ฟีฟ่า...บัลลังก์มาเฟีย?
เกิดคำถามขึ้นมากมาย เหตุใดจู่ๆ เซปป์ แบลตเตอร์ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ถึงประกาศสละเก้าอี้
โดย...มิวโกโตะ
เกิดคำถามขึ้นมากมาย เหตุใดจู่ๆ เซปป์ แบลตเตอร์ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ถึงประกาศสละเก้าอี้ประธานฟีฟ่าที่เพิ่งต่อสู้เลือกตั้งชนะมาได้ไม่กี่วัน เรามาลองตั้งสมมติฐานหาคำตอบกัน
“ผมไม่ได้รับการสนับสนุนจากใครๆ ผมต้องการรักษาผลประโยชน์ของฟีฟ่า และนี่คือเหตุผลว่าทำไมผมจึงตัดสินใจลาออก สิ่งที่ผมห่วงมากที่สุดคือ สถาบันฟีฟ่าและฟุตบอลทั่วโลก ผมชื่นชมและรักฟีฟ่าเหนือสิ่งอื่นใด ผมเพียงต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุดกับฟีฟ่า” คำลาจากแบลตเตอร์
ประโยคร่ำลาของแบลตเตอร์ ฟังดูเรียบง่าย แต่กลับแฝงซึ่งนัย ทำไมอดีตประมุขลูกหนังโลก วัย 79 ปี ถึงใช้คำว่า “ไม่ได้รับการสนับสนุนจากใครๆ” ทั้งที่การเลือกตั้งรอบแรกได้คะแนนทะลุ 133 เสียง
วลี “ไร้เพื่อน” อาจมาจากการที่ เจฟฟรีย์ เว็บบ์, ยูเจนิโอ ฟิกัวเรโด (รองประธานฟีฟ่า) เอดูอาร์โด ลี (บอร์ดบริหาร) พร้อมพวกรุ่นใหญ่โซนคอนคาเคฟกับอเมริกาอย่าง ฮูลิโอ โรชา, คอสตาส ทัคคาส, ราฟาเอล เอสคีเวล, โชเซ มาเรีย มาริน, นิโคลาส เลออซ และ แจ็ค วอร์เนอร์ 9 คนสนิทของปู่เซปป์ ถูกตำรวจสากลบุกจับคาโรงแรมจนเป็นข่าวดังเมื่อวันที่ 27 พ.ค. ข้อหาพัวพันคอร์รัปชั่น
ทำให้เวลานี้แบลตเตอร์เหลือมิตรแท้เพียง เจอโรม วัลค์เก แต่เลขาธิการฟีฟ่ามือขวาคนสนิทรายนี้ กำลังถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐตรวจสอบอย่างหนักคดีติดสินบนมูลค่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 330 ล้านบาท) เมื่อปี 2007 ขณะที่บรรยากาศขั้วตรงข้ามอย่างบิ๊กเบิ้มฝั่งยุโรปกับเอเชียต่างเร่งเดินหมากโค่นล้ม การลาออกครั้งนี้จึงเป็นได้ทั้งถอยไปตั้งหลัก หรือลงเพราะยอมจำนนกลัวหลักฐานสาวถึงตัว
ริชาร์ด เว็บเบอร์ หัวหน้าหน่วยสืบสวนคดีอาชญากรรมด้านภาษีของสหรัฐ เผยได้ทำการส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนเข้าไปแฝงตัวในสหพันธ์นี้อยู่เป็นเวลาหลายปี ก่อนได้ข่าวลับว่าอาจมีการทุจริตเกิดขึ้นอีกครั้ง
“นี่คือการแข่งขันแห่งความทุจริตอย่างแท้จริง” เว็บเบอร์ กล่าวผ่านซีเอ็นเอ็น
แหล่งมั่วสุมคอร์รัปชั่น?
ความโปร่งใส เป็นหัวใจหลักที่ถูกเรียกร้องให้มีในฟีฟ่าตลอดช่วงระยะหลัง อย่างที่ทราบฟุตบอลคือกีฬายอดนิยมอันดับหนึ่งของโลก และทุกทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ถูกจัดขึ้นโดยฟีฟ่า ดังนั้นเม็ดเงินจึงแพร่สะพัดมหาศาล ทำให้เรื่องคอร์รัปชั่นยังคงวนเวียนไม่ไปไหน
สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐ (เอฟบีไอ) และ ลอเร็ตตา ลินช์ อัยการสูงสุด ยืนยันจะสืบสวนในคดีความไม่โปร่งใสจนถึงที่สุด เพราะพบเส้นทางการเงินผ่านสหรัฐ โดยแบ่งเป็นความผิดกรณีรับสินบนจากสื่อที่ได้สิทธิการตลาดเพื่อการแข่งขันฟุตบอล และคดีอาญาเรื่องฟอกเงินที่เชื่อมโยงกับการจัดฟุตบอลโลก 2018 และ 2022
หลังจากจับกุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฟีฟ่า รวมแล้ว 14 คน โดยสำนักข่าว “เอบีซี” ของสหรัฐ รวมถึงหนังสือพิมพ์ “นิวยอร์ก ไทมส์” พร้อมใจตีข่าวว่า ผู้บริหารฟีฟ่าหลายคนเริ่มปริปากว่ามีการใช้ตำแหน่งเรียกร้องสินบนจริงยามมี
ทัวร์นาเมต์สำคัญ
“ตอนนี้แต่ละคนต้องดิ้นหาทางเอาตัวรอด คอยดูว่าใครจะหลุดปากซัดทอด (แบลตเตอร์) เป็นคนแรก จริงอยู่ที่เราคงไม่อาจจะถอนรากถอนโคนเนื้อร้ายทั้งหมดในฟีฟ่าได้ แต่เราจะจัดการตัวใหญ่ให้ได้” แหล่งข่าวระบุ
ขณะที่ วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในฐานะเจ้าภาพเวิลด์ คัพ 2018 ที่ถูกเค้นอย่างหนักถึงที่มาของเจ้าภาพ เสียดสีผ่านสื่อบอกอเมริกาควรจะหันไปสนใจธุระของตัวเองมากกว่าจะไปยุ่งกับข่าวฉาวฟีฟ่า พร้อมท้าให้ตรวจสอบ เช่นเดียวกับกาตาร์ เจ้าภาพปี 2022 ที่ถูกบีบให้ขยับปฏิทินแข่งไปจัดช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. เพราะสภาพอากาศหน้าร้อนทะลุ 40 องศา เกรงนักเตะจะไม่ไหว
กระแสแคลงใจรุมตั้งคำถามว่า ทำไมฟีฟ่าถึงยอมกาตาร์โดยง่าย รับเงินใต้โต๊ะมาหรือเปล่า? เนื่องจากเวลานั้นสโมสรลีกยุโรปกำลังฟาดแข้งอย่างเข้มข้น (กลางฤดูกาล) และสตาร์ส่วนใหญ่ก็ค้าแข้งที่นั่น
จุดนี้มองได้สองมุม ประการแรก แบลตเตอร์เคยชูนโยบายอยากให้มีชาติหน้าใหม่เข้ามาร่วมเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกบ้าง และต้องการให้จัดลักษณะวนทวีปไปเรื่อย ซึ่งผู้เขียนเห็นด้วย เพราะถ้ารอเข้าเงื่อนไขต้องเป๊ะ ประเทศที่พร้อมจัดจะมีแต่หน้าเดิมๆ เอาจริงๆ ประเทศแถบตะวันออกกลางพร้อมกว่าใครในเรื่องกำลังทรัพย์ แต่ประเด็นคือ การได้สิทธิต้องโปร่งใส ไม่ทุจริต
เท่ากับปัญหาคอร์รัปชั่นคือบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กรลูกหนังระดับโลก เพราะว่าด้วยเรื่องนโยบายปฏิเสธไม่ได้ว่ากัปตันแบลตเตอร์ นำเรือฟีฟ่ามาไกลพอสมควรตลอดเวลา 17 ปีที่ผ่านมา
ตราบใดที่คดียังไร้บทสรุป คำเปรียบเปรยที่ว่า “ฟีฟ่าเสมือนบัลลังก์มาเฟีย” อาจฟังดูรุนแรงเกินไป เพราะเบื้องหลังที่องค์กรแห่งนี้ถูกตราหน้าว่าเต็มไปด้วยการข่มขู่ การทุจริต และการฟอกเงิน ในช่วงระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา ล้วนยังไม่มีข้อพิสูจน์แน่ชัด
ในมุมมองส่วนตัว ผมเชื่อว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นในฟีฟ่าเกิดขึ้นจริง เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารระดับไหน องค์กรใด เมื่ออยู่นาน ย่อมมีประสบการณ์ และเรียนรู้ระบบในเครือข่ายตัวเองจนทะลุปรุโปร่ง
การยืนบนบัลลังก์ที่มีตัวเลขผ่านมือเกินหลักล้านล้านบาทนานเกือบครบ 18 ปี อาจเป็นบ่อเกิดของความโลภ และใช้อำนาจที่มีอยู่แสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีวันหมดไปจากองค์กรใหญ่ๆ ได้หรอก (ทุกที่)
ทางออกในการกู้ภาพลักษณ์ฟีฟ่าเวลานี้ คือต้องหาผู้นำที่มีลุคใสซื่อมาประคอง ที่สำคัญควรเป็นบุคคลที่ประสานรอยร้าว หล่อหลอมสปิริตสามัคคีในสภาได้ ซึ่ง มิเชล พลาตินี ประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) เป็นคนที่ได้รับการยกย่องว่ามีศักยภาพที่สุด ขณะที่เจ้าชายอาลี บิน อัล ฮุสเซน แห่งจอร์แดน คู่ต่อสู้คนสุดท้ายของแบลตเตอร์บนสนามเลือกตั้งล่าสุด มีลุ้นกลับมาเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีกระแสทางออกฉุกเฉินให้ล้างไพ่ยกเลิกตำแหน่งประธานฟีฟ่า โดยให้คงเหลือแต่บอร์ดบริหาร และจ้างซีอีโอมืออาชีพมาคุมแทนเพื่อความโปร่งใส
แต่อย่าเพิ่งวางใจ ... เรื่องนี้อาจจบแบบหักมุมสไตล์การเมืองคือ แบลตเตอร์ลาออกเพื่อแสดงสปิริต จากนั้นค่อยหาหัวโขนเป็นใครสักคนและนั่งชักใยอยู่เบื้องหลังสบายใจเฉิบ


