ฝนดาวตกเพอร์ซิอัส
ฝนดาวตกเพอร์ซิอัสเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือน ก.ค.ถึงปลายเดือน ส.ค.ของทุกปี
โดย...วรเชษฐ์ บุญปลอด
ฝนดาวตกเพอร์ซิอัสเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือน ก.ค.ถึงปลายเดือน ส.ค.ของทุกปี มักมีอัตราตกสูงสุดในคืนวันที่ 12 ส.ค. นักดูดาวในประเทศไทยจึงเรียกฝนดาวตกนี้ว่า ฝนดาวตกวันแม่ แต่เมฆในฤดูฝนมักเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้มีโอกาสเห็นฝนดาวตกกลุ่มนี้ได้น้อย ฝนดาวตกเกิดจากโลกเคลื่อนที่ฝ่าเข้าไปในแนวการเคลื่อนที่ของดาวหางที่ทิ้งสะเก็ดดาวไว้เรี่ยราดตามทางโคจรรอบดวงอาทิตย์ แต่ละปีมีฝนดาวตกหลายกลุ่ม ส่วนใหญ่มีอัตราตกน้อย ฝนดาวตกที่มีอัตราตกสูงสุดในรอบปีคือฝนดาวตกเพอร์ซิอัสที่สูงสุดในกลางเดือน ส.ค. และฝนดาวตกคนคู่ที่สูงสุดในกลางเดือน ธ.ค.
ฝนดาวตกเพอร์ซิอัสเกิดจากสะเก็ดดาวที่หลุดมาจากนิวเคลียสของดาวหางสวิฟต์-ทัตเทิล (Swift-Tuttle) เป็นดาวหางสว่างที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ครั้งล่าสุดเมื่อปลายปี 2535 คาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ยาวนานประมาณ 130 ปี มีกำหนดจะเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์อีกครั้งในเดือน ก.ค. ปี 2669 และผ่านใกล้โลกที่ระยะห่างเพียง 23 ล้านกิโลเมตร คาดว่าจะเป็นดาวหางที่สว่างมากในปีนั้นเมื่อเกิดฝนดาวตก ดาวตกที่เห็นบนท้องฟ้าจะมีทิศทางการเคลื่อนที่ซึ่งดูเหมือนกระจายออกมาจากจุดหนึ่ง อันเกิดจากมุมมองในเชิงทัศนมิติ (ดาวตกทุกดวงไม่ได้พุ่งออกมาจากจุดกระจายโดยตรง ปรากฏได้ทั่วท้องฟ้า แต่เมื่อลากเส้นสมมติย้อนไปตามแนวดาวตก เส้นสมมตินี้จะไปรวมกันที่จุดกระจาย) นักดาราศาสตร์มักเรียกชื่อฝนดาวตกตามชื่อกลุ่มดาวหรือชื่อดาวที่จุดกระจายนั้นอยู่ ฝนดาวตกเพอร์ซิอัสจึงมีจุดกระจายอยู่ในกลุ่มดาวเพอร์ซิอัส เวลาที่เกิดฝนดาวตกเรามักจะสนใจคืนที่มีดาวตกในอัตราสูงสุดมากเป็นพิเศษ แต่แท้จริงแล้วฝนดาวตกแต่ละกลุ่มเกิดขึ้นหลายวันต่อเนื่องกัน โดยเริ่มที่อัตราต่ำจากหนึ่งดวงต่อชั่วโมง จากนั้นขึ้นถึงจุดสูงสุดประมาณ 1-2 คืน แล้วค่อยๆ ลดลงจนไม่สามารถสังเกตพบได้อีก
ปีนี้คาดว่าเมื่อสังเกตจากประเทศไทย ฝนดาวตกเพอร์ซิอัสควรจะมีอัตราตกสูงสุดในสองคืน ได้แก่ คืนวันพุธที่ 12 ส.ค. และคืนวันพฤหัสบดีที่ 13 ส.ค. แต่ละคืนอัตราการตกรายชั่วโมงก็เปลี่ยนแปลงด้วยตามมุมเงยของจุดกระจาย กลุ่มดาวเพอร์ซิอัสขึ้นเหนือขอบฟ้าในเวลาประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง ดาวตกที่มาจากฝนดาวตกเพอร์ซิอัสจึงเริ่มเกิดในเวลานี้ ช่วงแรกจะมีอัตราต่ำมาก แต่มีโอกาสเห็นดาวตกที่ลากเป็นแนวยาว เนื่องจากเป็นสะเก็ดดาวซึ่งเคลื่อนที่เฉียดบรรยากาศโลกในแนวเกือบขนานกับพื้นดิน เมื่อเวลาผ่านไปอัตราการตกของฝนดาวตกจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามมุมเงยของจุดกระจาย ส่วนใหญ่อัตราตกของฝนดาวตกในแต่ละคืนจะสูงสุดในช่วงที่จุดกระจายทำมุมห่างจากขอบฟ้ามากที่สุด กลุ่มดาวเพอร์ซิอัสผ่านจุดสูงสุดทางทิศเหนือในเวลาประมาณตี 5 จึงคาดว่าอัตราการตกของฝนดาวตกน่าจะสูงที่สุดในช่วงเวลานี้ ซึ่งก็คือเวลาประมาณตี 4 ถึงตี 5 ของเช้ามืดวันพฤหัสบดีที่ 13 และศุกร์ที่ 14 ส.ค. (หลังจากเวลานี้ท้องฟ้าจะเริ่มสว่าง) ซึ่งควรจะมีอัตราตกสูงสุดราว 50-60 ดวง/ชั่วโมง ซึ่งเป็นตัวเลขคาดหมายเมื่อสังเกตจากสถานที่ซึ่งท้องฟ้ามืด ไม่มีแสงรบกวน และท้องฟ้าเปิด ไม่มีสิ่งใดบดบัง
ประเทศในละติจูดสูงทางเหนือสามารถสังเกตฝนดาวตกเพอร์ซิอัสได้ดีกว่าประเทศไทย เพราะจุดกระจายจะขึ้นไปอยู่สูงเกือบกลางฟ้า อัตราการเกิดดาวตกจึงสูงถึงกว่า 100 ดวง/ชั่วโมง อีกทั้งเกิดในฤดูร้อน ท้องฟ้าปลอดโปร่งเป็นส่วนใหญ่ ฝนดาวตกเพอร์ซิอัสจึงได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ อาจมากกว่าฝนดาวตกคนคู่ในเดือน ธ.ค.ที่เกิดในช่วงเวลาที่อากาศหนาวเย็น ส่วนประเทศในซีกโลกใต้ไม่เห็นหรือแทบไม่มีโอกาสเห็นฝนดาวตกนี้ เพราะกลุ่มดาวเพอร์ซิอัสไม่ปรากฏบนท้องฟ้า หรืออยู่ใกล้ขอบฟ้ามากจนอัตราตกของฝนดาวตกมีน้อยมาก การสังเกตดาวตกทำได้ด้วยตาเปล่า ไม่ต้องมีอุปกรณ์ใดๆ ขอเพียงอยู่ในสถานที่มืดสนิท ปราศจากแสงสว่างรบกวน นักดาราศาสตร์ที่เฝ้าสังเกตดาวตกจะต้องอาศัยความอดทนสูง มองไปบนท้องฟ้าบริเวณที่ไม่มีสิ่งใดบดบังโดยห่างจุดกระจายออกมาพอสมควร เมื่อเห็นดาวตกต้องสังเกตตำแหน่ง ทิศทาง และความสว่างเทียบกับดาวฤกษ์ใกล้เคียง แล้วจดบันทึกลงในสมุด หรือบันทึกเสียง อธิบายรายละเอียดต่างๆ ไว้ เมื่อรวบรวมผลการสังเกตการณ์จากนักดารา ศาสตร์หลายคน ก็สามารถนำมาวิเคราะห์และพยากรณ์การเกิดฝนดาวตกในอนาคต รวมถึงศึกษาฝนดาวตกที่เกิดขึ้นในอดีต
นอกจากดาวตกที่มาจากฝนดาวตก ยังมีฝนดาวตกทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับฝนดาวตก และดาวตกที่มาจากฝนดาวตกกลุ่มอื่นซึ่งเกิดในช่วงเวลาใกล้เคียงหรือคาบเกี่ยวกัน ทิศทางการเคลื่อนที่ของดาวตกจะเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าดาวตกที่เห็นนั้นเกิดจากฝนดาวตกเพอร์ซิอัสหรือไม่ หากไม่มีเมฆฝนเป็นอุปสรรค ปีนี้ควรจะเป็นปีที่ดีปีหนึ่งในการสังเกตฝนดาวตกเพอร์ซิอัส เนื่องจากตรงกับช่วงข้างแรมแก่ๆ ใกล้ถึงจันทร์ดับ จึงไม่มีแสงจันทร์รบกวน หลังจากปีนี้การสังเกตฝนดาวตกเพอร์ซิอัสช่วงที่ตกสูงสุดในคืนวันแม่จะทำได้ดีอีกครั้งในปี 2559, 2561, 2564 ตามการเปลี่ยนแปลงดิถีของดวงจันทร์


