เจ้าจำปี
เมื่อสัก 10 กว่าปีก่อน ผมจำได้ว่า รู้สึกตื่นเต้นกับการที่ “การบินไทย” สายการบินแห่งชาติ
โดย...สุภชาติ เล็บนาค
เมื่อสัก 10 กว่าปีก่อน ผมจำได้ว่า รู้สึกตื่นเต้นกับการที่ “การบินไทย” สายการบินแห่งชาติ ได้รับการยกย่องในฐานะสายการบินอันดับหนึ่งของโลก ทั้งในด้านการบริการ และในด้านคุณภาพ “เจ้าจำปี” เคยเป็นหน้าเป็นตาของประเทศได้สมภาคภูมิ เพราะคนไทยนั้นขึ้นชื่อเรื่อง “Service Mind” อยู่แล้ว
ในเวลานั้น เจ้าจำปีเพิ่งสั่งซื้อเครื่องบิน แอร์บัส A340-500 เพื่อบินตรงไปยังมหานครนิวยอร์ก 17 ชั่วโมง ไม่หยุดพัก รวมถึงปรับโฉมสายการบินให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น
หลังจากนั้น ก็คงไม่เกิดอะไร ถ้าสายการบินจากตะวันออกกลางเป็นต้นว่าเอมิเรตส์ เอทิฮัด ไม่ทุ่มงบพัฒนาตัวเอง และซื้อเครื่องบินอย่างบ้าคลั่งในเวลาเดียวกัน
เรื่องก็คงไม่มีอะไรหากในอีกไม่กี่ปีหลังจากนั้น ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นจนฉุดไม่อยู่ และเรื่องก็คงไม่มีอะไรหากโลว์คอสต์แอร์ไลน์ไม่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด
ปัจจัยลบที่ถาโถมเข้ามา การปรับตัวที่ไม่ทันกับโอกาส รวมถึงความไม่คงที่ในระดับการบริหาร เนื่องจากรัฐวิสาหกิจแห่งนี้ต้องเปลี่ยนไป-มาทุกครั้งตามทิศทางการเมืองภายนอก กอปรกับการเมืองภายในองค์กรที่ร้อนแรง ได้ทำให้การบินไทยกลายเป็นสายการบินที่มีราคาแพง เบาะนั่ง การบริการ เทคโนโลยีภายในเครื่องก็สู้กับสายการบินอื่นไม่ได้
ในที่สุด เจ้าจำปีก็เข้าไปติดอยู่ในหล่มขนาดใหญ่ ถลำลึกจนขึ้นมาไม่ได้เครื่องบินแอร์บัส A340-500 ที่เคยเป็นที่เชิดหน้าชูตา ทุกวันนี้ยังคงจอดอยู่ที่สนามบินดอนเมือง รอขายซากในราคาขาดทุนสุดลิ่มทิ่มประตู
ผมถามคนรู้จักหลายคนที่มีภาระจะต้องเดินทางไปในประเทศหรือต่างประเทศก็พบว่าไม่มีใครเลือกใช้การบินไทยสักคน ด้วยเหตุผลที่ว่า “ตั๋วแพง” กว่าเจ้าอื่น ไม่ใช่แค่ในระดับเท่าตัวนะครับ แต่ในบางเส้นทาง การบินไทยแพงกว่าคู่แข่งถึง 3 เท่า
มีแต่เพื่อนที่เป็นแอร์โฮสเตสเท่านั้น ที่อยากเข้าไปทำงานในการบินไทย ด้วยเหตุที่ว่าสวัสดิการและค่าตอบแทนดีกว่าสายการบินอื่น...
หลายคนมักโทษกันว่าเกิดจาก “นักการเมือง” “บอร์ด” หรือ “ญาติ” ที่ไปรุมทึ้งตั๋วฟรี รวมถึงใช้สิทธิพิเศษต่างๆ จนทำให้สายการบินประสบปัญหา
แต่ผมคิดว่า เป็นความผิดที่ผู้บริหารการบินไทยและคนจากฝ่ายการเมืองในยุคหลัง ไม่ได้ประสีประสาอะไรกับ “ธุรกิจการบิน” ที่เชี่ยวกราก ที่ต้องปรับกลยุทธ์ตลอดเวลา และต้องมีเงินถุงเงินถังไว้บริหาร เพื่อปรับเปลี่ยนสภาพธุรกิจเสมอ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ สายการบินใหญ่ยักษ์ที่ผมเคยเห็นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ก็เจ๊งไปจำนวนมากเช่นเดียวกัน
เมื่อซูเปอร์บอร์ดในรัฐบาลปัจจุบัน วางแผนจะปฏิรูปการบินไทยด้วยการแยกผู้เล่น ให้ฝ่ายกำหนดนโยบาย ฝ่ายกำกับดูแล ปลอดจากอำนาจการเมือง และเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง
ผมจึงไม่อาจคิดอย่างอื่นได้ นอกจากเอาใจช่วยให้แผนปฏิรูปสามารถฝ่าขวากหนามภายใน-ภายนอกองค์กร เพื่อพาเอาสายการบินแห่งนี้กลับมาเป็นสายการบินที่กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง
แต่เชื่อผมเถอะครับ พยายามขนาดไหน ประเทศนี้ยังไงๆ รัฐวิสาหกิจก็ไม่อาจปลอดจากการแทรกแซงโดยอำนาจรัฐได้ แม้เราจะอยู่ในยุค “ปฏิรูป” ทุกด้านก็เถอะ


