posttoday

‘หยุดนิ่ง เท่ากับถอยหลัง’ ตัวตนนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ‘ศ.ดร.พิมพ์ใจ ใจเย็น’

22 สิงหาคม 2558

45 ปีก่อน จ.ภูเก็ต เป็นสถานที่ที่ให้กำเนิดเด็กสาว ที่ต่อมาเธอได้กลายเป็นนักวิทยาศาสตร์มือต้นๆ ของเมืองไทย

โดย...กันติพิชญ์ ใจบุญ

45 ปีก่อน จ.ภูเก็ต เป็นสถานที่ที่ให้กำเนิดเด็กสาว ที่ต่อมาเธอได้กลายเป็นนักวิทยาศาสตร์มือต้นๆ ของเมืองไทย

ผู้ที่ทำผลงานด้านวิจัยในแขนงวิชาวิทยาศาสตร์ เพื่อต่อยอดให้เกิดการสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติต่อไป

“พิมพ์ใจ ใจเย็น” ศาสตราจารย์ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล คือเด็กหญิงคนนั้นเมื่อ 45 ปีก่อน และปัจจุบันเธอเป็นนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี 2558 ของมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ด้วยผลงานด้านการวิจัยในวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ซึ่งสร้างคุณประโยชน์ให้กับโลก คณะกรรมการจึงมอบรางวัลนี้ให้กับเธอด้วยความเหมาะสมทุกประการ

ความตั้งใจ ความใฝ่ฝัน บวกแรงหนุนจากความทะเยอทะยาน ส่งต่อให้ ศ.ดร.พิมพ์ใจ ตัดสินใจเดินในเส้นทางอาชีพที่คนไทยดูเหมือนจะไม่นึกถึง คือ อาชีพนักวิทยาศาสตร์

พิมพ์ใจ ในวัย 15 ปี มีโอกาสได้ไปชมนิทรรศการวิทยาศาสตร์ใน จ.ภูเก็ต ตามที่โรงเรียนจัดพานักเรียนไปทัศนศึกษา แต่เธอหลงใหลกับงานวิทยาศาสตร์ เดินเล่นนานนับชั่วโมง ดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นและเป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสกับงานวิทยาศาสตร์ วันถัดมาเธอก็ยังสนใจจะไปชมนิทรรศการนี้อีก สิ่งนี้เองทำให้เกิดความสนใจ ความต้องการ ปนความอยากรู้แต่ละแขนงของวิชาด้านวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่ทำให้เธอนอนไม่หลับ

ผลที่ว่าทำให้เธอตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ว่าเส้นทางในอนาคตข้างหน้าของเธอ จะเลือกเดินไปในทางไหน

“เราชอบเลยนะ เห็นครั้งแรกก็ชอบเลย งานวิทยาศาสตร์มันมีเสน่ห์ เลยตัดสินใจง่ายเลยว่าอยากเรียนด้านวิทยาศาสตร์ อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ จึงสมัครสอบชิงทุนของโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ พสวท. ซึ่งเขามีทุนให้เลยตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ถึงปริญญาเอก” ศ.ดร.พิมพ์ใจ เล่าถึงความหลังเกี่ยวกับแรงขับที่ทำให้เธอมาเป็นนักวิทยาศาสตร์

เธอย้อนอดีตในวัยเยาว์ว่าอะไรคือแรงบันดาลใจให้เธอเลือกก้าวมาเป็นนักวิทยาศาสตร์ โดยขณะที่ศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เกิดคำถามกับพิมพ์ใจว่า “โตขึ้นเราจะไปทำอาชีพอะไร” โจทย์ในใจข้างต้น สะท้อนออกมาให้เธอค้นหา โดยพบว่าต้องเลือกในแนวทางที่ตัวเองเรียนแล้วสนุก ชอบ และเรียนแล้วดี

ศ.ดร.พิมพ์ใจ เล่าว่า เราก็ชอบวิชาวิทยาศาสตร์ เพราะมันเป็นเหตุเป็นผล ก็เลยทำให้คิดต่อไปว่า แล้วสิ่งที่เราชอบนั้นทำเป็นอาชีพได้หรือไม่ เพราะเอาแค่ชอบอย่างเดียวแต่เราไม่มีข้อมูลเลยว่านักวิทยาศาสตร์ทำเป็นอาชีพอะไรได้บ้าง แต่ตอนนั้นแค่เรียนก็สนุกแล้ว ถ้าได้รู้อะไรลึกๆ คงจะดีแน่นอน เลยตัดสินใจเดินไปบอกแม่ว่าอยากเรียนวิทยาศาสตร์

‘หยุดนิ่ง เท่ากับถอยหลัง’ ตัวตนนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ‘ศ.ดร.พิมพ์ใจ ใจเย็น’

 

“แม่ถามกลับมาว่าถ้าเรียนแล้วจะทำอาชีพอะไร แล้วใครจะส่งเราเรียนเพราะฐานะทางบ้านก็ไม่ร่ำรวย หนำซ้ำก็ไม่เคยรู้จักคนที่มีอาชีพนักวิทยาศาสตร์ จริงๆ แล้วมันเป็นอาชีพในประเทศไทยหรือเปล่า ส่วนใหญ่ก็เป็นต่างชาติทั้งนั้น ฝรั่งทั้งหมด ตกลงมันมีอาชีพนี้ในบ้านเรามั้ย ก็เลยพักความฝันไว้ก่อน พอถึง ม.3 มีโครงการ พสวท. ที่รัฐบาลสนับสนุน เพราะขาดกำลังพลทางด้านเทคโนโลยี เรียนจบหางานให้ทำ นี่ก็ตอบโจทย์ให้เราได้ พอหลังจากเรียน ก็ต้องใช้ทุน มีงานทำ”

ประกายไฟที่ลุกโชนในวัยเด็กของ ศ.ดร.พิมพ์ใจ ทำให้ต่อยอดมาเป็นนักวิทยาศาสตร์ จากนิทรรศการเล็กๆ ที่อยู่จนงานเลิก เดินสอดส่องดูการสาธิตด้านวิทยาศาสตร์ ของเหลวทางวิทยาศาสตร์ผสมปนเปกันได้สิ่งที่เป็นปริศนาแต่มีเหตุผลในตัวเอง กอปรกับชีวิตวัยเด็กเป็นคนที่ใฝ่การอ่าน โดยเฉพาะชีวประวัติของนักวิทยาศาสตร์ที่โดดเด่นของโลกที่เขาเหล่านั้นได้ค้นพบสิ่งสำคัญต่างๆ จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโลก ส่งผลให้นักวิทยาศาสตร์น้อยในขณะนั้นอย่าง ศ.ดร.พิมพ์ใจ พร้อมจะก้าวเข้าสู่ความพิศวงแห่งโลกวิทยาศาสต์และเทคโนโลยี

กระทั่งเธอใช้ไฟที่ว่าเป็นแรงผลักดันให้ประสบความสำเร็จทั้งทางด้านการเรียน ผลงานการวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ในระดับสากลให้การยอมรับ เกิดจากการลงมือทำและพร้อมจะคิดไม่หยุดนิ่งเสมอ โดยเฉพาะศาสตร์ทางชีวเคมีที่ ศ.ดร.พิมพ์ใจ หลงใหล

หากมองในมุมความก้าวหน้าของวงการวิทยาศาสตร์ในบ้านเรา ศ.ดร.พิมพ์ใจ ยอมรับว่าดีขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมาเยอะ แต่ก็ยังด้อยกว่าในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน หรือในทวีป
เอเชียกับประเทศที่พัฒนาแล้ว

‘หยุดนิ่ง เท่ากับถอยหลัง’ ตัวตนนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ‘ศ.ดร.พิมพ์ใจ ใจเย็น’

 

“แน่นอนว่าเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแถบเอเชีย เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ก็มีอัตรานักวิทยาศาสตร์สูงกว่าบ้านเราดังนั้น ถ้าหากประเทศไทยมีการสนับสนุนอย่างจริงจัง มีนักวิทยาศาสตร์มากก็จะดีขึ้น เพราะถือเป็นอีกกลไกหนึ่งที่สามารถพัฒนาขับเคลื่อนประเทศได้อาชีพนักวิทยาศาสตร์คืออาชีพที่ขี้สงสัย อยากรู้อยากเห็น บ้านเราถ้ามีคนขี้สงสัยเยอะและนำความสงสัยไปหาคำตอบเพื่อเป็นประโยชน์แน่นอนว่าก็ต้องพัฒนา และนักวิทยาศาสตร์ทุกวันนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องอยู่แต่ในมหาวิทยาลัยเท่านั้น ตามบริษัทเอกชนก็มีนักวิทยาศาสตร์เช่นกัน เพื่อใช้พัฒนาต่อยอดในผลิตภัณฑ์องค์กรธุรกิจของตนเอง”

นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นปี 2558 บอกอีกว่ากลุ่มเยาวชนในปัจจุบันนี้ก็สนใจที่จะเรียนวิทยาศาสตร์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งดีกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ ส่วนหนึ่งก็มาจากพ่อแม่ผู้ปกครองเริ่มเข้าใจในตัวเด็ก ให้เด็กได้ทำตามความต้องการ และพยายามหาตัวตนของเด็กให้ชัด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเยาวชน เพราะหากได้ทำสิ่งที่รักสิ่งที่ชอบ ได้เรียนในสิ่งที่ต้องการ ผลลัพธ์ก็จะต้องออกมาดีอยู่แล้ว

“บ้านเรายังมีคนคิดอยู่ว่า คนเรียนเก่งแบบนี้ควรจะทำอาชีพนี้ หรือบุคลิกแบบนี้ต้องทำต้องเรียนแบบนี้ แต่อาชีพในโลกนี้มีมากมาย หลายคนอาจจะถนัดการเรียน หรือบางคนอาจจะมีทั้งศาสตร์ทั้งศิลป์ในคนเดียว อย่างฉันก็ถนัดเพียงตรรกะอย่างเดียว ไม่ค่อยถนัดทางศิลปะเท่าไหร่ ดังนั้นก็เลยเลือกในสิ่งที่ชอบ คือทุกคนมีความถนัดไม่เหมือนกัน แต่ก็มีความสุขในการดำรงชีวิตได้ถ้าหากหาตัวเองเจอ” ศ.ดร.พิมพ์ใจ แสดงความเชื่อมั่น

ความสำเร็จเกิดคู่กับการศึกษาที่ ศ.ดร.พิมพ์ใจ ให้ความสำคัญอย่างตั้งใจ และเมื่อทำสิ่งที่ตัวเองรักและชอบในวิชาวิทยาศาสตร์ จึงทำให้ผลสัมฤทธิ์ออกมาดีไม่น้อย ด้วยว่าผลงานวิจัยของ ศ.ดร.พิมพ์ใจ เป็นที่ประจักษ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ศ.ดร.พิมพ์ใจ ย้ำว่า วิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง เพราะเทคโนโลยีก้าวไปข้างหน้า โจทย์ที่เคยเป็นคำถามเป็นเรื่องใหญ่ก็ได้รับการเฉลยแล้ว อะไรที่ค้นพบมาก็เจอกันแล้ว หลายครั้งที่เทคโนโลยีในยุคนั้น ทุกวันนี้เด็กก็เรียนรู้กันแล้ว นักวิทยาศาสตร์ต้องเป็นคนที่ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง ความรู้วันนี้ก็ยังไม่ยั่งยืน วันข้างหน้าอาจจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เราต้องเรียนรู้ตลอดเวลา มันเป็นอาชีพที่ต้องเรียนไปจนแก่เฒ่า

...เคยท้อ เพราะพะวง นักวิทยาศาสตร์บ้านเรามันต้องสู้เยอะ เราไม่ได้โตมาจากกลีบกุหลาบ อุปกรณ์ก็ไม่พร้อมเราก็ต้องเรียนรู้ปรับตัวให้อยู่กับการไม่มีอย่างไร นอนดึกหน่อยก็ได้นี่นา มันต้องปรับตัว แต่ในความทุกข์ยากที่ตัวเองมอง ก็มีภูมิต้านทานให้เราต้องคิดเยอะ ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ไม่เหมือนที่ไปเรียนนอกที่อุปกรณ์เขามีให้อย่างครบครัน จะใช้ตอนไหนก็ได้ไม่ต้องแย่งกัน แต่สำหรับเมืองไทยคนทั้งภาควิชาต้องแบ่งกันใช้อุปกรณ์ มันก็ดีไปอย่างมันก็ฝึกเราไปอีกแบบหนึ่งภายใต้ข้อจำกัดที่เรามี

...สั้นๆ คือเราต้องมองบวก โชคดีที่เป็นคนคิดบวก ไม่เอาปัญหาเล็กๆ น้อยมากวนใจ เพราะอาชีพวิทยาศาสตร์ยังมีอะไรให้คิดอีกเยอะ อีกทั้งอาชีพนี้ถ้าหากหยุดนิ่ง บอกได้เลยว่าเท่ากับเราถอยหลังแล้ว เพราะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมันเดินหน้าไปทุกวัน เราจะช้า จะหยุดคงไม่ได้”ศ.ดร.พิมพ์ใจ ใจเย็น นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นปี 2558 เผยความคิดและตัวตน

ผลงานประจักษ์โลก

ศ.ดร.พิมพ์ใจ ใจเย็น มีผลงานวิจัยด้านองค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับกลไกการเร่งปฏิกิริยาของเอนไซม์หลายประการ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อวงการอุตสาหกรรม เนื่องจากสามารถทำให้ปฏิกิริยาเกิดได้อย่างรวดเร็วและใช้พลังงานกระตุ้นที่ต่ำ นอกจากนี้ ยังทำให้การเกิดปฏิกิริยามีความถูกต้องและจำเพาะสูง ทั้งนี้ การใช้เอนไซม์ในกระบวนการผลิตมีข้อดี คือลดการใช้พลังงานลดการใช้สารเคมีอันตราย ทำให้ได้กระบวนการผลิตที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความสำเร็จดังกล่าวทำให้ผลงานของ ศ.ดร.พิมพ์ใจ เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ กระทั่งผลงานดังกล่าวถูกยกยอดให้คู่ควรกับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นประจำปี2558

นอกจากนี้ นานาชาติยังยอมรับว่ามีผลงานการศึกษากลไกปฏิกิริยาเอนไซม์ในระดับแนวหน้าของโลกและเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับเกียรติให้เป็นสมาชิกของกองบรรณาธิการวารสารชีวเคมีแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงยังได้ถูกคัดเลือกให้รับเชิญเป็นผู้พูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในงาน TEDx Bangkok

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ