โลกใต้น้ำไม่เคยเหมือนเดิม ศรา จุฑารัตนกุล
เมื่อเขาได้รู้จักกับโลกใต้น้ำ การเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นทุกวี่วัน อาท-ศรา จุฑารัตนกุล
โดย...รอนแรม
เมื่อเขาได้รู้จักกับโลกใต้น้ำ การเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นทุกวี่วัน อาท-ศรา จุฑารัตนกุล ดำน้ำครั้งแรกเมื่อ 22 ปีที่แล้ว ตอนนั้นมันคือโลกใหม่ที่คนน้อยนิดรู้จัก และเขาก็ตกหลุมรักตั้งแต่วันแรกที่เจอ
ทำงานกับดิน
อาททำงานเป็นผู้อำนวยการฝ่ายแผนงาน ที่มูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย คลุกคลีกับพืชชนิดนี้มาหลายปีเหมือนกับที่มันคลุกคลีในชีวิตคน เขาเล่าเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ให้ฟังว่า ในชีวิตประจำวันเราจะใช้มันสำปะหลังโดยที่ไม่รู้ตัว เช่น สารทำความหวานในยาสีฟันก็มีส่วนผสมของมันสำปะหลัง ในผงชูรส แป้งมัน และในอุตสาหกรรมกระดาษก็ด้วย โดยในประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังจำนวนมากในภาคตะวันตก ตะวันออก อีสาน และภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งทุกวันนี้รายได้ของเกษตรกรปลูกมันสำปะหลังดีกว่าแต่ก่อนเพราะมีพันธุ์ที่ดีขึ้น
“ทางมูลนิธิฯ ได้คิดกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์คิดค้นพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตเยอะแจกจ่ายให้เกษตรกร ทำให้พวกเขามีผลผลิตมากขึ้นและพื้นที่ปลูกก็มีมากขึ้น” เขากล่าวถึงหน้าที่ของมูลนิธิ แต่ทั้งนี้ชีวิตของเกษตรกรจะดีขึ้นหรือไม่มันขึ้นอยู่กับตัวเขาเองมากกว่า “ขึ้นอยู่กับว่าเขาดูแลหรือเปล่า ถ้าจะรอให้เทวดารดน้ำเหมือนแต่ก่อนคงไม่ได้ เมื่อดูแลให้ผลผลิตดีแล้ว มันก็ขายได้ และเขาก็จะมีชีวิตดีขึ้น”
อาททำงานกับเกษตรกร ใกล้ชิดติดดิน ในขณะที่อีกด้านหนึ่งก็มีภาพลักษณ์ทางสังคมในฐานะเซเลบริตี้ออกงานคู่ภรรยา อ้อม-พิยดา จุฑารัตนกุล รวมถึงงานอดิเรกที่ทั้งคู่ชอบเหมือนกันคือการดำน้ำ
ใช้ชีวิตกับน้ำ
เขาชอบการดำน้ำตั้งแต่เรียนเมื่อ 22 ปีที่แล้ว ซึ่งเวลานั้นถือเป็นเรื่องแปลกใหม่และน่าตื่นเต้น เขาหวนความหลังให้ฟังว่า “พอได้ดำทะเลเปิดจริงๆ มันเหมือนได้เปิดโลก และสนุกที่ได้ไปเที่ยวตามที่ต่างๆ” พอมีเวลาว่างเมื่อไหร่เขาก็จะไป แม้ว่าตอนนี้มีน้องนาวา ลูกสาวสุดที่รัก แต่ก็ยังไม่วายพาไปทะเลด้วย
ถามว่าทำไมถึงรักการดำน้ำ เขาตอบว่ามันสอนอะไรหลายๆ อย่าง “มันทำให้รู้จักประมาณตน” เขากล่าว “สำหรับผมการดำน้ำมันทำให้ผมเห็นคุณค่าของลมหายใจตัวเอง อากาศที่เรามีอยู่ เวลาเราอยู่บนบกเราไม่เคยเห็นความสำคัญ แต่ใต้น้ำอากาศคือสิ่งที่มีค่าที่สุด”
การดำน้ำแต่ละครั้งเขาบอกว่าไม่เคยคาดหวังว่าจะเจอกับอะไร เขาเอ่ยถึงคุณนัท สุมนเตมีย์ ช่างภาพใต้น้ำ ที่เคยกล่าวกับเขาว่า “การไปเที่ยวให้สนุกต้องไปแบบน้ำครึ่งแก้ว ส่วนอีกครึ่งแก้วค่อยไปเก็บเกี่ยวมัน”
นอกจากนี้ ในฐานะพ่อคนหนึ่งเขาอยากให้ทุกคนพาลูกไปเที่ยวเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ “พ่อแม่ควรสร้างโมเมนต์ต่างๆ ให้ลูก” เขากล่าว “ลูกจะจำได้ว่าเขาเคยมีโมเมนต์ความสุขอย่างไรกับครอบครัว ลูกจะมีเมโมรีของเขา ผมไม่เน้นว่าเขาต้องรู้ว่าปลาตัวนี้คืออะไร แต่อยากให้เขาจำได้ว่า เราเคยอยู่ตรงนั้นด้วยกัน”
ไดรฟ์ไซต์
เขาสารภาพว่าตั้งแต่ดำน้ำมา 20 กว่าปีไม่มีจุดดำน้ำหรือไดรฟ์ไซต์ที่ชอบที่สุด เพราะจุดเดิมที่เคยดำแล้วเมื่อกลับไปอีก มันจะไม่เหมือนเดิม “ธรรมชาติใต้น้ำเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” เขาว่าแบบนั้น ที่เห็นง่ายสุดคือพันธุ์ปลาที่ไม่ว่าไปกี่ครั้งก็จะเจอไม่เหมือนเดิม ทำให้การดำน้ำแต่ละครั้งอาจไม่ประทับใจบ้างหรือประทับใจไม่รู้ลืมสลับกันไป
หากให้เขาแนะนำไดรฟ์ไซต์สวยๆ ในไทย เขาคิดถึงอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันเป็นที่แรก จุดดำน้ำที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ เกาะตาชัย อยู่เหนือสุดของหมู่เกาะสิมิลันเป็นที่พบฉลามวาฬบ่อยครั้ง เกาะบอน
อยู่ระหว่างหมู่เกาะสิมิลันกับเกาะตาชัย มีโอกาสพบกระเบนราหูได้มาก เกาะเจ็ด ที่นี่มีทั้งปะการังแข็ง ปะการังอ่อน กัลปังหา และฝูงปลานานาชนิด และเกาะห้า จะพบมีปลาไหลสวน กองหินแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยปะการังอ่อนและกัลปังหา
อย่างไรก็ตาม ปัญหาความเสื่อมโทรมใต้น้ำก็เป็นเรื่องน่ากังวล เขาแสดงความเห็นว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาคือการเติบโตของอุตสาหกรรมการดำน้ำ “เราดำลงไปก็ถือว่ารบกวนธรรมชาติแล้ว” เขากล่าว “ดังนั้นเราควรทำตัวให้กลมกลืนมากที่สุด เวลาถ่ายรูปก็ไม่ต้องไปใกล้ปะการังมันมาก ไม่ต้องไปเก็บอะไรกลับขึ้นมา เรามองอยู่ห่างๆ มันก็สวยแล้ว”
เขาเห็นเทรนด์การดำน้ำสมัยนี้ที่เปลี่ยนไปเพื่อการถ่ายภาพมากขึ้น ยกตัวอย่างไดรฟ์ไซต์หนึ่งที่ดำลงไปดูฉลามวาฬ แต่กลับเห็นนักดำน้ำไปล้อมพวกมัน “ยังเคยคิดเลยว่านี่เรามาดูฉลามวาฬหรือมาดูคนดำน้ำกันแน่” เขาย้อนเหตุการณ์ให้ฟัง “ผมอยากให้นักดำน้ำเก็บแต่ความทรงจำประสบการณ์กลับมา และทิ้งร่องรอยไว้ให้น้อยที่สุด”
นอกจากนี้ เขาเองยังเคยเจอประสบการณ์น่าหวาดเสียว ที่จำได้ไม่เคยลืมคือที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ภารกิจครั้งนั้นไปดูปลาโมลา โมลา (Mola Mola) แต่กลับเจอกระแสน้ำแปรปรวน เขาถูกกระแสน้ำดูดลงไปซึ่งเป็นอันตรายมากต่อนักดำน้ำ แต่เขาก็สามารถแก้ไขสถานการณ์เพราะประสบการณ์ส่วนตัวและมีบัดดี้ที่ดี สำหรับทริปหน้าเขายังไม่มีแพลนเพราะช่วงนี้โฟกัสกับลูกสาว แต่ก็มีความตั้งใจแน่วแน่ว่าถ้าลูกโตพอแล้วจะพาลงน้ำด้วยแน่นอน
โลกของอาท
หากเขามีโลกของตัวเองหนึ่งใบ เขาอยากให้โลกใบนั้น “เอื้ออาทรกันเหมือนเดิม” เขาใช้คำว่า “เหมือนเดิม” เพราะครั้งหนึ่งสังคมของเราเคยเป็นแบบนั้น ทั้งเอื้ออาทรต่อคนด้วยกันและต่อธรรมขาติที่เราอยู่อาศัย ถ้าความเอื้ออาทรกลับมาสู่สังคมเมื่อไร ไม่เพียงทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น แต่ธรรมชาติก็จะอยู่อย่างยั่งยืนเช่นกัน


