ขอคารวะหัวใจ "ช้างศึก" และผู้เล่นคนที่12
นอกจากนักกีฬา สตาฟโค้ช ก็ต้องเป็นกองเชียร์หรือ ผู้เล่นคนที่ 12 ที่อยู่ในสนาม หรือที่เชียร์อยู่ที่บ้าน ทำให้ทีมชาติไทยมาถึงจุดนี้ได้
โดย...ราชันเบอร์23
ผ่านสายตาแฟนบอลไปแล้วสำหรับศึกฟุตบอลโลก 2018 โซนเอเชีย รอบคัดเลือก กลุ่มเอฟ นัดที่ 3 ระหว่าง"ช้างศึก"ทีมชาติไทย พบ อิรัก ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อคืนวันที่ 8 ก.ย. เป็นอีกคืนที่คนไทยทั้งประเทศมีความสุขกับผลงานของนักเตะทีมชาติไทย ที่ วิ่งสู้ฟัด จนสามารถตามตีเสมอ อิรัก ทีมแถวหน้าของทวีปเอเชีย 2-2 ในช่วง 20 นาทีสุดท้ายก่อนหมดเวลา แม้ตลอดเกม"ช้างศึก"จะเป็นรองทุกประตู ยิ่งไม่มีนักเตะชุดแชมป์แชมป์ซูซูกิคัพ 2014 และแชมป์ซีเกมส์2015 นักเตะหลายคนที่ยังไม่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็น "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธุ์ "ตั้ม" ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าทีมชาติไทยจะต่อกรกับมหาอำนาจลูกหนังเอเชียได้อย่างไร
เพราะซิโก้"เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ ใช้ผู้เล่นชุดใหม่ที่เอาชนะ อัฟกานิสถาน 2-0 อย่าง ตำแหน่งเซนเตอร์ที่ถือเป็นหัวใจเกมรับ สุทธินันท์ พุกหอม กับ กรวิทย์ นามวิเศษ ส่วน แดนกลางมี สารัช อยู่เย็น , ปกเกล้า อนันต์ , สรรวัชญ์ เดชมิตร เป็นหน้าต่ำ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ยืนปีกซ้าย มงคล ทศไกร ปีกขวา ธีรศิลป์ แดงดา ยืนหัวหอก ในระบบ 4-3-3 พอเห็นรายชื่อ11คนแรก ยอมรับว่า หวั่นใจไม่น้อย โดยเฉพาะตำแหน่งเซ็นเตอร์ ที่ สุทธินันท์ พุกหอม กับ กรวิชญ์ นามวิเศษ
ซึ่งก็เป็นจริงตามที่คาดการณ์ เพราะผ่านไป 49 นาที อิรักนำไทย2-0
ทีมจากตะวันออกกลาง เหนือกว่าไทยอย่างเห็นได้ชัด ทั้งรูปเกมและสรีระร่างกายที่ทีมไทยเสียเปรียบ ชนิดที่โดนเบียด โดนกระแทกนิดเดียว ล้มกลิ้งลงไปคลุกฝุ่น แต่เหล่านักเตะทีมชาติทุกคน ก็สวมหัวใจสิงห์วิ่งสู้ฟัด เล่นตามเสียงเชียร์ของแฟนบอลที่แห่เข้าไปในสนามราชมังคลากีฬาสถาน กว่า 50,000 คน....
ทุกครั้ง ที่ทีมไทยได้บอล กองเชียร์ไทยจะเฮลั่น ส่งเสียงตะโกนเชียร์ชนิดที่เรียกได้ว่า สุดแรงเกิด จนไทยได้ประตูตีไข่แตก 1-2 จาก "เจ้าอุ้ม"ธีราทร บุญมาทัน และ ประตู ตีเสมอ2-2 ที่"เจ้าเย็น" มงคล ทศไกร มิดฟิลด์จากอาร์มี่ ยูไนเต็ด จะต้องจดจำไปทั้งชีวิต เพราะคนดูส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ ราวกับว่า สนามแห่งนี้จะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
สารภาพเลย ขนแขนสแตนอัพ อย่างไม่ได้ตั้งใจ ตอนทีมไทยตีเสมอได้
ส่วนหนึ่งเพราะดีใจที่ไทยยิงได้ แต่อีกส่วนหนึ่ง ชื่นชมในสปิริตของนักเตะ ที่ลงไปวิ่งไล่บอลอยู่ในสนาม
รู้ได้เลยว่า ใจสู้มาก ๆ ไม่ยอมแพ้ ซึ่งคำว่า ไม่ยอมแพ้ ไม่เห็นมันมานานมากแล้ว แต่ได้เห็นหลังจากที่"ซิโก้"เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เข้ามาอาสากุมบังเหียนทีมไทย
ดีใจที่ได้เชียร์ ได้ไปทำข่าวที่สนามแทบทุกครั้ง ดูพัฒนาการของนักเตะชุดนี้ มาโดยตลอด
หลังจากนี้เป็นต้นไป พวกคุณยังเล่นบอลกันแบบนี้อยู่ เชื่อเหลือเกินว่า ไม่ว่าคุณจะแพ้ หรือ ชนะ ขอแค่แสดงให้เห็นว่า พวกคุณเต็มที่กับมันแบบนี้ ไม่มียอมแพ้
เท่านี้แฟนบอลก็รักพวกคุณหมดหัวใจ
หลังเกมเลิก บรรดาแฟนบอลจำนวนมาก ยังไม่ออกจากสนามราชมังคลากีฬาสถาน บ้างก็ร้องเพลงเชียร์ ถือไฟฉาย ป้ายไฟ ร้องรำทำเพลงกันอย่างมีความสุข
รับเครดิตไปเต็ม ๆ เลยนอกจากนักกีฬา สตาฟโค้ช ก็ต้องเป็นกองเชียร์หรือ ผู้เล่นคนที่ 12 ที่อยู่ในสนาม หรือที่เชียร์อยู่ที่บ้าน ทำให้ทีมชาติไทยมาถึงจุดนี้ได้
ขอคารวะ..หัวใจนักเตะและกองเชียร์ชาวไทยทุกคน!!


