาะในขั้นตอนการตากแผ่นข้าวแต๋นดิบ ต้องอาศัยแสงแดดจากธรรมชาติ จึงขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศ หากฝนตกหรือวันไหนที่ไม่มีแดด จะต้องใช้เวลาในการตากนานขึ้น
ส่งผลต่อกระบวนการผลิตอื่นๆ โดยเฉพาะการส่งมอบสินค้าไปต่างประเทศ ขณะที่ยอดความต้องการในประเทศเองก็มีปริมาณเพิ่มขึ้นเช่นกัน จึงได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้แก้ปัญหา ภายใต้
“โครงการการปรับปรุงประสิทธิภาพการอบแห้งข้าวแต๋นด้วยโรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์” โดยความช่วยเหลือและสนับสนุนจากโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) ส่ง รศ.ดร.เสริม จันทร์ฉาย อาจารย์จากภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการอบแห้งด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เข้ามาช่วยพัฒนาโรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์แบบกรีนเฮาส์สำหรับการอบแห้งแผ่นข้าวแต๋นดิบ จนประสบความสำเร็จจากการทดสอบใช้งานจริง พบว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ สามารถลดเวลาการตากแผ่นข้าวแต๋นดิบจากเดิม 23 วัน เหลือเพียง 8 ชม.ต่อวัน จากความชื้นเริ่มต้นของแผ่นข้าวแต๋นดิบประมาณ 55% จนเหลือความชื้นสุดท้ายประมาณ 910% โดยพลังงานแสงอาทิตย์จะถูกเปลี่ยนเป็นความร้อน อาศัยปรากฏการณ์เรือนกระจก ทำให้อุณหภูมิภายในโรงอบแห้งสูงกว่าอุณหภูมิอากาศแวดล้อม ช่วยให้ความชื้นจากผลิตภัณฑ์ระเหยได้เร็วยิ่งขึ้น
ความชื้นที่ระเหยออกมาจะถูกพัดลมดูดอากาศ ซึ่งใช้ไฟฟ้าที่ได้จากแผงโซลาร์เซลล์ดูดออกไปภายนอก ทำให้ผลิตภัณฑ์แห้งเร็วกว่าการตากแดดตามธรรมชาติ
ที่สำคัญ การอบแห้งแผ่นข้าวแต๋นดิบในโรงอบแห้งนี้ ยังช่วยแก้ปัญหาการรบกวนของแมลงและความเสียหายจากการเปียกฝน
เบื้องต้นโรงอบแห้งนี้สามารถอบแห้งแผ่นข้าวแต๋นดิบครั้งละประมาณ 1,000 กิโลกรัม ต่อไปจะทำการเพิ่มชั้นวางผลิตภัณฑ์ให้สามารถตากแห้งผลิตภัณฑ์ได้ 2,0004,000 กิโลกรัมต่อวัน
นอกจากการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีแล้ว ยังได้มีการต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้นเป็นแห่งแรกของไทยที่สามารถเก็บได้ถึง 8 เดือนหลังการทอด ส่วนแผ่นข้าวแต๋นดิบเก็บได้นาน 68 เดือน (โดยไม่ใส่ตัวดูดซับความชื้น) จากเดิมที่เก็บได้เพียง 3 เดือน อนาคต สุธาณี บอกว่า กลุ่มจะยังคงพัฒนาต่อให้เก็บนานขึ้นถึง 18 เดือน เพื่อส่งออกไปยังประเทศอังกฤษ
แน่นอนว่าในเรื่องของตัวขนมก็ต้องพัฒนาด้วย โดยจะพัฒนารูปแบบของผลิตภัณฑ์แบบต่างๆ มากขึ้น เช่น รูปหัวใจและหมีแพนด้า ตลอดจนพัฒนาบรรจุภัณฑ์ จากเดิมที่มีการบรรยายเป็นภาษาต่างประเทศ 4 ภาษา ได้แก่ ไทย จีน อังกฤษ และญี่ปุ่น ล่าสุดได้เพิ่มภาษาเกาหลีอีก 1 ภาษา หลังสินค้าได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดเกาหลี
สุธาณี ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า ในอนาคตข้าวแต๋นแม่บัวจันทร์ 2 ต้องการเป็นสถานีวิจัยและถ่ายทอดการผลิตข้าวแต๋นแห่งแรกของไทยให้กับวิสาหกิจชุมชนอื่นๆ และผู้สนใจทั่วไป ปัจจุบันมีผู้สนใจจากทั่วประเทศเดินทางเข้ามาดูงานปีละหลายพันคน มีการนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอด สร้างอาชีพและรายได้แล้วจำนวนมาก
สนใจก็สอบถามได้ที่ โทร. 028824103 หรือ 0815584983 และ 0892093659


