การเดินทาง ของ สุชาติ แซ่เห้ง
ชีวิตของเขาคล้ายบทเพลงที่เขาเขียน โดยเฉพาะบทเพลงที่ชื่อว่า “การเดินทาง”
โดย...พงศ์ พริบไหว ภาพ ประกฤษณ์ จันทะวงษ์
ชีวิตของเขาคล้ายบทเพลงที่เขาเขียน โดยเฉพาะบทเพลงที่ชื่อว่า “การเดินทาง” เพลงที่มีเนื้อหาบ่งบอกตัวตนของหนุ่มใต้ รูปหล่อ เสียงนุ่ม คนนี้ได้เป็นอย่างดี แน่นอนถึงวันนี้ใครๆ อาจรู้จักเขาในฐานะหนึ่งในสี่คนสุดท้ายที่เข้าชิงรายการเดอะวอยซ์ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แต่มาวันนี้เราลองมาทำความรู้จักเขา ชาติ-สุชาติ แซ่เห้ง ในมุมที่ลึกเข้าไปอีกขั้น กับเรื่องราวของการก้าวเดินด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยเสียงเพลง...
ชาติพูดทิ้งห้วงเวลาสักพักก่อนจะครุ่นคิดถึงสมัยที่เด็กชายชาติสนใจดนตรีแบบจริงๆ จังๆ
“ผมหัดเล่นกีตาร์เพราะคิดว่ามันเท่ดี ก็หัดมาตั้งแต่เด็กแล้วก็เรียนกีตาร์เท่ๆ ไป แต่จริงๆ แล้วเราเห็นว่าเมื่อก่อนไม่ค่อยมีศิลปินเล่นกีตาร์แล้วร้องเพลงด้วย เราก็เลยอยากเล่นคิดว่าคงเท่ดีถ้าทั้งร้องทั้งเล่นได้ คิดแค่นั้นเองตอนนั้น ก็เล่นมาตลอด ก็จริงจังมาเรื่อยๆ พอเล่นเป็นก็เริ่มประกวด พออายุ 17 ก็เริ่มเล่นดนตรีในผับ ก็ทำวงกันมาตั้งแต่ตอนนั้น ก็เก็บประสบการณ์มาเรื่อยๆ จนวันหนึ่งเราไปเที่ยวภูเก็ต แล้วก็มีรุ่นพี่ชวนมาประกวดเดอะวอยซ์แล้วก็เข้ารอบเฉย คือเราไม่ได้เตรียมตัวอะไรแบบนั้นเลยคือตั้งใจไปเที่ยว”
เจ้าตัวยิ้มเมื่อเล่าถึงจุดเริ่มต้นความเป็นดาวในตัวก่อนที่ใครๆ จะได้รู้จักเขาในฐานะนักร้องเสียงนุ่มบาดอารมณ์ ผู้มีเทคนิคการร้องที่เฉพาะตัว เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกของนักเล่าเรื่องชั้นดี ซึ่งเจ้าตัวถือเป็นนักร้องที่มีความพิเศษในเสียงเอามากๆ กระทั่งเสียงของเขานำพาให้ได้เข้ามาอยู่ในสังกัด วอทเดอะดัก ซึ่งดูเหมือนจะห่างไกลกับความเป็นเจ้าของร้านอาหารยามค่ำ ชื่อว่า “สำนักงาน” ที่ตั้งอยู่ในหาดใหญ่ ซึ่งเป็นงานประจำไปสิ้นเชิง งานนี้เมื่อเจ้าตัวได้เข้ามาเป็นศิลปินเต็มขั้นแบบที่ตั้งความฝันไว้ตั้งแต่เด็ก
“หลังจากเดอะวอยซ์ เราก็ได้ไปร้องเพลงประกอบละครที่ชื่อเพลงว่า ให้ตายก็ไม่รักกัน แล้วหลังจากงานนั้นเราก็ได้รับข้อเสนอจากหลายค่ายนะ แต่เราก็เลือกวอทเดอะดัก เพราะดูแล้วเรารู้สึกว่าอยู่ที่นี่ค่อนข้างอิสระ คือเอาจริงๆ เราก็คิดไว้แล้วว่า ถ้าไม่ได้อยู่ค่าย เราก็จะทำเพลงของเราปล่อยในยูทูบอยู่แล้ว เพราะก็ทำเพลงมาได้ประมาณหนึ่งแล้ว ตอนนั้นเราก็คิดกับตัวเองหนักนะว่าจะกลับไปอยู่บ้านแล้วทำเพลง หรือมาทำเพลงกับวอทเดอะดักดี แล้วเราก็คิดว่า ถ้าได้ทำงานเพลงแบบจริงจัง เราว่ามันน่าจะเป็นประสบการณ์ใหม่ให้เราได้ดี มองดูแล้วเราน่าจะได้เรียนรู้การทำเพลงมากขึ้น คือเหมือนเราอยากลอง”
หลังจากเจ้าตัวตัดสินใจทิ้งชีวิตที่ภาคใต้เพื่อมาเป็นนักดนตรีอาชีพ หนุ่มวัย 26 ปี ก็นำเพลงที่แต่งไว้มาทำให้ดีขึ้น ใช้เวลาไม่นานเจ้าตัวก็มีซิงเกิ้ลแรกที่ชื่อว่า “การเดินทาง” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักและการท่องเที่ยว ซึ่งเพลงนี้เจ้าตัวแต่งขึ้นขณะนั่งอยู่บนรถแล้วได้เรียนรู้บางอย่าง จึงเขียนออกมาเป็นบทเพลงเพราะๆ ที่สื่อถึงความเป็นชาติได้อย่างชัดเจน โดยเจ้าตัวพูดถึงการเข้ามาทำงานเป็นศิลปินเต็มตัวให้ฟังด้วยรอยยิ้มว่า
“พอมาทำงานจริง ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองต้องโด่งดังต้องยิ่งใหญ่ คือเราว่ามันไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวผมไปเยอะ อาจจะเปลี่ยนบ้าง คือเราได้ยินเพลงตัวเองในคลื่นวิทยุ (หัวเราะ) แล้วเวลาทำงานเราเองก็ได้ทำเต็มที่ เป็นตัวเราเองมากๆ ยิ่งทำเพลงก็ยิ่งสนุก คือการเล่นดนตรีเราก็มีความสุขแล้ว ยิ่งได้มาทำงานแบบจริงจัง มันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเรา
อย่างเพลง การเดินทาง ที่ผมเขียน ก็จะออกไปในแง่ความรักที่เปรียบเทียบกับการเดินทาง คือการเดินทางทำให้เราได้เรียนรู้ พอเราเรียนรู้เราก็เข้าใจอะไรได้มากขึ้น ทั้งเรื่องชีวิตและความรัก เป็นเพลงที่บอกเล่าเรื่องชีวิตที่เราคิดว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ที่อยากจะมอบให้กับคนฟังได้ ซึ่งผมว่าเพลงนี้ผมทำเต็มที่เป็นเพลงที่ฟังง่ายๆ คิดว่าคนที่ได้ฟังก็น่าจะชอบ”
โดยเพลงของหนุ่มหน้าตาคมเข้มคนนี้ เพิ่งจะปล่อยเป็นมิวสิควิดีโอให้แฟนเพลงได้ฟัง งานนี้ใครอยากลองพิสูจน์ว่าเพลง “การเดินทาง” ของเขาจะเพราะแค่ไหน ลองเข้าไปติดตามกันได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ “Whattheduck”


