วิจารณ์หนัง "ฟรีแลนซ์" ผ่านมุมมองจิตวิทยา
เฟซบุ๊ก สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
เฟซบุ๊ก สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
#ทุกการเลือก_คือการแลก
ตอนแรกไม่กะจะดูเพราะตัวอย่างหนัง #Freelancethemovie ทำให้คิดว่าเป็นหนังกุ๊กกิ๊ก
เอาเข้าจริงเป็นหนังที่ดูจบแล้วความรู้สึกไม่จบ มีอะไรหลายอย่างชวนให้ตั้งคำถามและใคร่ครวญ จนต้องเขียนบทความนี้ออกมา
- - - ทุกคนคงรู้พล็อตเรื่องและตัวละครหลักๆ(ที่มีอยู่ไม่กี่คน)กันอยู่แล้วเนอะ
แต่หากใครยังไม่ได้ดู ถัดจากนี้ spoil จ้ะ (ยาวด้วย ขอเตือน) - - -
1) ชีวิตฟรีแลนซ์ มันไม่ได้ชิล สบาย เป็นเจ้านายตัวเอง อย่างที่หลายๆคนวาดภาพหรอกนะ
ไม่มีเวลาเข้างาน-เลิกงานก็จริง แต่มี 'deadline' มาแทน ซึ่งบ่อยครั้งผุดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ไม่มีเจ้านาย มีแต่ลูกค้า ซึ่งสำหรับคนที่ทำงานด้านการบริการ ลูกค้าก็คือพระเจ้า
การไม่รับงานๆหนึ่งอาจหมายถึงโอกาสอื่นๆที่จะหลุดลอยไป
ดังนั้นหากไม่เก๋าจริง ใครจะกล้าปฏิเสธเมื่อไม่อาจแน่ใจได้ว่าเดือนหน้าปฏิทินงานจะแน่น...หรือว่างสักแค่ไหน
ความรับผิดชอบคือ'จุดขาย' และคือ "ค่าใช้จ่าย" ของการนั่งทำงานที่ไหนที่ได้ หัวฟูหน้าสดได้ตามใจอยาก
มันก็เลยเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ที่ยุ่นต้องทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ ใครจะให้ทำอะไรก็รับไว้หมด
ในเมื่อสังคมปัจจุบัน เงินคือตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ
การเป็นฟรีแลนซ์ จะทำให้เรามีอิสระมากกว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนจริงๆหรือ ... หรือเราแค่จะก้าวออกจากเล้าไปเข้ากรงเท่านั้น?
อิสระที่แท้จริงคืออะไร?
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
2) ชีวิตมิติเดียว : คุณค่าของตัวตนแปรผันตรงกับผลงาน
แม้ยุ่นจะรู้สึกว่าเขามีความสุขกับชีวิตแบบนี้ดี แต่ดูเหมือนว่าชีวิตจะไม่ได้เห็นด้วยกับเขานัก
และผื่นคัน ก็คือวิธีที่ชีวิตใช้เป็นสัญญาณเรียกร้องขอความสมดุลให้กับร่างกายที่จิตใจของเขาอาศัยอยู่
สำหรับยุ่น งานไม่ใช่แค่วิธีการหารายได้เพื่อยังชีพ แต่คือเครื่องยืนยันการมีอยู่ของเขา
ผลงานที่เนี้ยบและทันเวลา คือเกณฑ์พิสูจน์คุณค่าของตัวเอง
ดังนั้นเมื่อ 'ผลงาน' ไม่เป็นไปอย่างที่คิด 'ตัวตน' ก็สั่นคลอน
ชีวิตที่มีมิติเดียวแทบจะพังทลาย เหมือนปราสาททรายที่โดนคลื่นลูกใหม่อย่างเจิดไล่ซัด
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
3) เราอาจจะเคยได้ยินคำกล่าวเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ระหว่าง เวลา - สุขภาพ - เงิน กันมาบ้าง
ตอนเป็นเด็ก เรามีเวลา มีสุขภาพที่ดี - แต่ไม่มีเงิน
พอเป็นผู้ใหญ่ สามารถหาเงินได้ สุขภาพยังดี - ก็ไม่มีเวลา
ครั้นแก่ชรา มีเงินเก็บ มีเวลา - สุขภาพก็ไม่เอื้ออำนวยเสียแล้ว
ยุ่นยังไม่แก่ แต่ร่างกายกำลังพัง
ตลอดทั้งเรื่อง เราแทบไม่เห็นร่อยรอยของความสุขของเขา
ยิ้มบางๆปรากฏเพียงชั่วแวบ ... และมันเป็นตอนที่ยุ่นนั่งเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากทอดสายตามองพระอาทิตย์อยู่ริมทะเล
ไม่ใช่ตอนทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
4) เจ๋ - นาฬิกาที่มีชีวิตอีกเรือน และคนๆเดียวที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของยุ่น
แม้เจ๋จะคอยรับงานให้ จี้เตือนdeadline และตรวจสอบคุณภาพงานของเขาตลอดเวลา จนดูเหมือนว่าชีวิตของคนสองคนนี้คล้ายกันมาก
แต่เมื่อตั้งท้อง เจ๋ก็เตรียมตัวแต่งงานแล้วหยุดทำงานตามที่สามีขอ ในขณะที่ยุ่นโวยวายว่าท้องก็ทำงานได้นี่
เจ๋บอกว่า เธอแค่ไม่ได้ "เลือก"งาน อย่างที่ยุ่นเลือก
ภายใต้ความโมโหของยุ่น มันคือความรู้สึกเคว้งคว้าง โดดเดี่ยว
ชีวิตมิติเดียวของเขาที่ตอนนี้ว่างงาน มันก็ไม่มั่นคงพออยู่แล้ว นี่เขากำลังจะสูญเสียเพื่อนสนิทที่มีอยู่คนเดียวไปอีก
หากเขาต้องการคนช่วยงาน คนอื่นก็คงไม่ต่างกัน
แต่ในแง่มุมของเพื่อน ไม่มีใครแทนที่ใครได้
ดังนั้น มันจึงไม่มี "เจ๋2" อย่างที่อาจจะมี "ยุ่น2" ได้
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
5) ตอนที่ความตายเข้ามาสบตา คือตอนที่ยุ่นได้ทบทวนว่า เขาพลาดอะไรไปบ้าง
หรือพูดอีกอย่าง อะไรกันแน่ที่สำคัญ
คนเรามักจะมองเห็นสิ่งเหล่านั้นก็ต่อเมื่อชีวิตจะปลิดปลิว
หมออิมเคยบอกกับยุ่นว่า คนที่ชอบบอกว่าตัวเองไม่กลัวความตาย มักจะเป็นคนที่ไม่เคยมีใครให้คิดถึง
ตอนนั้นเขาคงไม่ได้เข้าใจคำพูดนี้เท่าไหร่นัก
เราจะดูแลตัวเองมากขึ้น เมื่อเรารู้ว่าการอยู่ การเจ็บ การตายของเรา มีความสำคัญต่อชีวิตอื่น มีความหมายต่อหัวใจบางดวง
ตลอดเวลากว่า10วันที่ไม่ได้หลับได้นอน สภาพร่างกายของยุ่นไม่ต่างจากภาพคนที่เขาตกแต่ง ... รูปหลังๆมีลายรอยแตกกะเทาะมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนแรกที่ลงไปกองกับพื้น ยุ่นยังคิดว่า ในงานศพ อยากให้มีวงTKมาร้อง ทุกคนไม่ต้องเศร้าไปนะ ความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ
ใช่ การตายอาจจะไม่ได้ชวนโศกเศร้าเท่าไหร่ แต่เก้าอี้ว่างมากมายในงานศพนั่นต่างหากที่น่าใจหาย
เมื่อผู้มาร่วมงาน ประกอบด้วย
เจ๋ - มนุษย์คนเดียวที่เรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นเพื่อนสนิท
ไก่ - พนักงาน7-11 สาขาที่ยุ่นไปซื้ออาหารประทังชีวิตบ่อยๆ..คนขายของที่กลายมาเป็นเพื่อนโดยปริยาย
พงศธร - เพื่อนคนนึงที่มาด้วยสีหน้ามึนๆ
แม่ - ผู้มีตัวตนอย่างพร่าเลือน ไม่ต่างจากรูปถ่ายซีดๆถลอกๆใบนั้น
และหมออิม - คนที่ยุ่นจะได้เจอเมื่อมีนัดตรวจโรค
ความสำเร็จนั้นหอมหวาน
แต่มันจะยังน่าไขว่คว้าขนาดนั้นไหม หากได้มาแล้วมองไปไม่เห็นใครเลยที่จะร่วมดีใจไปด้วย?
ถ้าหากเราเป็นอะไรไป แล้วแทบจะไม่มีใครรู้สึกใจหาย?
"นี่เหรอภาพสุดท้าย ... ไม่เห็นสวยเลย"
ยุ่นนอนนิ่ง มองขยะเกลื่อนพื้นห้อง
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ยุ่นเป็นแค่ตัวอย่างของคนๆหนึ่ง ที่ชีวิตห่างไกลจากคำว่าสมดุล
ใครๆก็เป็นแบบนี้ได้ ไม่ว่าอาชีพไหน
เราไม่อาจจะได้ทุกอย่าง ในเวลาเดียวกัน
เราไม่อาจจะได้ทุกอย่าง โดยไม่เสียอะไรไป
ทุกการ "เลือก" คือการ "แลก"
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุ่น อาจเป็นตอนที่
เขาเรียนรู้ แล้วจึงเลือกที่จะปฏิเสธพี่เป้งด้วยการบอกว่า
"ผมจะนอน"
#หมอมีฟ้า


