ถอดรหัสความในใจชาย ‘ผมก็อ่อนไหวไม่แพ้ผู้หญิง’
สภาพสังคมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันบังคับให้ “ผู้ชาย” คือตัวแทนของความเข้มแข็ง
โดย...พุสดี
สภาพสังคมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันบังคับให้ “ผู้ชาย” คือตัวแทนของความเข้มแข็ง ถึงจะอ่อนแอบ้างในบางครั้งก็ต้องเก็บไว้ให้ลึกสุดใจ อย่าแสดงให้ใครเห็น เพราะมีคำว่า “ศักดิ์ศรี” และ “ลูกผู้ชาย” ค้ำคออยู่ แต่ถ้าลองถอยออกมาจากกรอบสังคม แล้วมองด้วยใจเป็นกลาง จะพบสัจธรรมที่ว่า ชายหรือหญิงแท้จริงแล้วไม่ต่างกัน แต่สิ่งที่ทำให้เหมือนทั้งสองเพศจะแตกต่างกัน คือ การแสดงออกมามากกว่า
ระเบิดเวลาในใจ
นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ สูตินรีแพทย์และผู้อำนวยการด้านการแพทย์ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ยกคำพูดของคุณหมอสุกมล วิภาวีพลกุล ที่อธิบายภาพการแสดงออกที่แตกต่างระหว่างผู้ชายและผู้หญิงอย่างชัดเจน “เวลาที่เครียด ผู้ชายจะเข้าถ้ำ ส่วนผู้หญิงจะพร่ำพรรณนา” ซึ่งสะท้อนว่าเวลามีปัญหาผู้ชายพยายามที่จะเก็บและกดมันไว้ ไม่บอกใคร เพราะกล้วว่าจะเสียศักดิ์ศรี ขณะที่ผู้หญิงมองว่า เวลามีปัญหาหรือความเครียด การที่ได้พูดหรือระบายออกไปไม่ใช่เรื่องเสียหาย
“จุดนี้เอง เมื่อผู้ชายที่เลือกจะเก็บอารมณ์ความรู้สึกไว้นานๆ ก็กลายเป็นระเบิดเวลาที่ระเบิดที่อานุภาพร้ายแรง เพราะสั่งสมมานาน ต่างจากผู้หญิงที่พอได้ระบายเรื่องเครียด ไม่สบายใจออกมา พอเวลาผ่านไป ถึงจุดหนึ่งก็อาจจะหลงลืมไปแล้ว”
ถามว่า เพราะอะไรผู้ชายต้องเลือกเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ภายใน นพ.พันธ์ศักดิ์ บอกว่า ด้วยวัฒนธรรมและการสั่งสอนที่ตกทอดกันมาว่า ผู้ชายต้องเข้มแข็งกว่าผู้หญิง แต่เอาเข้าใจแล้ว เมื่อดูข้อมูลทางการแพทย์ ผู้หญิงแข็งแกร่งกว่าผู้ชาย อายุขัยเฉลี่ยของผู้หญิงอยู่ที่ 78 ปี ส่วนผู้ชายอยู่ที่ 71 ปี หมายความผู้ชายจะอายุสั้นกว่าผู้หญิงถึง 7 ปี ความต้านทานต่อโรค เหมือนผู้หญิงจะป่วยเยอะกว่าผู้ชาย แต่ในความเป็นจริง ผู้หญิงมีอัตราการพบแพทย์มากกว่าผู้ชาย 20 เท่า และผู้ชายมีแนวโน้มจะป่วยและเป็นอันตรายมากกว่าผู้หญิง
“ยกตัวอย่างง่ายๆ ในฐานะที่ผมเป็นสูตินรีแพทย์ด้วย เริ่มตั้งแต่เป็นอสุจิแล้ว อสุจิเพศชาย มีลักษณะตัวเล็ก ว่ายน้ำเร็ว แต่ไม่ทนกรด และตายง่าย ขณะที่อสุจิเพศหญิง ตัวใหญ่ ว่ายน้ำช้า ทนต่อกรด แต่ตายยากกว่า แค่ตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิ ก็สะท้อนแล้วว่า จริงๆ ผู้ชายไม่ได้แข็งแรงกว่าผู้หญิง”
ในแง่ความอ่อนไหวทางอารมณ์ นพ.พันธ์ศักดิ์ บอกว่า ผู้ชายเข้มแข็งภายนอกแต่ภายในอาจจะอ่อนแอ บอกใครไม่ได้ สังเกตว่าผู้ชายจะไม่เล่าเรื่องอะไร แต่จะแสดงความอ่อนแอให้ผู้หญิงที่เขารักเห็นเท่านั้น ซึ่งในมุมกลับกัน การที่ผู้ชายเลือกจะแสดงความอ่อนแอให้ผู้หญิงที่รักเห็นเพราะไว้ใจ จึงกล้าเอาเกราะป้องกันศักดิ์ศรีของตัวเองลง แต่ผู้หญิงกลับมองว่า ผู้ชายประเภทนี้อ่อนแอ และไม่เข้มแข็งพอจะเป็นที่พึ่งได้
“คนเราทุกคนมีอารมณ์อ่อนไหวหมด อยู่ที่ว่าเราจะอ่อนไหวกับเรื่องอะไร และใครจะเก็บซ่อนความอ่อนไหวนี้ไว้ได้ลึกที่สุด อารมณ์อ่อนไหวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้ การเลี้ยงดู หน้าตาในสังคมที่ถูกตีกรอบไว้ อย่างผู้ชายไทยที่เห็นบ่อยๆ หนีไม่พ้นเรื่องความรัก ขณะที่ผู้ชายญี่ปุ่น ไม่ค่อยมีอ่อนไหวหรือฆ่าตัวตายเพราะความรัก ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการดูถูกศักดิ์ศรีและความล้มเหลวในหน้าที่การงาน”
นพ.พันธ์ศักดิ์ ยกตัวอย่าง ศิลปินชื่อดัง อย่าง โรบิน วิลเลียมส์ ทำไมเขาทำให้คนทั้งโลกมีความสุข แต่สุดท้ายฆ่าตัวตาย หรือ ทำไมดาราตลกหลายคนเลือกจบชีวิต ทั้งที่คนเหล่านี้ให้ความสุขกับคนอื่นเยอะมาก จนทุกคนคิดว่าเขาจะมีความสุข แต่ความจริงคือเขาไม่มีความสุข และเมื่อไม่มีใครมอบให้เขาก็ไม่รู้จะไปหาความสุขจากที่ไหน
“ผมมองว่า คนที่ฆ่าตัวตายเป็นคนที่รักคนอื่นนะ เพียงแต่เขาลืมรักตัวเอง”
อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่าสังคมยุคนี้เปลี่ยนแปลงไปจากในอดีตพอสมควร สังคมยอมรับให้ผู้ชายแสดงความอ่อนไหวออกมาได้บ้าง ขณะที่ผู้หญิงก็สามารถแสดงความเข้มแข็งความอดทนออกมาได้มากขึ้น ทั้งนี้ นพ.พันธ์ศักดิ์ มองว่า ภาวะอ่อนไหวทางอารมณ์นี้ไม่ได้เป็นจุดอ่อน เพราะมุนษย์ทุกคนย่อมมีด้านที่อ่อนไหว เพียงแต่ต้องอ่อนไหวในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและเพื่อนมนุษย์
อารมณ์อ่อนไหวไม่ใช่ผู้ร้าย
หมอเอิ้น-พิยะดา หาชัยภูมิ จิตแพทย์นักแต่งเพลงชื่อดัง บอกว่า ทุกคนมีความอ่อนไหวซ่อนอยู่ ไม่มีใครจะมั่นใจในทุกเรื่อง และตลอดเวลา บางครั้งคนที่แสดงออกว่าดุดัน โผงผาง ให้คนอื่นมองว่าเข้มแข็ง แต่จริงๆ แล้วแค่ใช้ภาพลักษณ์ที่แสดงออกเป็นเกราะป้องกันใจ ไม่อยากให้คนอื่นมาโฟกัสเรื่องความอ่อนแอของตัวเอง
“คนเราจะอ่อนไหวมากหรือน้อย ส่วนหนึ่งเกิดจากฮอร์โมนเพศชายและหญิงในตัว แน่นอนว่าฮอร์โมนในเพศหญิงจะทำให้ผู้หญิงมีความอ่อนโยน ส่วนฮอร์โมนเพศชายอาจกระตุ้นสัญชาตญาณของนักล่า ความเป็นจ่าฝูง”
ถามว่า ปัจจุบันผู้ชายสามารถแสดงความอ่อนแออ่อนไหวออกมาได้มากขึ้นหรือไม่ ดังจะเห็นว่า เนื้อหาในละครไทย ผู้ชายสามารถร้องไห้แสดงความเสียใจได้ ต่างจากสมัยก่อนที่ผู้ชายต้องดุดัน เคร่งขรึม หมอเอิ้นบอกว่า ตีความได้ 2 ประเด็น คือ นักแสดงในปัจจุบันอาจจะเข้าถึงบทบาทมากขึ้น มีโรงเรียนสอนการแสดงมากขึ้น แต่อีกส่วนก็อาจจะเป็นผลจากการเปิดรับของสังคม
“ในฐานะนักแต่งเพลง เอิ้นก็เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ ยกตัวอย่าง เพลงสำหรับนักร้องชายปัจจุบันอาจจะแสดงอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าในอดีต เช่น เพลงแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจของ อ๊อฟ-ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ เพลงข้างๆ หัวใจของ กัน-นภัทร อินทร์ใจเอื้อ เปรียบเทียบกับเพลงในอดีตยุค อัศนี-วสันต์ โชติกุล มีเพลง บ้าหอบฟาง กรุงเทพมหานคร สับปะรด หรือแม้แต่เพลงของ พี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ อย่างหมอกและควัน ทรายกับทะเล จะไม่ได้สื่ออารมณ์ชัดเจน เน้นสื่อเรื่องวิธีคิดมากกว่า”
หมอเอิ้น ย้ำว่า จริงๆ แล้วคนเราไม่ได้เปลี่ยน แต่สังคมวัฒนธรรรมที่เปลี่ยนไป หรือบางทีฮอร์โมนในร่างกายเราอาจจะเปลี่ยนไป เพราะไลฟ์สไตล์การกินการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม หมอเอิ้นบอกว่า อารมณ์อ่อนไหวไม่ใช่ผู้ร้าย ยิ่งเฉพาะในกลุ่มผู้ชายที่มีอารมณ์อ่อนไหวง่าย เพราะนั่นเท่ากับว่าคุณคือผู้ชายที่มีความละเอียดอ่อน อ่อนโยน
“สำหรับผู้ชายอ่อนไหว หมอว่า ทางที่ดีเราต้องเริ่มถามตัวเองว่าเราอ่อนไหวกับเรื่องอะไรเป็นพิเศษ กับใคร เพราะอะไร ต้องตอบ 3 คำถามนี้ให้ได้ ค่อยๆ ถามตัวเองไป หลังจากนั้นให้เริ่มสังเกตการณ์ตัวเองเมื่อเกิดอารมณ์อ่อนไหว ให้พยายามติดเบรกตัวเอง ว่าอย่าไปอินกับเรื่องนั้นๆ เกินไป หากิจกรรมอย่างอื่นที่ทำให้เรามีความสุขทำ แต่ถ้าเราบอกว่าเราอ่อนไหวไปกับทุกเรื่อง ทุกอย่างรอบตัว อันนี้หมอเอิ้นแนะนำว่าควรพบจิตแพทย์”
นานาทัศนะจากผู้ชาย
บอล-นรินทร์ ผลานุรักษา บรรณาธิการนิตยสาร แอล เมน ให้กรอบของอารมณ์อ่อนไหวของผู้ชาย ว่าเป็นเรื่องความไม่เชื่อมั่นในตัวเอง รู้สึกไม่มั่นคง เรื่องที่เซนซิทีฟที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องความรัก เริ่มตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น ผู้ชายจะคิดเยอะตั้งแต่จะจีบผู้หญิงคนนี้ได้มั้ย แต่ด้วยสังคมที่เปลี่ยนไป คนในสังคมเริ่มเลิกตีกรอบผู้ชายตามแบบเดิมๆ ที่ต้องเข้มแข็ง ไม่แสดงความอ่อนไหวอ่อนแอออกมามากขึ้น
“ผมว่าอาจเป็นเพราะคนเรายอมรับในความเป็นปัจเจกบุคคลมากขึ้น ยอมรับในความคิดที่แตกต่าง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี ที่สังคมเข้าใจความหลากหลายในมิติของมนุษย์ ความสามารถของคนเราในการแสดงความรู้สึกและจัดการกับความรู้สึกต่างๆ ของตัวเอง ซึ่งแต่ละคนจะมีวิธีไหน ไม่มีกฎตายตัว ดีที่สุดคือ การเป็นตัวของตัวเอง”
ด้าน เนม-ปราการ ไรวา นักร้องนำวงเก็ตสึโนวา ยอมรับว่า เขาคือหนึ่งในผู้ชายที่มีอารมณ์อ่อนไหว เนมมองว่าความอ่อนไหวระหว่างผู้ชายหรือผู้หญิงเป็นคนละแบบ ผู้ชายหลายๆ คนดูจากภายนอกอาจจะเข้มแข็ง แต่ภายในก็จะอ่อนไหว โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิงกับเรื่องความรัก
“ผมว่าผู้ชายแพ้ผู้หญิงนะ คือความรู้สึก หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงหรือคนที่เรารัก มันจะมีผลกระทบกับชีวิตเราโดยตรงมากกว่าเรื่องอื่นด้วยซ้ำ มันทำให้เราไม่สามารถทำงานได้ หรือไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งเป็นกับผู้ชายทุกคน โดยเฉพาะผม เวลามีปัญหาผมชอบเคลียร์ให้จบ ไม่ชอบเก็บไว้ เพราะผู้หญิงบางคนชอบบอกว่าไม่เป็นอะไรเวลาถาม แต่จริงๆ แล้วคือเป็น ผมจะบอกว่าอย่าเก็บไว้ ชอบตรงๆ ไม่ชอบทะเลาะกับใคร”
เนม บอกว่า ที่ผ่านมามีประสบการณ์ตรงกับการจัดการกับปัญหาความรัก ถูกผิดปนกันไป บางครั้งถ้าโมโหมากอาจจะมีอารมณ์รุนแรง ขาดสติตามประสาผู้ชาย เราก็ต้องเตือนตัวเองว่า อย่าไปว่าผู้หญิง ต้องพยายามใจเย็นที่สุดและให้เกียรติผู้หญิงด้วย


