สืบสานสรภัญญะ บทมนตราเพื่อการตื่นรู้
โดย...วรธาร ทัดแก้ว ภาพ : โครงการสรภัญญะยาตรา
โดย...วรธาร ทัดแก้ว ภาพ : โครงการสรภัญญะยาตรา
ปางเมื่อพระองค์ปรมพุท- ธวิสุทธศาสดา
ตรัสรู้อนุตตรสมา- ธิ ณ โพธิบัลลังก์
ขุนมารสหัสสพหุพา- หุ วิชาวิชิตขลัง
ขี่คีริเมขลประทัง คชเหี้ยมกระเหิมหาญ
แสร้งเสกสราวุธประดิษฐ์ กลคิดจะรอนราญ
รุมพลพหลพยุหปาน พระสมุทรทะ นองมา ฯลฯ
เกิดโลมหังสนาการ (ขนลุก) ขึ้นมาทันทีที่ “ปาน-ธนพร แวกประยูร” นักร้องดัง นำสวดสรภัญญะบทชยสิทธิคาถาข้างต้น ด้วย “ปางเมื่อพระองค์ปรมพุท-” (เพราะพริ้งปีติตื้นมาก) แล้วประชุมชนที่ร่วมในงานแถลงข่าวโครงการ “สรภัญญะยาตรา สืบสานพระราชศรัทธา บทมนตราเพื่อแผ่นดิน ประจำปี 2558” ณ ศาลาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา วัดปทุมวนาราม ต่างรับพร้อมกันด้วย “ธวิสุทธศาสดา” กึกก้อง ไพเราะเสนาะหูทุกถ้อยมนตรา
เป็นธรรมะประกาศให้สาธุชนคนไทยได้รู้ว่าบัดนี้สรภัญญะยาตรา สืบสานพระราชศรัทธา บทมนตราเพื่อแผ่นดินได้เริ่มอย่างเป็นทางการ ธรรมะของพระพุทธเจ้า พระราชศรัทธา พระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจตามหลักธรรมพระพุทธศาสนาจะได้รับการสืบสานผ่านพลังการขับเคลื่อนด้วยสรภัญญะ
ความเป็นมาของสรภัญญะยาตราฯ
โครงการสรภัญญะยาตราฯ เกิดขึ้นมาจากการขับเคลื่อนของศิลปินและจิตอาสากลุ่มบัวลอย ในโครงการปทุมมามหาสิกขาลัย วัดปทุมวนาราม นำโดย “พระปกรณ์วินณ์ ฐิตวังโส” ประชาสัมพันธ์ วัดปทุมวนาราม ขณะที่ศิลปินนำโดย “ปาน ธนพร” นักร้องชื่อดัง พร้อมเหล่าศิลปินจิตอาสาจำนวนหนึ่ง ได้จัดทำบทสวดชยสิทธิคาถาทำนองสรภัญญะมาใส่ดนตรีและทำนองเพลง ในวาระพุทธชยันตี 2,600 ปีที่ผ่านมา แล้วก็พบว่าบทสวดสรภัญญะที่เรียบเรียงดนตรี สามารถเข้าถึงคนทุกกลุ่มเป็นอย่างดี จึงเป็นที่มาของการสานต่อสรภัญญะบทอื่นๆ ในเวลาต่อมา
นักร้องสาว เล่าว่า บทสวดสรภัญญะบทอื่นๆ ที่ได้รวบรวมไว้ยังมีหลายบท เช่น บทสวดพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และบทอื่นๆ ได้นำมาเผยแผ่จัดทำเป็นอัลบั้มที่บรรจุในแผ่นซีดีแจกในงานสำคัญต่างๆ ตั้งแต่อัลบั้ม “รัตนตรัยบูชา” จัดทำขึ้นในงานสมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงเจริญพระชันษา 100 ปี และ “นารีรัตนา” จัดทำในวาระเฉลิมฉลองพระชนมายุ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากนั้นโครงการเริ่มเป็นที่รู้จักกว้างขวาง
ทางกลุ่มได้จัดกิจกรรมการสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะนำร่องในสถานศึกษาและหน่วยงานต่างๆ เรื่อยมา จนกระทั่งในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ (2 เม.ย. 2558) จึงรวมตัวเป็นทางการจัดเป็นโครงการอย่างยิ่งใหญ่เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระองค์ ในชื่อโครงการสรภัญญะยาตรา สืบสานพระราชศรัทธา บทมนตราเพื่อแผ่นดิน ซึ่งได้เชิญสถานศึกษา หน่วยงาน องค์กรทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ
“ต้องการให้โครงการนี้เป็นการสานต่อพระราชปณิธานและการน้อมนำแนวพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเทพฯ ในฐานะที่ทรงเป็นองค์อุปถัมภิกาต้นแบบ ผู้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์อย่างน่ายกย่อง น้อมนำกุศลแห่งพระจริยานั้นมาประยุกต์เป็นหัวข้อในการจัดกิจกรรมผ่านการจัดสวดมนต์หมู่สรภัญญะและกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ โดยมีกำหนดระยะเวลา 3 ปี (2558-2560)
เป้าหมายโครงการ 100 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งปีนี้ตอบรับแล้ว 30 กว่าแห่ง”
นักร้องสาว บอกอีกว่า รูปแบบโครงการประกอบด้วยกิจกรรมหลักๆ คือ ก่อนร่วมสวดมนต์หมู่สรภัญญะ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้ฟังธรรมบรรยายจากพระเถระและพระภิกษุประจำโครงการ รวมถึงวิทยากรชั้นนำ เช่น กิ๊ก-มยุริญ ผ่องผุดพันธ์ และเชอรี่ เข็มอัปสร สิริสุขะ ที่พร้อมใจมอบองค์ความรู้ด้านศาสนา ประวัติศาสตร์ และการเจริญสติผ่านการสวดมนต์ การร้องเพลงธรรมคีตาก่อนเข้าสู่การสวดสรภัญญะอันเป็นหัวใจหลักของโครงการ
“สำหรับปานรับหน้าที่วิทยากรนำสวดสรภัญญะในทุกบท พร้อมมอบความรู้ทักษะด้านการใช้เสียงต่างๆ จากประสบการณ์ทั้งหมดให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้ฟังและนำไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับชีวิตได้ กิจกรรมนี้ยังได้รับเกียรติจากศิลปินนักร้องชั้นนำที่เข้าร่วมอุปถัมภ์โครงการ อย่างเช่น ลูกหว้า พิจิกา, อาร์ม กรกันต์, ปุยฝ้าย ณัฏฐพัชร, ต้น ธนษิต, กฤษ กฤษมงคล เป็นต้น ที่พร้อมผลัดเปลี่ยนเข้ามาร่วมสวดและร่วมสืบสานภารกิจโครงการ”
ทำไมต้องสรภัญญะ
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคนไทยเกือบ 80% เคยพร่ำสวดสิ่งเหล่านี้ แต่ไม่ทราบลึกซึ้งถึงความรู้ความเข้าใจแก่นแท้ของการสวดสรภัญญะ นอกจากความงามทางภาษา การปฏิบัติขั้นพื้นฐาน นี่คือกุญแจสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ร้อยเรียงเรื่องราวทรงคุณค่ามากมายมายาวนานกว่า 6 แผ่นดิน ผสานไปกับการปลูกเมล็ดพันธ์ุแห่งธรรมะขั้นพื้นฐานในวัยเยาว์ และนั่นคือก้าวแรกแห่งการเติบโตเป็นผู้ใหญ่
สรภัญญะจึงคืออณูหนึ่งของความทรงจำที่ถึงเวลากลับมาขับขานตำนานแห่งชีวิตและเรื่องราวในแผ่นดินนี้อีกครั้งและไม่ดูคร่ำครึแน่นอน เพราะบทสรภัญญะที่ใช้ในการสวดในโครงการนี้มีการเรียบเรียงออกมาเป็นบทเพลง มีท่วงทำนองที่สวยงาม
นอกจากบทสวดประกอบดนตรีแล้ว ยังมีมิวสิควิดีโอใหม่ของโครงการสรภัญญะยาตราฯ ในชื่อชุด “องค์ใดพระสัมพุทธ” (Homage to The Buddha) ซึ่งจัดสร้างอย่างอลังการด้วยความทุ่มเทของศิลปินและจิตอาสากลุ่มดังกล่าว ซึ่งเริ่มมีการเผยแพร่ทางยูทูบและสื่อต่างๆ บ้างแล้ว
ช่วยปลุกคนเข้าหาธรรม
กิ๊ก มยุริญ นักแสดงผู้มีภาพลักษณ์ธรรมะธรรมโมที่สังคมรู้จักดีคนหนึ่ง เผยความรู้สึกที่ได้รับเกียรติให้มาร่วมขับเคลื่อนโครงการว่า รู้สึกยินดีและขอบคุณที่ทางโครงการเชิญมา “การพัฒนาจิตใจเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าไม่พัฒนาด้านนี้เป็นอันดับแรกการพัฒนาด้านไหนๆ ก็ไร้ผล และการพัฒนาจะได้ผลอย่างถาวรจะต้องเริ่มที่ใจของคนนั่นเอง โครงการสรภัญญะยาตราถือว่าเป็นกุศโลบายที่ดีที่จะทำให้เด็กๆ เยาวชนหันมาสนใจธรรมะและพระศาสนามากขึ้น
กิ๊กเชื่อว่าสถานการณ์เวลานี้อยู่เราเฉยๆ ไม่ได้ ต้องเอาธรรมะพุ่งเข้าหาเด็กๆ เพราะสังคมโซเชียลทำให้จิตใจของคนเราเปลี่ยนไปมาก ดังนั้นถ้าไม่ร่วมแรงร่วมใจที่จะกล่อมเกลาจิตใจของเยาวชน อนาคตประเทศชาติดูจะไม่สดใส วันนี้จึงขอขอบคุณทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนที่มาร่วมมือกัน กิ๊กพร้อมจะเป็นกำลังขับเคลื่อนโครงการไปด้วยกัน”
น้องๆ นักเรียน นักศึกษา บุคลากรหน่วยงานต่างๆ รวมถึงประชาชนทุกๆ ที่ที่โครงการยาตราไปถึง จะได้เห็นดาราสาวผู้นี้ที่มิเพียงสวยเท่านั้น ยังมีลีลาการบรรยายธรรมที่เด็ดขาดไม่เบาอีกด้วย
ด้าน เชอรี่ เข็มอัปสร เผยความรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาช่วยโครงการ พร้อมกล่าวว่า ทุกบาททุกคำและทำนองของสรภัญญะมีความไพเราะจับใจ แม้เป็นคำไทยที่ไม่ค่อยได้ใช้กัน แต่ก็หาความหมายได้ไม่ยาก เชื่อว่าทุกคนที่ได้ขับร้องหรือตั้งใจฟังสรภัญญะก็สามารถเข้าถึงความสงบและความบันเทิงในธรรมได้
“การสวดมนต์และฟังธรรมสามารถเข้าถึงธรรมได้ ขอเพียงเราน้อมใจสวด ตั้งใจฟังจริงๆ ก็ทำให้เราสามารถเข้าถึงธรรมะของพระพุทธเจ้าอันเป็นที่สุดของความล้ำค่าและเข้าใจแก่นของพระพุทธศาสนาได้ ดีใจมากที่ได้ทำหน้าที่สืบทอดพระศาสนา อยากให้โครงการประสบความสำเร็จเข้าถึงกลุ่มน้องๆ เยาวชนให้มากที่สุดค่ะ”
ขณะที่ ไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต ผู้สนับสนุนโครงการ กล่าวว่า การสวดมนต์ทำนองสรภัญญะจะช่วยทำให้จิตใจของผู้สวดเกิดความสงบและเกิดปัญญา ทำให้เยาวชนมีสมาธิและมีความสามารถในการเรียนรู้ดีขึ้น และเป็นคนดีที่มากด้วยความรู้
ด้าน สด แดงเอียด ที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กล่าวว่า สำนักงานทรัพย์สินฯ มีหน้าที่โดยตรงในการสืบสานพระราชปณิธานของทุกพระองค์ในการดูแลรักษาอนุรักษ์องค์ความรู้ประวัติศาสตร์ของชาติให้คงอยู่พร้อมบูรณาการให้เข้ากับยุคสมัย ขณะเดียวกันวัดปทุมวนารามฯ ก็เป็นวัดที่สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้เข้ามาดูแลอนุรักษ์และพัฒนา พร้อมกับให้การสนับสนุนกิจกรรมนี้
เชื่อเหลือเกินว่าโครงการนี้ที่เริ่มมาดีแล้ว หากได้รับการสนับจากทุกภาคส่วนจริงๆ โดยเฉพาะรัฐบาล เด็กๆ เยาวชนและประชาชนทั่วไปย่อมจะเกิดการตื่นรู้จากการสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะทั่วทั้งประเทศได้แน่


