กานต์-กษิดิ์เดช หงส์ลดารมภ์ ใช้ดนตรีพิสูจน์ตน

โดย...นกขุนทอง ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

“ผมรู้สึกดีใจที่สุดเลยครับ กับสิ่งที่ผมพยายามมาตลอด รู้สึกเป็นเกียรติแก่ตระกูลหงส์ลดารมภ์ด้วย แล้วก็เป็นเกียรติแก่ตัวเองด้วยครับ เพราะรางวัลคือถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” กานต์-กษิดิ์เดช หงส์ลดารมภ์ หนุ่มน้อยวัย 17 ปี กล่าวถึงความรู้สึกในการคว้าแชมป์นักร้องยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย ประจำปี 2558 หรือ เคพีเอ็น อวอร์ด ครั้งที่ 24

ในวันนี้กานต์ได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างออกหน้าออกตาอย่างเต็มตัว ที่ต้องบอกเช่นนี้ เพราะหนุ่มน้อยคนนี้เคยเป็นนักแสดงรับเชิญเล่นละคร เคยถ่ายแบบ เคยเป็นนักร้องฝึกหัด เรียกได้ว่าเคยโฉบเฉี่ยวอยู่ในแวดวงนี้มาแล้วตั้งแต่ยังละอ่อนกว่านี้ หากแต่จะมีสักกี่คนที่จดจำเขาได้...

แต่สำหรับการขึ้นมาสู่เวทีประกวดเคพีเอ็น ยังไม่เป็นแชมป์ แฟนรายการก็ติดตามยกมือเป็นแฟนคลับกันตั้งแต่ยังไม่ดังเลย เพราะได้เห็นความสามารถ เสน่ห์ที่ชายหนุ่มคนนี้แสดงบนเวที หากสำหรับกานต์การเข้ามาประกวดในรายการดนตรีนี้ ไม่เพียงได้ทำในสิ่งที่รักและถนัดมาตั้งแต่เด็ก แต่มันยังเป็นการพิสูจน์ความสามารถให้ครอบครัวได้เห็นว่า เด็กที่ดูเหมือนไม่เอาถ่าน ถึงเวลาตั้งใจจริงก็ทำได้

“รู้จักเคพีเอ็น แต่ผมไม่เคยดูรายการ พี่ที่รู้จักชวนให้มาประกวด มันเป็นการทำอะไรที่แปลกใหม่สำหรับเราดีจึงอยากลอง คือกานต์เป็นนักดนตรี นักแต่งเพลง ไม่ใช่นักร้อง ประสบการณ์ ทักษะเรื่องการร้องเพลงน้อยมาก คิดว่าลองทำอะไรใหม่ๆ ดู อีกเหตุผลคือ เวทีนี้จะได้พิสูจน์เราด้วย คือคุณพ่อคุณแม่ถอดใจคิดว่าเราเอาดีไม่ได้หรอก เพราะกานต์ดื้อ ไม่ค่อยตั้งใจเรียน มุ่งมาแต่ทางดนตรีอย่างเดียว คนอื่นก็คิดว่ากานต์ไม่มีทางดีขึ้นมาหรอก แต่จริงๆ กานต์ทำได้นะ ตรงนี้เป็นโอกาสที่เราจะพิสูจน์ความสามารถ”

สำนวนที่ว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” เกิดผลกับหนุ่มน้อยคนนี้ เพราะการรู้ตัวเองว่ามีข้อเด่น ข้อด้อยตรงไหน ทำให้เขาสามารถชูจุดเด่น และพัฒนาจุดด้อย จนคว้าแชมป์เคพีเอ็น

“เรื่องร้องเพลง การที่เราอยู่ด้านหลังมาอยู่ด้านหน้ามันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น เพราะตอนเล่นวงกับเพื่อนดนตรีสามชิ้นกานต์ก็ร้องด้วย แต่เรื่องยากคือองค์ประกอบอื่นๆ เราอยู่ทีมสีน้ำเงิน คือทีมกานต์ได้หน้าตาดี พูดแล้วกระดากปาก (หัวเราะ) ข้อดีของเวทีเคพีเอ็น คือเขาชัดเจนว่า ทีมแดงเสียงดี ทีมน้ำเงินหน้าตาดี แต่เวทีอื่นเราไม่รู้ว่าเขาเอาอะไรแน่ แล้วเรารู้ว่าเสียงเราไม่ได้ดีเท่าคนอื่นแน่นอน เราอาจหมดโอกาสเรื่องการเป็นนักร้องแน่ เราหาจุดเด่นเราจะเอาอะไรไปสู้ เราสามารถสื่ออารมณ์ที่ดีในการร้องเพลงได้ มีการพูดคุยเอนเตอร์เทนได้ดีกว่า ซึ่งเวทีนี้เปิดโอกาสให้เรา ตอนกรอกใบสมัครกานต์ก็เลือกสีน้ำเงิน ทั้งๆ ที่เต้นไม่เป็นเลย เต้นก็คร่อมจังหวะ แล้วทีมนี้การแสดงออกมาในรูปแบบของการเต้นได้ แสดงได้ สื่ออารมณ์เสียง ตีโจทย์ให้แตก”

กานต์เล่นดนตรีไทยได้หลายอย่าง เพราะเรียนวิชาดนตรีไทยมาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในโรงเรียนจิตรลดา จนจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 และเล่นดนตรีสากล เบส กลอง กีตาร์ เปียโน ฯลฯ เรียกว่ากานต์จับเครื่องดนตรีมากกว่าจับดินสอปากกา

“โชคดีครับที่ครอบครัวสนับสนุนเรื่องดนตรี แต่ก็ไม่ได้อยากให้มาในลู่ทางนี้ ใจคุณพ่อคุณแม่ก็อยากให้ลูกเรียนหมอแหละครับ แต่เมื่อเราชอบทางนี้ เขาก็บอกว่าอะไรที่เราเรียนเราทำแล้วชอบ ทำแล้วสบายใจก็ทำ ซึ่งกานต์ก็แสดงให้เห็นมาตลอดว่าชอบทางนี้ การได้มาอยู่จุดนี้มันมากกว่าการเป็นที่หนึ่งหรือการเป็นแชมป์ มันมีค่ามากๆ ครับ เพราะกว่าที่กานต์จะมาถึงจุดนี้ได้ ก้าวมาหลายก้าวแล้วจริงๆ ครับ เหมือนเดินขึ้นบันไดมาสูงมาก มองย้อนกลับไปเรามาได้ไกลกว่าที่​​คิดไว้มากครับ และกานต์ก็ถือว่าตอนนี้กานต์ชนะใจตัวเองได้แล้วครับ”

ในอนาคตอันใกล้ ทุกคนจะได้เห็นกานต์ในบทบาทศิลปินเดี่ยวแน่นอน และจะได้สัมผัสอีกมุมหนึ่งในความสามารถของเด็กวัย 17 คนนี้ เพราะก่อนที่จะก้าวมาอยู่เบื้องหน้า กานต์เป็นนักแต่งเพลง เป็นโปรดิวเซอร์เพลง ซึ่งเป็นไปได้ว่าแฟนๆ จะได้เห็นผลงานเพลงของกานต์ที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของเขาเอง

“เราเป็นเด็กด้วย โนเนมด้วย ไม่มีสังกัด การทำงานเพลงในเมืองไทยก็ต้องดิ้นรนมากหน่อย เพราะไม่มีพาวเวอร์ในการคุย มีแต่ผลงาน แต่ถ้าต่างประเทศเขาดูผลงาน ไม่ดูว่าคุณสังกัดไหน กานต์มีเพื่อนเป็นศิลปินก็ได้มีการแนะนำเขาก็ได้เห็นงานของเรา ตอนนี้ก็กำลังทำงานเพลงกับ 2 ศิลปินอยู่ ยังเปิดเผยไม่ได้ โปรดิวซ์กันเอง อีกไม่นานคงปล่อยครับ”

จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ต้องการอะไร อยากเป็นอะไร แล้วจะมีสักกี่คนที่ต้องการอะไรแล้วได้ดังใจ ในวันนี้กานต์ได้ก้าวมาอีกขั้นของความตั้งใจตั้งแต่วัยเยาว์ สำหรับการศึกษาระดับปริญญาตรีกานต์ก็หวังเรียนในวิทยาลัยดนตรี

“ดนตรีให้อะไรกับกานต์เยอะมาก ทั้งการใช้ชีวิต ทัศนคติ อย่างเครียดมาพอได้นั่งจับกีตาร์เหมือนเราหลุดไปอีกโลกหนึ่งเลย ดนตรีเหมือนอวัยวะส่วนที่สามสิบสาม” กานต์ กล่าวทิ้งท้าย