กีฬาขี่ม้า ชัยชนะที่ใช้ใจประสานใจ
หลายคนหลบแดดร้อนไปทะเล อีกหลายคนหลบแดดร้อนไปเข้าป่า เมื่อไม่นานมานี้เรามีโอกาสไปเขาใหญ่
โดย...สมแขก
หลายคนหลบแดดร้อนไปทะเล อีกหลายคนหลบแดดร้อนไปเข้าป่า เมื่อไม่นานมานี้เรามีโอกาสไปเขาใหญ่ และได้รู้จักกับกีฬาที่ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ แต่ก็โลดโผนที่ทรงเสน่ห์ที่สุดชนิดหนึ่งเข้า นั่นก็คือกีฬาขี่ม้า ซึ่งนับเป็นกีฬาเพียงชนิดเดียวที่คนกับสัตว์จัดอยู่ในทีมเดียวกันดังนั้นชัยชนะหรือความสำเร็จที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งจึงขึ้นอยู่กับการสื่อสารและสัมพันธภาพระหว่างคนกับม้า
รศ.นพ.นพดล สโรบล สูตินรีแพทย์ ประจำโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เจ้าของฟาร์มม้าหมอปอ เขาใหญ่ ผู้คลุกคลีและผูกพันกับกีฬาขี่ม้ามาไม่น้อยกว่า 20 ปี บอกว่า มนุษย์เริ่มขี่ม้ามาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ใช้เป็นพาหนะและเพื่อศึกสงคราม ต่อเมื่อมีการพัฒนายานพาหนะอื่นๆ มาทดแทน ไม่ว่าจะเป็นเรือ รถยนต์ รถไฟ ฯลฯ คนก็เริ่มขี่ม้าเพื่อการสัญจรน้อยลง การขี่ม้าจึงเปลี่ยนจุดประสงค์เป็นเพื่อความเพลิดเพลิน และขี่เพื่อเป็นกีฬา ซึ่งนอกจากม้าแข่งแล้ว กีฬาขี่ม้าถูกบรรจุเป็นชนิดกีฬาในโอลิมปิกในปี ค.ศ. 1956 ที่กรุงเมลเบิร์น ออสเตรเลีย แต่กีฬาขี่ม้าถูกจัดขึ้นที่กรุงสตอกโฮล์มของสวีเดนแทน เพราะกฎหมายการนำเข้าสัตว์ที่เข้มงวดของออสเตรเลียในขณะนั้น
สมาคมขี่ม้าแห่งประเทศไทยจึงกำหนดให้มีการแข่งขันซึ่งเป็นที่นิยมกันในหมู่สมาชิกสโมสรต่างๆ ตามข้อกำหนดของโอลิมปิก โดยจะแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.ศิลปะการบังคับม้า (Dressage) คือการขี่ม้าในสนามสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งผู้ขี่จะต้องบังคับให้ม้าทำท่าทางต่างๆ นานาตามคำสั่ง 2.กระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง (Show Jumping) จะมีเครื่องกีดขวางขนาดต่างๆ วางอยู่ในสนาม ผู้ขี่ก็ต้องบังคับให้ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวางให้ได้ โดยมีการจับเวลาด้วย และ 3.อีเวนติ้ง (Eventing) คือการขี่ม้านอกสนาม อาจจะเป็นการแข่งขันในทุ่งหญ้า ขณะเดียวกันก็ต้องมีการกระโดดข้ามอุปสรรคต่างๆ เช่นกัน
“หลายคนคิดว่ากีฬาขี่ม้าเป็นกีฬาเฉพาะกลุ่ม แต่ในระยะหลังเด็กรุ่นใหม่เริ่มสนใจและหันมาขี่ม้ามากขึ้น เพราะนอกจากจะส่งเสริมบุคลิกภาพให้สง่างามแล้วยังเป็นการออกกำลังกายที่ทำให้ร่างกายแข็งแรงทุกส่วนด้วย แต่ว่าการขี่ม้าเป็นกีฬาแอดเวนเจอร์ที่ค่อนข้างอันตราย เพราะม้าเป็นสัตว์ ซึ่งการฝึกฝนร่วมกับสัตว์เป็นสิ่งที่คาดเดาหรือกำหนดอะไรตายตัวไม่ได้ ดังนั้นคนที่อยากจะขี่ม้าต้องไปเรียนอย่างจริงจังเพื่อให้รู้จักหลักการขี่และการฝึกควบคุมบังคับม้าให้ถูกต้อง
“เมื่ออยู่บนหลังม้าเรามีโอกาสตกได้ทุกเมื่อ ต้องไปเรียนที่โรงเรียนสอนขี่ม้าให้เป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 20 ชม. เมื่อมีพื้นฐานที่ดีแล้วก็จะมีทักษะในการเอาตัวรอดได้มากขึ้น ทำให้เราเซฟตัวเองได้ ลดอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น ทำให้กีฬาชนิดนี้สนุกและปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ตามหัวเมืองใหญ่หรือในกรุงเทพฯ เองก็มีโรงเรียนสอนขี่ม้าหลายแห่ง” เจ้าของฟาร์มหมอปอ กล่าว
การเตรียมพร้อมสำหรับเรียนขี่ม้า หรือกีฬาขี่ม้า ข้อสำคัญคือหัวใจคุณจะต้องรักม้า เพราะถ้าไม่ส่งใจให้การเริ่มต้นอาจจะจบตั้งแต่ยังไม่เจ็บด้วยซ้ำ จากนั้นที่ต้องเตรียมก็คือเสื้อผ้าและเครื่องป้องกันการบาดเจ็บ เนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดจากม้าได้บ่อยๆ 3 ลำดับแรก คือ ศีรษะ หลัง และไหล่ ดังนั้นสิ่งที่จะต้องเตรียมให้พร้อมคือ หมวกที่ดีไซน์เฉพาะสำหรับการขี่ม้าเพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะ การแต่งกาย
ที่มิดชิดจะช่วยป้องกันแขนขาที่อาจเกิดแผลถลอกได้ ส่วนรองเท้าบู๊ตสำหรับขี่ม้า ถ้าเป็นแบบยาวจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่แข้ง
เมื่อได้เรียนรู้หลักการบังคับม้าแล้ว ไม่ว่าเราจะออกเดินทางไปท่องเที่ยวที่ไหน ม้าจะกลายเป็นอีกหนึ่งพาหนะที่เรามองหา เสียงกุบกับของกีบม้าเมื่อกระทบพื้นหรือความเย็นฉ่ำเมื่อผ่านลำธาร และการตระเวนไปในท้องทุ่งแบบคาวบอยจะเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ทันที และไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป


