ความสุข ของปิยะมาศ โมนยะกุล กายใจและจิตวิญญาณที่เติมเต็ม
ใครๆ เรียกดิฉันว่านางเอกหนังตลก 100ล้าน ปิยะมาศ โมนยะกุล ดิฉันเกิดในวันปิยมหาราช ใกล้ถึงวันเกิดปีนี้ อาจเป็นช่วงเวลาดีๆ
โดย...ปิยะมาศ โมนยะกุล เรียบเรียง วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ ภาพ ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์
“ใครๆ เรียกดิฉันว่านางเอกหนังตลก 100ล้าน ปิยะมาศ โมนยะกุล ดิฉันเกิดในวันปิยมหาราช ใกล้ถึงวันเกิดปีนี้ อาจเป็นช่วงเวลาดีๆ ให้ดิฉันได้ทบทวนชีวิตและความหมายของความสุขที่แท้จริง ปัจจุบันชีวิตของดิฉันก็เป็นชีวิตชิลๆ สบายๆ พา ‘กาย’ ท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ พา “ใจ” ไปเที่ยวไปชำ ระจิตในสถานที่สงบ ภาวนาเพื่อพักจิต
ชื่อเล่นคือ ปุ๊ ชื่อจริงคือ ปิยะมาศ ก็เพราะสาวโคราชคนนี้เกิดตรงกับวันปิยมหาราช 23ตุลาคม ดิฉันคว้าตำแหน่ง มิส บี.ซี.ซี.ในปี2514 จากนั้นได้เข้าสู่วงการภาพยนตร์โดยการชักนำของ สุรินทร์ แสงขำ ไปสู่ค่ายบางกอกการภาพยนตร์ ของ วินิจ ภักดีวิจิตร ซึ่งกำลังมองหานางเอกหน้าใหม่ที่จะมารับบท ดาวไสวไพจิตร นักโทษสาวจากเรื่อง ขัง 8 ซึ่งทำให้ชื่อของปิยะมาศ โมนยะกุล โด่งดังขึ้นมาทันทีที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย
จากนั้นก็มีงานแสดงภาพยนตร์ติดต่อกันเข้ามาเรื่อยๆ นับได้ประมาณ 80 เรื่องโดย สรพงษ์ ชาตรี เป็นพระเอก ซึ่งแสดงคู่กันมากที่สุดประมาณ 39 เรื่อง ส่วนละครที่แสดงมีทั้งหมด 80 เรื่อง ทั้งช่อง 3, 5, 7ตั้งแต่ปี 2534 และซิทคอม เฮง เฮง เฮง ที่แสดงอยู่จนถึงปัจจุบัน
ถามจริงๆ ก็ต้องบอกว่า เต็มอิ่มกับชีวิตมายา ปัจจุบันใช้ชีวิตชิลๆ สบายๆ สุขสงบอยู่กับครอบครัว พี่สาว และหลานๆ กับวันนี้ ถามว่ายังต้องการอะไร หรือมีเป้าหมายอะไรในชีวิต ก็คงต้องบอกว่า ดิฉันใช้ชีวิตอยู่ในวงการมานานถึง 40 กว่าปี เราได้พบเจอสิ่งต่างๆมากมาย ทั้งสิ่งดีๆ เรื่องดีๆ และสิ่งสารพันที่ไม่สบอารมณ์ ที่ทำให้จิตใจเศร้าหมอง ร้อนรน ทั้งหลาย ตรงนี้ขอถอนหายใจหน่อยนะคะ (ฮา)
กับวัยที่ย่างเข้ามาถึงขณะนี้ ดิฉันก็ได้คิดได้พิจารณาว่า อะไรคือความสุขที่แท้จริง อะไรคือความสบายใจ อะไรคือสิ่งที่จีรังยั่งยืน โชคดีที่ดิฉันได้คำตอบ ได้พบทางที่จะนำพาเราให้มีความสุขที่แท้จริง นั่นก็คือ ธรรมะ ทุกวันนี้จึงแบ่งเวลาปฏิบัติธรรม ฝึกวิปัสสนากรรมฐานตระเวนทำบุญ สร้างบุญ ตามโอกาส และเผื่อแผ่ให้ผู้อื่นมีโอกาสได้ร่วมสร้างบุญ ร่วมสร้างกุศล ด้วยการเสียสละทรัพย์สินเงินทองหรือกำลังตามควร
ในขณะที่ชีวิตทางโลกนั้น ก็รับงานละครพอประมาณ ความสุขความชอบส่วนตัวคือการได้ท่องเที่ยว ได้เปิดโลกทัศน์ตามโอกาส ทั้งแหล่งท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศก็เรียกได้ว่าไปมาแทบจะทั้งหมดที่อยากไปแล้วการท่องเที่ยวนั้นทำให้เราหูตากว้าง เรียนรู้ธรรมชาติ รวมทั้งได้ดูได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่เปลี่ยนที่แปลงไป ไปท่องเที่ยวก็ฝึกอนิจจังได้
การท่องเที่ยวนั้น เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้จิตใจเบิกบาน ลืมสิ่งต่างๆ ที่ไม่พึงปรารถนาได้ชั่วขณะ ซึ่งก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำใจให้เป็นสุขได้โดยที่แต่ละปีก็วางแผนเลือกสถานที่เที่ยวที่อยากไป ล่าสุดคือการไปท่องเที่ยวพักผ่อนที่ประเทศญี่ปุ่น และสถานที่ปฏิบัติธรรมที่นั่น ก็รู้สึกมีความสุขมาก เติมเต็มทั้งร่างกายจิตใจและจิตวิญญาณ ร่างกายได้ออกกำลัง ได้เดินทาง จิตใจได้รับความสุขความสดชื่น ขณะเดียวกันก็ได้รับความสงบทางจิตวิญญาณจากการปฏิบัติธรรม
ดิฉันอยากฝากข้อคิดเกี่ยวกับธรรมะ ธรรมะคือ ธรรมชาติ ส่วนธรรมชาติ คือ ความจริงที่เป็นอยู่เป็นไปตั้งดับ เป็นปกติของธรรมชาติที่ประกาศให้เราได้เห็น ได้เรียนรู้ เวลายังมีอย่าปล่อยให้สูญเปล่า พึงเรียนรู้และปฏิบัติธรรมก่อนจะสายเกินการ ทั้งนี้การเป็นนักปฏิบัติไม่จำเป็นต้องสุดโต่ง หรือแก่ปฏิบัติจนเกิดทุกข์ หากสามารถจัดความสมดุลของชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรมได้ เราจะไม่มีความทุรนทุรายต่อสิ่งต่างๆ ที่มากระทบ
อย่าปล่อยให้ชีวิตหรือจิตใจให้เข้าสู่ความร้อนตลอดเวลา ทุกคน พา ‘กาย’ ไปเที่ยวกันแล้ว ก็อย่าลืมพา ‘ใจ’ ไปเที่ยวบ้าง สะสมบุญกุศลไว้เป็นอริยทรัพย์ รับผิดชอบหน้าที่การงาน สะสมทรัพย์ทางโลกพอประมาณเพื่อความเป็นอยู่ แล้วสร้างบ้านเราให้เป็นสวรรค์ชีวิตเราจะสุขอย่างสมดุล”


