‘Geek is the New Sexy’ จริงหรือ?
Geek คืออะไร? ทำไมมันถึงเป็นความเซ็กซี่ใหม่? แล้วมันเซ็กซี่เร้าใจได้จริงหรือ? วันนี้เรามีคำตอบ...
โดย...ตุลย์ จตุรภัทร ภาพ : คลังภาพโพสต์ทูเดย์
Geek คืออะไร?
ทำไมมันถึงเป็นความเซ็กซี่ใหม่?
แล้วมันเซ็กซี่เร้าใจได้จริงหรือ?
โปรดอย่านิยาม Geek ที่ภาพลักษณ์
ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับ เอกศาสตร์ สรรพช่าง เอ็กเซ็กคิวทีฟเอดิเตอร์ แห่งนิตยสาร แอล เมน ไทยแลนด์ เขาได้บอกเล่าให้ผมฟังว่า กี๊ก คือนิยามที่เอาไว้ใช้เรียกบุคคลที่มีลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งเป็นนิยามที่มีวิวัฒนาการมาจากคำว่า เนิร์ด ผู้ซึ่งทุ่มเทความสนใจไปกับอะไรสักอย่าง มากกว่าจะสนใจในสิ่งที่สังคมคาดหวัง หรือทำตัวตามความคาดหวังของสังคม อีกทั้งเป็นคนมีจินตนาการสูง ชอบความแปลกใหม่ ใช้คอมพิวเตอร์คล่อง และมีทักษะในโลกอินเทอร์เน็ตสูง
“กี๊ก ยังเป็นนิยามที่ใช้เรียกนักลงทุนที่ลงทุนในธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับดิจิทัล ยกตัวอย่างเช่น ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ซีอีโอแห่ง Ookbee แอพพลิเคชั่นร้านหนังสือในรูปแบบดิจิทัล หรืออย่างต่างประเทศ เช่น วิล.ไอ.แอม ผู้ซึ่งนอกจากจะทำเพลงเอง เขายังสนใจเรื่องแกดเจ็ตและเทคโนโลยีมาก ตอนนี้เขาร่วมลงทุนทำสมาร์ทวอตช์กับกุชชี่ นี่แสดงให้เห็นว่าเขาสนใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง และอาจสร้างอะไรใหม่ๆ ที่สะท้อนตัวตนของเขาออกมา”
ทำไมถึงเป็นความเซ็กซี่ใหม่ เอกศาสตร์เผยว่า นั่นเป็นเพราะสมัยนี้ผู้หญิงเริ่มเก่งมากขึ้น ไม่ต้องพึ่งพิงผู้ชายเหมือนสมัยก่อน อีกทั้งยังมีบทบาททางสังคมมากขึ้น หาเงินได้มากขึ้น ลักษณะของผู้ชายที่ต้องการ จึงต้องการผู้ชายที่เก่งกว่า ทั้งในแง่ของการทำงาน และการใช้ชีวิต
“หากสังเกตดูจะพบว่าธุรกิจใหม่ในสมัยนี้มักเกี่ยวโยงกับธุรกิจดิจิทัลเกือบทั้งหมด ผู้ชายส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จก็มักจะอยู่ในแวดวงของคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต ดิจิทัล เกือบทั้งนั้น มันเป็นธุรกิจเดียวที่ยังเฟื่องฟูหรือทำเงินได้ดีมาก เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ เพราะฉะนั้นคนในแวดวงธุรกิจนี้จึงเป็นที่น่าสนใจ มีเสน่ห์ น่าเข้าหา ถือเป็นความโชคดีของคนในยุคนี้ ที่ Apple ทำให้ความเป็นดิจิทัลมันดูเซ็กซี่มากขึ้น”
ในเรื่องของเทรนด์แฟชั่น เอกศาสตร์เผยว่า ตอนนี้มีคนพูดถึงการแต่งตัวที่เรียบง่ายมากขึ้น อย่าง สตีฟ จ็อบส์, บิล เกตส์ หรือ มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก ที่แต่งตัวเรียบง่าย แต่งตัวซ้ำๆ เดิมๆ จนถูกพัฒนามาเป็นเทรนด์แฟชั่นที่เรียบง่าย แต่มีคาแรกเตอร์อยู่ ณ ขณะนี้
“สำหรับนิยามของคำว่ากี๊กหรือเนิร์ด คนมักจำมาจากการประดิษฐ์สร้างของภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ที่มักสร้างให้คนบางกลุ่มดูแปลกแยกแตกต่างไปจากเรา เป็นคนที่เข้าใจยาก หมกมุ่น ไม่ค่อยชอบเข้าสังคม ใส่แว่นหนาเตอะ แต่งตัวแสนเชย ประหลาดๆ แต่จริงๆ แล้วเขาเหล่านี้ไม่ใช่คนแบบนั้น เขาเป็นเพียงคนที่สนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างจริงจัง หากเราไม่ได้สนใจอย่างจริงจังในเรื่องเดียวกับเขา เราอาจมองเขาแปลกแยกแตกต่าง เขาอาจแต่งตัวทันสมัย เป็นคนสนุกสนานร่าเริง คุยสนุก คุยด้วยแล้วทำให้เราได้รู้ได้เห็นอะไรที่กว้างและลึกมากขึ้น ซึ่งตรงจุดนี้มากกว่าที่เป็นเสน่ห์ และกำลังจะทำให้ภาพจำซ้ำๆ เดิมๆ ของคนกลุ่มนี้เปลี่ยนแปลงไป คนไหนสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเองได้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างรู้ลึกรู้จริง อีกทั้งสามารถทำมันให้เกิดมูลค่าขึ้นมาได้ คนคนนั้นย่อมมีแต่คนอยากเข้าหา อยากเข้าไปพูดคุยด้วย ซึ่งนี่คือความเซ็กซี่ที่ไม่ต้องสร้างหรือพยายามทำมันขึ้นมา”
กี๊กแห่งธุรกิจสตาร์ทอัพเมืองไทย
จากที่เอกศาสตร์ได้เอ่ยถึงชายหนุ่มคนนี้ ผมก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับซีอีโอแห่ง Ookbee ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ หนุ่มแว่น ที่เก่ง และแต่งกายเรียบง่ายดูดีสมตัว เขาเผยว่า เขาค้นพบทักษะด้านคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี รวมทั้งการเขียนโปรแกรมต่างๆ มาตั้งแต่เด็ก
“ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ผมก็ลองเขียนโปรแกรมต่างๆ ขึ้นมา พอทำไปได้สักพัก ก็มีคนสนใจให้ผมลองทำอย่างจริงจัง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ คนก็จ้างผมเขียนโปรแกรมมาเรื่อยๆ จนทำเป็นบริษัทรับเขียนโปรแกรม และสุดท้ายสิ่งที่ผมได้ทำก็ส่งผลมาจนเกิดเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นธุรกิจที่เริ่มต้นง่าย ต้นทุนต่ำ อาศัยความคิดเป็นหลัก สามารถเริ่มได้จากคนคนเดียว ผลิตซ้ำได้ แถมยังโตเร็ว และสร้างมูลค่าได้มาก อย่างที่ผมทำอยู่ในขณะนี้”
ณัฐวุฒิเผยว่า ความสำเร็จจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าเขาคิด แต่ไม่ลงมือทำอย่างเอาจริงเอาจัง “เมื่อเข้าสู่แวดวงธุรกิจ ย่อมต้องมีการออกงานสังคม แรกๆ ก็มีประหม่าบ้าง แต่พอออกงานบ่อยๆ ก็ดีขึ้น การแต่งเนื้อแต่งตัวก็เรียบง่าย เป็นตัวของตัวเอง อาจแต่งคล้ายกันทุกวัน แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นแต่งตัวซ้ำๆ เดิมๆ อย่าง สตีฟ จ็อบส์ หรือ มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก”
ไม่คิดทำตามใคร คือใช่เลย
หากมองจากภาพลักษณ์ภายนอก บอล-ต่อพงศ์ จันทบุบผา และ เมื่อย-ธวัชพนธ์ วงศ์บุญศิริ นักร้องนักดนตรีแห่งวงสครับบ์ สังกัดบีอีซี-เทโร มิวสิค ถือเป็นกี๊กตัวพ่อได้อย่างสบายๆ อาจเป็นเพราะการแต่งกายที่เรียบๆ ง่ายๆ แนวๆ แถมยังใส่แว่นตาด้วยกันทั้งคู่ จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร ยิ่งพอได้พูดคุยถึงความสนใจในเรื่องของดนตรีแล้ว ทั้งคู่เล่นกีตาร์มาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จากนั้นก็แกะเพลง ฝึกซ้อม ศึกษาหาความรู้ ตั้งวงดนตรีกับเพื่อน จนจับมือกันเป็นศิลปินที่จากจุดเริ่มต้น มาจนถึงวันนี้ เขาทั้งคู่ยังไม่คิดที่จะหยุดเดินทางในถนนสายดนตรีนี้เลย
ต่อพงศ์บอกเล่าว่า เมื่อเขาก้าวมาถึงตรงจุดนี้ มันมาจากลูกบ้า และช่วงเวลาที่เหมาะสมล้วนๆ ทำให้เขาสามารถมีค่ายเพลงเล็กๆ เป็นของตัวเอง อีกทั้งยังสามารถหานักร้องนักดนตรีตัวจริงมาเป็นศิลปินในค่ายของเขาได้อีกด้วย
“ถ้าถามว่าความรักความหลงใหลในดนตรีของผม จนสามารถทำเป็นอาชีพ มีรายได้เป็นของตัวเอง ที่ดูแลตัวเราเองและคนรอบข้างได้มาอย่างยาวนาน คือเสน่ห์และความเซ็กซี่มั้ย มันก็เป็นอย่างนั้นได้ครับ เพราะผู้ชายที่เซ็กซี่และมีเสน่ห์ เขาย่อมมีความสุข คนรอบข้างก็สามารถสัมผัสในความสุขนั้นได้ด้วย อย่างผม ผมใช้ชีวิตเรียบง่าย แต่งตัวเรียบง่าย อยู่กับดนตรีทั้งชีวิต และมีความสุข ผมเชื่อว่าสาวๆ หลายคน หากได้สัมผัสในสิ่งนี้ เขาก็มีความสุขตามไปด้วย”
ในส่วนของ ธวัชพนธ์ เขาอาจไม่ได้รู้ตัวว่าเขามีความเซ็กซี่และมีเสน่ห์อยู่ในตัวเอง แต่เมื่อผมได้พูดคุยกับเขา ทำให้ผมสัมผัสได้ว่า วิธีคิดและวิธีการดำเนินชีวิตของเขานั่นแหละ คือความเซ็กซี่และมีเสน่ห์ที่เราต้องลองฟังจากปากเขาเองว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่
“ตอนนี้ผมกำลังทำโปรเจกต์ที่มีชื่อว่า ป๊อปดั๊ก เป็นการเล่นกีตาร์ เบส และกลอง แบบสดๆ ที่ไม่มีการร้อง โดยผมเล่นกับเพื่อนๆ นักดนตรีที่อิ่มตัวกับดนตรีในรูปแบบเดิมๆ ซึ่งผมทำมาได้สองปีแล้ว โดยไปโชว์ที่ญี่ปุ่นมาหนึ่งครั้ง และกำลังจะไปเล่นเป็นครั้งที่สองในเร็ววันนี้ ถามว่าแนวดนตรีแบบนี้ทำไปทำไม จะมีใครฟัง ผมคิดว่าในเมืองไทย หากไม่มีใครฟังก็เป็นไร แต่ที่ญี่ปุ่นมีคนฟังรอเราอยู่ ซึ่งตลอดทั้งชีวิตผมอยู่กับดนตรี ที่ไม่ว่าจะรูปแบบไหน ถ้าเราเชื่อว่าสิ่งที่เราทำมันใช่ คนที่เชื่อเหมือนเรา เขาก็จะรู้สึกว่าใช่เหมือนกัน ซึ่งผมเชื่อว่าสิ่งนี้นี่แหละที่ทำให้ชีวิตคือชีวิต”
บรรณาธิการสามสิบยังกี๊ก
จากคนไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่เมื่อได้เจอหนังสือที่ทำให้เขาตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น จากนั้นชีวิตของ แบงค์-ณัฐชนน มหาอิทธิดล บรรณาธิการแห่งสำนักพิมพ์แซลมอน ก็มีชีวิตเวียนวนอยู่กับหนังสือ การเขียนหนังสือ และการทำหนังสือ มาจนถึงวันนี้
“เมื่อผมได้อ่านหนังสือ การอ่านหนังสือทำให้ผมอยากเป็นคนฉลาด อยากรู้อะไรที่อยากรู้ หรือไม่อยากรู้ แต่ก็ควรต้องรู้ไปเรื่อยๆ จนผมมาทำงานด้านสื่อสิ่งพิมพ์ ผมก็เป็นคนที่อยู่ในโลกของสื่อสิ่งพิมพ์ที่คาบเกี่ยวกับโลกดิจิทัล ซึ่งมันทำให้ผมสนุกกับการใช้ชีวิตมาก ยิ่งอยู่กับทั้งหนังสือและโลกดิจิทัลนานๆ มันยิ่งเกิดความเชี่ยวชาญ จนทำให้เราสามารถหาสิ่งใหม่ๆ มาทำให้สิ่งที่มีอยู่ดีขึ้นกว่าเดิม และทำให้สิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ แต่เราคิดว่ามันเป็นไปได้ กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ในท้ายที่สุด”
ถึงเขาจะเป็นบรรณาธิการที่อายุยังน้อย (ย่างเข้าสู่ปีที่ 30) แน่นอนว่าเขาย่อมถูกจับตามอง เกิดความสงสัยในฝีไม้ลายมือ แต่เขาเชื่อว่าความเป็นคนรุ่นใหม่นี่แหละ ที่จะเป็นคนทำให้ธุรกิจสำนักพิมพ์อยู่รอดได้ ไม่ตายไปกับสิ่งที่ใครก็ไม่รู้มาบอกว่าอีบุ๊กจะเข้ามาแทนที่ “ผมเชื่อว่ายุคนี้นอกจากแข่งกันที่คอนเทนต์ ที่มาจากคนที่รู้ลึกรู้จริงในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ช่องทางการนำเสนอที่แปลกใหม่นี่แหละ ที่จะทำให้การมีชีวิตอยู่กับหนังสือและโลกดิจิทัลผสานกันไปได้ด้วยดี”
ผมถามเขาอย่างตรงไปตรงมาว่า เขาเป็นเนิร์ดหรือกี๊กไหม เขาหัวเราะก่อนตอบว่า ตอนนี้อาจจะยังไม่ แต่ต่อไปไม่แน่ “ผมเคยได้ยินบิล เกตส์ พูดว่า จงทำดีกับพวกเด็กเนิร์ด ต่อไปเราจะต้องทำงานให้คนเหล่านี้ ผมคิดว่ามันจริงมาก ความเป็นเนิร์ดหรือกี๊กไม่ได้ดูกันที่ภาพลักษณ์ภายนอก แต่ดูกันที่การเอาจริงเอาจังต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และใฝ่รู้ต่อสิ่งนั้น ซึ่งนี่ต่างหากคือสิ่งที่โลกใบนี้กำลังต้องการ และมันจะเป็นสิ่งที่ใครหลายคนอยากพุ่งเข้าหา”
อยากกี๊ก ให้กิ๊ก ต้องปรับลุค
ท้ายสุด ผมได้คุยกับ โค้ชวีณา ทองแถม อิมเมจโค้ช ที่บอกเล่าให้ผมฟังว่า ยุคสมัยนี้ กี๊กหรือเนิร์ด เขามีความเก่ง มีความรู้เฉพาะด้านรู้ลึกรู้จริง แต่หากเขาเก่ง ภายในเขามีของดี แต่ลุคภายนอกไม่ไปด้วยกัน จากที่เขาจะมีโอกาสดีๆ พุ่งเข้าหาอีกเพียบ อาจจะไม่มีโอกาสได้โชว์ของดีของเขาเลยก็ได้
“คนทั่วไปมักมองคนจากภายนอกก่อน นี่คือเรื่องจริง หากกี๊กหรือเนิร์ดอยากให้ความเก่งจากข้างในมีโอกาสได้แสดงออก เขาต้องปรับลุคภายนอกควบคู่ไปด้วย แต่ไม่จำเป็นต้องทำมากจนเกินไป ทำจนไม่เป็นตัวของตัวเอง เราต้องอยู่บนพื้นฐานการเป็นตัวของตัวเอง แต่ต้องเข้ากับตัวเรา และต้องทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกว้าว มีเสน่ห์ชวนมอง”
โค้ชวีณาเผยว่า หากเราสามารถปรับลุคในแบบที่ดูดี เป็นตัวของตัวเอง จากทำให้คนมองเห็นความเก่งของเรา ยอมรับในตัวเรา โดยใช้เวลา 10 วัน อาจใช้เวลาสั้นๆ เพียงวันสองวันก็ได้ “กี๊กหรือเนิร์ดไม่จำเป็นต้องใส่แว่นก็ได้ หรือถ้าต้องใส่ ก็สามารถปรับกรอบแว่นให้เหมาะสมกับรูปหน้าของตัวเองได้ ทุกอย่างอยู่ที่การรู้จักปรับลุคภายนอกให้ไปด้วยกันได้ดีกับของดีภายใน เท่านี้ความเซ็กซี่หรือเสน่ห์ จนทำให้อยากมอง อยากพูด อยากคุย อยากเข้าหา จะมีเพิ่มขึ้นอีกเพียบ”


