ศุภกิจ เมฆอำนวยชัย มือกรรไกรระดับโลก
เอ่ยชื่อ ป๊อก เชลซี หรือ “ศุภกิจ เมฆอำนวยชัย” ในวงการช่างผม นางงาม ดารา นายแบบ นางแบบ ไฮโซ เซเลบริตี้ ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ทั้งไทยและเทศ ต่างประจักษ์ในลีลาบรรเลงเพลงกรรไกรของเขา รวมถึงการทำสีผมและการต่อผมของเขาได้อย่างสุดทึ่งตะลึงงัน หลายต่อหลายคนเคยใช้บริการมีดหมอของเขา อุ๊ยส์...ไม่ใช่ การลงกรรไกร การเนรมิตสีผม ดัดผม และต่อผมต่างหากมาแล้ว
เอ่ยชื่อ ป๊อก เชลซี หรือ “ศุภกิจ เมฆอำนวยชัย” ในวงการช่างผม นางงาม ดารา นายแบบ นางแบบ ไฮโซ เซเลบริตี้ ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ทั้งไทยและเทศ ต่างประจักษ์ในลีลาบรรเลงเพลงกรรไกรของเขา รวมถึงการทำสีผมและการต่อผมของเขาได้อย่างสุดทึ่งตะลึงงัน หลายต่อหลายคนเคยใช้บริการมีดหมอของเขา อุ๊ยส์...ไม่ใช่ การลงกรรไกร การเนรมิตสีผม ดัดผม และต่อผมต่างหากมาแล้ว
แมงโก้หวานพูดตามตรงว่า เพิ่งเห็นตัวจริงของแฮร์สไตลิสต์ระดับตัวพ่อตัวแม่ของเมืองไทยผู้นี้ที่ร้านเชลซี (Chelsea) ซึ่งอยู่ที่ชั้น 3 ตึกชาญอิสสระ 1 ถนนพระราม 4 และกล้าพูดได้เลยว่าแม้เวลาจะผันผ่านมาเป็นสิบๆ ปี ความเป็น “ป๊อก เชลซี” ไม่เคยจืดจาง ทั้งความดังถ้าเปรียบเป็นพระเครื่องยิ่งเก่ายิ่งขลัง ทั้งฝีมือขั้นเอกอุเพลิดพลิ้วแพรวพราวนัก ไม่แปลกที่ลูกค้ากลุ่มเซเลบริตี้โดยเฉพาะต่างประเทศยังคงวางใจเขาอย่างเหนียวแน่น ในยุคที่ผ่านมา เช่น ซิลเวีย ซิมส์ อดีตดาราชื่อดังของอังกฤษ เจอร์รี่ ฮอลล์ อดีตนางแบบท็อปโมเดลและอดีตภรรยาของมิก แจ็กเกอร์ หรือในปัจจุบัน เช่น จางจื่ออี้ และอีกหลายคนที่ลงทุนบินมาทำผมที่ร้านของเขา
เป็นที่รู้ว่า ป๊อก เชลซี นั้นเป็นช่างผมที่โด่งดังจากต่างประเทศก่อนจะมาฮอตที่เมืองไทย โดยเขาไปอยู่อังกฤษตั้งแต่อายุ 13-14 ปี เคยได้ทุนการศึกษาที่ออกซฟอร์ด
“ผมเกิดมาโชคดีพ่อแม่สนับสนุนเรื่องเรียน พ่อเป็นคนจีนโพ้นทะเลเสื่อผืนหมอนใบ แม่เป็นชาวนา แต่ก็พยายามส่งเรียนโรงเรียนดีทั้งอัสสัมชัญและเซนต์จอห์น พออายุ 13-14 ปี ก็ส่งไปเรียนที่อังกฤษ จนมีโอกาสได้ทุนเรียนฟรีออกซฟอร์ดจากการเขียนบทความเช็กสเปียร์ไม่ได้เป็นคนเขียนโรมิโอกับจูเลียต แต่แม้จะได้ทุนเรียนฟรีสรุปก็ไม่ได้เรียน เพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ มาก สุดท้ายได้ไปเรียนที่เรดดิ้ง สาขาปรัชญา ทั้งที่ทางบ้านอยากให้เรียนธุรกิจ ซึ่งต้องทำงานด้วยเรียนไปด้วย เพราะสมัยโน้นกว่าเงินที่พ่อแม่ส่งมาจะถึงมือต้องรอนาน 7-8 เดือน”
ด้วยความที่เป็นคนชอบด้านแฟชั่นมาตั้งแต่เด็ก หลังเรียนจบที่เรดดิ้งก็ไปเรียนออกแบบเสื้อผ้าและจบด้านออกแบบลายผ้าที่กรุงลอนดอน เพราะเพื่อนคนไทยใครๆ ก็เป็นดีไซเนอร์กันหมดเลยทำให้อยากเป็นมั่ง โดยบุคคลที่เขาปลื้มและเป็นแรงบันดาลใจก็คือ สมชาย แก้วทอง เจ้าของห้องเสื้อ Kai ใช้เวลา 2 ปีจบ ทว่าพอจบมาแล้วไม่มีงานทำจึงไปเรียนทำผมและเป็นวิชาชีพที่ทำให้คนรู้จักป๊อก เชลซี ถึงวันนี้
“เรียนออกแบบที่ Cornel College Fashion ด้าน Fabric design ที่ลอนดอน 2 ปี จบแล้วไปเรียนทำผมต่อที่สถาบันวิดัล แซสซูน (Vidal Sassoon) ซึ่งเป็นสถาบันที่ช่างผมระดับโลกหลายคนเคยเรียน คนไทยเราก็มี เช่น ลินดา ค้าธัญเจริญ ตอนเรียนแซสซูนยังมีชีวิตและสอนด้วย เขาคือคนที่ทำให้เราชอบอาชีพนี้ และเราสอบได้อันดับหนึ่ง จบแล้วได้รับเลือกเป็นเฟิสต์เยียร์โอเปอเรเตอร์ (เด็กฝึกงาน) ที่ร้านเฮดฮันเตอร์ ย่านเซาท์เคนซิงตัน ซึ่งเป็นร้านพระเกศาของเจ้าหญิงไดอาน่า เจ้าของร้านคือคุณสตีเว่น ผู้เป็นสุดยอดด้านทำสีผม ตอนนั้นเป็นลูกมือแค่ช่างส่งเครื่องมือทำสีไฮไลต์และสระผมและชงกาแฟในร้าน”
ช่างผมคนดังเล่าต่อว่า ในลอนดอนหรือในยุโรป หลังเรียนจบใช่ว่าจะเปิดร้านเองหรือตัดผมได้เลย ต้องผ่านการเป็นโอเปอเรเตอร์อย่างน้อยๆ 4 ปี จูเนียร์ 2 ปี แล้วปีที่ 5-6 ถึงจะขึ้นตัดได้ ดังนั้นพออยู่ที่เฮดฮันเตอร์ได้ปีกว่าๆ ก็ถูกวิดัล แซสซูนดึงตัวกลับ แต่หากรวมเวลาที่ทำงานเป็นช่างทำผมที่อังกฤษประมาณ 10 กว่าปี เปลี่ยนมา 3 ร้าน เป็นตั้งแต่ Floor Manager, Manager และ Shop Manager ร้านแรกเป็นที่เริ่มต้นทำงาน ร้านที่สองคือการกลับไปอยู่วิดัล แซสซูน อีกครั้งในฐานะ Junior และร้านที่สามเป็นที่สุดท้ายที่อยู่มาตลอดและเป็นช่วงที่ทำผมให้กับเซเลบมากมาย จนกระทั่งกลับเมืองไทยประมาณปี 2523
ในช่วงเวลาดังกล่าว เมืองไทยยังไม่ใคร่มีใครทำสีผม ต่อผม หรือดัดผมเท่าไหร่ เขาจึงเป็นช่างผมรายแรกๆ ที่สร้างความโดดเด่นนำความแปลกใหม่มาสู่วงการช่างผมเมืองไทยก่อนที่จะเกิดการแพร่หลายในปัจจุบัน โดยเฉพาะการต่อผม โดยมีดารานักร้องหลายต่อหลายคนที่มีชื่อเสียงในยุคเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วที่เขาเคยต่อผมให้ เช่น คริสติน่า อากีล่าร์ ใหม่ เจริญปุระ ทาทา ยัง เป็นต้น อย่างไรก็ตามด้วยความที่ปัจจุบันเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ในวงการเสริมสวยนั้นพัฒนาไปไกล จึงทำให้การทำผมง่ายและสวยขึ้น เทรนด์เก่าไป เทรนด์ใหม่มา
“เทรนด์ใหม่ของร้านเสริมสวยหรือทำผมในปัจจุบันคือเทรนด์ออร์แกนิก คือต้องไม่มีสารเคมีร้ายแรงอยู่ในผลิตภัณฑ์ ทุกอย่างเป็นสมุนไพร เป็นอายุรเวท ซึ่งในยุโรปทุกอย่างจะห่างจากเคมีมาก ทุกคนต้องการผมสวยแบบนั้นหรือต้องการสีผมที่ไม่มีเคมี ที่ร้านพี่ก็ปรับมาเป็นออร์แกนิกซาลอน เนื่องจากเราเห็นว่าสารเคมีนั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพผิวหนังของคน”
เมื่อถามเคล็ดลับการเป็นช่างผมที่ประสบความสำเร็จ แฮร์สไตลิสต์ชื่อดังบอกว่า แน่นอนต้องมีฝีมือและประสบการณ์ที่ได้รับการยอมรับ แต่สิ่งที่สำคัญนอกเหนือจากฝีมือแล้วต้องสร้างความไว้ใจให้เกิดกับลูกค้าให้ได้จึงจะประสบความสำเร็จ
“บอกตรงๆ เราไม่ได้ทำเพื่อเงินเป็นที่ตั้ง แต่เราใช้ฝีมือและความไว้ใจของลูกค้า มีลูกค้าหลายคนในอดีตถึงปัจจุบันน่ารักมาก คนไทยไม่ค่อยมีอะไร ถ้าเราไปคบกับเซเลบริตี้ระดับโลกมันก็ยากนิดหนึ่ง ฝีมืออย่างเดียวไม่พอ ต้องอาศัยการอ่านใจอ่านจริตของเขาด้วย และโชคดีที่สิ่งนี้ (จิตวิทยา) เราเรียนมาหมด รู้ว่าจะสื่อสารอะไรอย่างไรกับเขา” ช่างผมระดับโลกทิ้งท้าย


