ผ้าพันคอลายเก๋ ของ อสมา ดำเกิงสุรเดช

โดย...วราภรณ์ ภาพ : ไชยยนต์ แซ่ตั่น

จากนักนิเทศศาสตร์ที่ผันตัวเองมาสร้างแบรนด์ผ้าพันคอลายเก๋ อสมา สคาร์ฟ (Asama Scarf) ร้านแรกๆ ของไทยที่จำหน่ายผ่านสื่อออนไลน์ ไอจี เพียง 1 ปีก็โด่งดังของ ฟาน-อสมา ดำเกิงสุรเดช ได้การยอมรับจากลูกค้าด้วยลวดลายน่ารักมีสีสันที่สดใส ผ่านไป 4 ปี อสมาขยายช่องทางทางธุรกิจ มีหน้าร้านของตัวเองภายใน 1 ปีแรกที่สร้างแบรนด์ ที่เทอร์มินอล 21 ฯลฯ มีลูกค้าทั้งคนไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมากที่ชื่นชอบผลงานของเธอ อาทิ  จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ และฮ่องกง

เมื่อธุรกิจดำเนินไปด้วยดี เธอไม่ลืมที่จะตอบแทนสังคมด้วยการออกแบบผ้าพันคอลายเก๋เพื่อทำการกุศล ล่าสุดกับการออกแบบผ้าพันคอการกุศลโดยร่วมกับเพื่อนร่วมสถาบันนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อย่าง ซี-ฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์ เจ้าหญิงแห่งวงการไอที ในฐานะอนุกรรมการมูลนิธิช่วยคนตาบอด นำเงินช่วยเหลือมูลนิธิ

“ซีเป็นแรงบันดาลใจในงานออกแบบผ้าพันคอผืนนี้ โดยดึงคาแรกเตอร์ของซี ของไอที ฟานจึงวาดหุ่นยนต์พิมพ์ลายอยู่ในผ้าพันคอด้วย ชื่อรุ่นสปาร์คกิ้ง โรบอต เพื่อสะท้อนอีกมุมมองหนึ่งที่ไม่ให้ดูหดหู่เกินไป ราคาเบาๆ ใครใจบุญสั่งซื้อได้ผ่านไอจีร้านและหน้าร้าน สามารถร่วมทำบุญได้ไปจนถึงเดือน ก.ย.นี้เท่านั้นค่ะ”

ตลอด 3 ปีแห่งการสร้างแบรนด์ผ้าพันคอ สิ่งที่ทำให้ผ้าพันคอ อสมา ดีไซน์ เป็นที่ถูกตาต้องใจลูกค้า เธอบอกว่าอยู่ตรงการออกแบบลวดลายที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทำให้เธอได้รับการชักชวนให้ร่วมงานกับสินค้าแบรนด์ดังๆ อย่าง เซ็นทรัล ซิตี้แบงก์ เอชเอสบีซี เอสเต ลอเดอร์ สกินฟู้ด โรงเรียนจิตรลดาครบรอบ 60 ปี ให้ออกแบบผ้าพันคอลายพิเศษเพื่อการกุศลเป็นประจำสม่ำเสมอ

ในฐานะเป็นทั้งเจ้าของแบรนด์และนักออกแบบลวดลาย ความงดงามของผ้าพันคอมีฤดูกาลหรือไม่  อสมาเล่าว่า ผ้าพันคอไม่แฟชั่นจ๋าเท่าเสื้อผ้า เธอออกแบบลวดลายผ้าตามโจทย์หลักของการทำงานเธอเน้นออกแบบตามธีมมากกว่า ดังนั้นการทำงานจึงง่าย เช่น บงโวยาจ เน้นลวดลายท่องเที่ยว หรือธีม 12 ราศี ธีมช้างไทยแลนด์ เป็นต้น ซึ่งการทำงานตามโจทย์และธีมแบบนี้ เธอหาแรงบันดาลใจมาจากสิ่งรอบตัว

“การให้สีสันในระยะแรกๆ ของการทำงานก็เป็นเรื่องยากมาก เราต้องปรับเยอะเพราะสีเวลาพิมพ์ลงบนผ้าไหม สีบางสีก็ได้ไม่ตรงกับความต้องการ ฟานต้องใช้เวลาเรียนรู้เทคนิคอย่างค่อยเป็นค่อยไป ลองเรื่อยๆ แต่การให้สีก็เป็นเรื่องรสนิยม ซึ่งฟานของสีสดๆ จัดๆ สวยๆ ซึ่งแตกต่างจากผ้าพันคอแบรนด์อื่นที่เน้นสีพาสเทลอ่อนๆ แต่เราชอบสีสดใส ซึ่งโชคดีมีคนชอบแบบเราเยอะ”

เป็นถึงเจ้าของแบรนด์และนักออกแบบลายผ้า รสนิยมการแต่งตัวก็สะท้อนรสนิยมของงานได้เป็นอย่างดี อสมา บอกว่า รสนิยมการแต่งกายของเธอแล้วแต่อารมณ์ แต่เน้นความเรียบง่ายและคล่องตัว ทะมัดทะแมงเป็นหลัก

“ฟานแต่งตัวง่ายมากๆ แค่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ ก็ออกจากบ้านได้แล้ว แต่ใบหน้ากับทรงผมต้องเป๊ะ แบรนด์เสื้อผ้าที่สะท้อนตัวตนของฟานมากที่สุด คือ แนวเสื้อผ้าเกาหลี มีร้านที่ไปบ่อยๆ เช่น ร้านที่สยาม หรือไม่ก็สั่งซื้อออนไลน์ ซึ่งเสื้อผ้าเกาหลีที่ฟานชอบมากๆ และสั่งซื้อผ่านออนไลน์ก็คือ Dress to the nine เสื้อผ้าจะออกแนวเสื้อยืด มีลูกเล่น มีดีไซน์ กางเกงทรงบอย หรือกางเกงยีนส์มีลูกเล่นนิดหน่อย” แต่หากเป็นเสื้อผ้าแบรนด์อินเตอร์เธอชอบดีไซน์ของมาร์ค จาค็อบส์ ที่ชอบเพราะดูมีเอกลักษณ์ อีกหนึ่งแบรนด์อินเตอร์ในดวงใจคือ เคทสเปด ถูกใจตรงสีสันที่สดใส

จะแต่งตัวให้เก๋และน่ารักดูคล่องตัว การดูแลรูปร่างให้สมส่วนจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ ยิ่งพออายุเลข 3 มาเยือน เรื่องผิวพรรณและการให้ความชุ่มชื่นกับผิวต้องใส่ใจ

“ฟานเน้นสุขภาพของผิวหน้ามากๆ ครีมบำรุงผิวหน้าขาดไม่ได้ นอกจากทาครีมบำรุงผิว ต้องดื่มน้ำเยอะๆ เพราะน้ำจะช่วยให้ความชุ่มชื่นกับผิว วันหนึ่งฟานดื่มน้ำเยอะมากตามหลักเลยคือ 2 ลิตร และชอบกินอาหารหลายๆ มื้อใน 1 วัน แต่เป็นมื้อเล็กๆ เพราะฟานจะอิ่มเร็ว แต่แป๊บเดียวก็หิวใหม่แล้ว แต่ฟานจะไม่กินดึก พยายามกินข้าวเย็นก่อน 6 โมงเย็น ท้องจะได้ไม่อืดและไม่อ้วน แต่ระหว่างวันกินเต็มที่ เพราะเรื่องกินสำคัญมากๆ แต่โชคดีที่อุปนิสัยไม่ชอบกินของมันๆ เลี่ยนๆ กินเค้กบ้าง แต่ไม่กินขนมหวานเลยเพราะไม่ชอบค่ะ จึงโชคดีไม่ทำให้อ้วนค่ะ”

นอกจากนี้ ห้ามละเลยเรื่องการออกกำลังกายด้วย ซึ่งเมื่อก่อนเธอจัดเป็นคนติดการออกกำลังกายตัวยง ทั้ง ว่ายน้ำ เข้าฟิตเนส เมื่อโตขึ้นธุรกิจขยายมากขึ้น เธอก็อาจละเลยการออกกำลังกายไปบ้าง ซึ่งทำให้เธอพบว่าข้อเสีย คือ รู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่า ไม่กระฉับกระเฉงเหมือนเมื่อก่อน

“นี่ก็ว่าจะหาเวลาไปออกกำลังกายอีกครั้งหนึ่งค่ะ เพราะการออกกำลังกายดีกับสุขภาพจริงๆ แต่โชคดีที่ตัวเองเป็นคนไม่เครียดง่าย นอนหลับพักผ่อนได้ดี เป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว นิสัยสบายๆ เหมือนการแต่งตัว พื้นฐานเราเป็นคนขำๆ เฮฮา ก็เลยโกรธง่ายหายเร็ว ดีขึ้น ทำให้ไม่แก่เร็วด้วยมั้งคะ”