posttoday

เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่า “Sneakerhead” ภูวเดช ฉัตรทิวาพร

08 กันยายน 2558

โดย...ณัฐดนัย คุณกมุท ภาพ : เสกสรร โรจนเมธากุล

โดย...ณัฐดนัย คุณกมุท ภาพ : เสกสรร โรจนเมธากุล

เด็กหนุ่มวัย 19 ปี ซัน-ภูวเดช ฉัตรทิวาพร นักศึกษาชั้นปีที่ 2 จากรั้วมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยหลงใหลคลั่งไคล้ในรองเท้าถึงขั้นชื่นชอบการสะสมรองเท้าเป็นชีวิตจิตใจคงไม่แปลกที่เราจะเรียกเขาว่า “Sneakerhead” การเริ่มต้นสะสมของซันมาจากกระแสรองเท้าสเกตที่เข้ามาในประเทศไทยเมื่อสักประมาน 6-7 ปีที่แล้ว ในขณะที่เขากำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เมื่อกระแสบูม เขาจึงอยากมีเก็บสะสมเป็นของตัวเองบ้าง

เมื่อมีคู่ที่ 1 คู่ที่ 2 และ 3 ก็ตามมาเรื่อยๆ เขามาเริ่มสะสมรองเท้าจริงจังตอนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งจุดนั้นทำให้เขาเริ่มต้นศึกษาข้อมูลของรองเท้ามากขึ้น โดยเฉพาะยี่ห้อ “Vans” ที่เขามีสะสมมากกว่า 50 คู่ทีเดียว

“ทุกยี่ห้อมีความยูนีกมีความเจ๋งของตัวมันเอง ผมเห็นว่า Vans มีความยูนีกตรงชื่อ ลักษณะรองเท้าและหน้าตาของมัน แต่ที่ผมชื่นชอบในแวนส์มากๆ คือ รูปทรงที่แตกต่างจากยี่ห้ออื่นคือเหมาะกับคนหน้าเท้าใหญ่ซึ่งเข้ากับสรีระเท้าของผม การดีไซน์ก็ถือเป็นส่วนหนึ่ง วัสดุก็ใช้ได้เมื่อเทียบกับราคา สามารถจับต้องกันได้ประมาณหนึ่งพันถึงสองพันบาท” ซันเล่าต่อว่า Vans เป็นแบรนด์ของอเมริกา เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 1966 เพื่อผลิตมาแข่งกับ Converse แต่ก็สู้ไม่ติด บริษัทจึงไม่ประสบความสำเร็จ เพราะจำหน่ายรองเท้าถูกเกินไปเพื่อตัดราคาเอาฐานลูกค้า แล้วบริษัทก็ถูกเทกโอเวอร์และก็อยู่รอดจนถึงปัจจุบัน

เสน่ห์ของแวนส์ที่ซันถูกใจคือ การทำงานร่วมกับนักดนตรีศิลปินดังๆ ระดับโลก จึงผลิตรองเท้ารุ่นใหม่ๆ ที่พิเศษออกมากระตุ้นตลาดอยู่เสมอๆ

“แต่ละคู่ผมซื้อด้วยความชอบและรวมถึงข้อมูลของแต่ละคู่ด้วย ถ้ามันมีอะไรที่น่าสนใจ มันก็จะดึงดูดให้ผมอยากซื้อ เช่น บางตัวทำกับแบรนด์เสื้อผ้าของทางญี่ปุ่น อย่างแบรนด์ Wtaps และอีกแบรนด์หนึ่งคือ Supreme แบรนด์นี้คนทั่วไปค่อนข้างจะรู้จักกันอยู่ เขาจะมีเอกลักษณ์ตรงที่เขาจะเล่นลายบนผ้าใบ ส่วนอีกอย่างที่ทำให้ผมชอบ Vans ก็คือ Package ที่มีการออกแบบบางคู่ที่พิเศษกว่ากล่องบรรจุปกติทั่วๆ ไป เช่น ออกแบบเป็นกล่องลิ้นชัก มีป้ายแท็กสวยๆ มีเชือกสำรอง มีถุงผ้าอย่างดีซึ่งมันเจ๋งมากครับ อย่างของแบรนด์ญี่ปุ่นบางรุ่นเขาให้เป็นฟิกเกอร์ปูนปลาสเตอร์มาด้วย เป็นเหมือนโมเดลอะไรสักอย่าง ซึ่งมัน
น่าสนใจมากครับ”

 5-6 ปีมานี้ซันเก็บสะสมรองเท้าได้มากกว่า 50 คู่ แต่ก็เก็บด้วยความรู้ค่า ค่อยๆ เก็บสะสมมาเรื่อยๆ เพราะด้วยอยู่ในช่วงวัยเรียนทำให้ต้องมีการซื้อมาขายไป บางคู่อยากได้ก็ต้องเก็บเงินออมค่าขนมจากที่คุณพ่อคุณแม่ให้ รวมทั้งทำงานพิเศษเพื่อเก็บสะสมเพื่อซื้อรองเท้าคู่โปรด ดังนั้นการใช้รองเท้าแต่ละคู่ของซันจึงทะนุถนอมเป็นพิเศษ อย่างฝนตกถึงกับต้องถอดรองเท้าแล้วเอามาแขวนกันเลยทีเดียว

 “ตอนเรียนมัธยมปลายอยากได้ผมจะอดออมด้วยการไม่เที่ยวเตร่ครับ เพื่อเอาเงินซื้อรองเท้าเป็นหลัก แต่ก็กินปกติแต่ตัดของฟุ่มเฟือยออกไปหมด เช่น สัปดาห์หนึ่งได้เงินค่าขนม 1,500 ผมจะเก็บไว้ 500 บาท แต่ตอนนี้ผมหันมาสนใจกล้องก็ใช้วิธีเดิม คือทำงานพิเศษไปเป็นเด็กเสิร์ฟตามอีเวนต์บ้าง หรือทำงานคณะบ้างก็ได้เงินจำนวนหนึ่ง จะได้ไม่รบกวนคุณพ่อคุณแม่มากนักครับ ซึ่งภาพที่ผมชอบถ่ายก็เป็นภาพรองเท้านั่นแหละครับ”

 สำหรับการซื้อมาขายไปของวงการนี้ก็แอบมีความเสียดายแฝงอยู่เล็กๆ บางคนอาจไม่อยากขาย แต่ตลาดออนไลน์ค่อนข้างซื้อง่ายขายคล่อง ที่ตัดสินใจขายบางคู่ไปเพื่อนำเงินไปซื้อคู่ออกใหม่ๆ ที่อยากได้มากกว่า

“ตอนนี้รองเท้าที่ผมเก็บเหลือประมาณ 30 คู่ เป็น Vans 28 คู่ Nike 1 คู่ และ Dr.Martin 1 คู่ สำหรับเหตุการณ์การซื้อคู่ไหนที่ประทับใจ จริงๆ แล้วผมก็ไม่เคยมีประสบการณ์ในการเข้าแคมป์รองเท้าก็คือการต่อแถวซื้อรองเท้า เพราะแวนส์ไม่ใช่รองเท้าตลาดสักเท่าไหร่ จริงๆ ผมประทับใจและชอบทุกคู่  แต่คู่ที่เป็นที่สุดของคอลเลกชั่นที่ผมเก็บสะสมแล้วเจ๋งที่สุด คือ สีแดงครับ รุ่น Vans vault x Major League Baseball ‘Angels of Anaheim’ คู่นี้เป็นรองเท้าที่ทำกับทีมเบสบอลของประเทศสหรัฐอเมริกา ชื่อทีม Angels of Anaheim ความพิเศษของมันคือคอลเลกชั่นนี้จะผลิตออกมา 14 ทีม ทีมละ 12 คู่ คละไซส์กันไป ถ้าครบจริงๆ เขาจะมีเสื้อเบสบอลด้วย แต่อันนี้ผมได้มาแต่ตัวรองเท้า คู่ที่ผมได้มาเป็นคู่ที่ 2 ของประเทศไทย เป็นคู่ที่ 9 ของโลก ซึ่งตอนนั้นคนที่ขายในอินเทอร์เน็ตเขาไม่ใส่แล้ว แล้วก็เสียดายซึ่งก็อารมณ์เดียวกับผม คือขายไปเพื่อที่จะซื้อคู่ใหม่ที่เขาชอบกว่า ผมก็ได้มาในราคาตั้งของเขาเลยนั่นคือ 5,500 บาท แต่รองเท้าที่ออกแบบของบางทีมราคาขายอยู่ที่หลายหมื่นบาท แล้วคู่นี้อีกทรงหนึ่งตอนนี้ที่ซื้อขายในอินเทอร์เน็ตจะอยู่ที่ราคา 1.8 หมื่นบาทแล้วครับ”

หากถามถึงหลักการเลือกเก็บสะสมรองเท้าของซัน แต่ละคู่เขาเลือกที่ประวัติของคนออกแบบเป็นอันดับแรก สอง คือ วัสดุที่ใช้ทำ เพราะคุ้มค่ากับราคาที่ลงทุนไป สำหรับวิธีดูแลรักษากลุ่มคนที่คลั่งไคล้รองเท้าจะให้ความสำคัญมากๆ  ไม่อยากให้ถลอกหรือเปรอะเปื้อน

“เวลาใส่อยู่แล้วฝนตกผมจะถอดแขวนคอแล้วยอมเดินเท้าเปล่า (ยิ้ม) หรืออาจมีถุงพลาสติกติดตัวสักใบติดตัวไป เวลากลับมาถึงบ้านก็ต้องเอาผึ่งลมและใส่กันชื้นทุกคู่ ก่อนเก็บก็ต้องตากลมก่อนจนข้ามวันแล้วค่อยเก็บใส่กล่องเพื่อกันเชื้อราและกลิ่นเท้า เพราะรองเท้าพวกนี้จะซักไม่ได้อาจจะเสียหรือพังได้ ไม่ควรซัก และแดดก็อาจจะทำให้สีซีดได้ ผึ่งลมดีที่สุด”

ซันกล่าวทิ้งท้ายว่า ในอนาคตเขาก็ยังคงจะเก็บสะสมรองเท้าไปเรื่อยๆ และอาจส่งต่อความชอบไปให้ลูกๆ ของเขาก็ได้ เพราะรองเท้ารุ่นพิเศษที่บางคู่มีลายเซ็นของคนดังก็อาจจะประมูลได้ในราคาแพงขึ้น ถือเป็นสินทรัพย์ที่ส่งต่อรุ่นต่อรุ่นได้ อีกทั้งยังมีคุณค่าทางจิตใจอีกด้วย

ข่าวล่าสุด

ผลบอล โยเคเรสซัดโทษ! อาร์เซน่อล1-0 เอฟเวอร์ตัน,ลิเวอร์พูล 2-1