ผ่าอาณาจักรสีรุ้ง แดนนี่ เดอะบีช

โดย...โจนาสเตเชีย ภาพ : เสกสรร โรจนเมธากุล

เมื่อได้รับโจทย์ว่าต้องทำสกู๊ป “แดนนี่ เดอะบีช” ผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงกว้างของชาวสีรุ้ง ก็อดหวั่นใจเล็กๆ ว่าจะนำเสนอแง่มุมไหนดี เพราะที่ผ่านมาก็เคยมีคนนำเสนอชีวิตเขาบ้างแล้ว แต่ระหว่างการสัมภาษณ์จู่ๆ เจ้าตัวก็หลุดปากว่าเพิ่งจะเลิกกับแฟนหนุ่มที่คบหากันมานาน เด็ดกว่านั้น เขายังบอกอีกว่าพบรักใหม่เรียบร้อย แม่เจ้าว้อย!!! อะไรจะไวปานนั้น

“พี่เป็นคนชอบการมีคู่นะ พอไม่มีคู่พี่ก็พูดกับตัวเองว่า ฉันจะต้องมีแฟนให้เร็วที่สุด เพราะพี่ไม่เคยห่างหายจากการไม่มีคู่นับตั้งแต่ตัวเองเริ่มต้นว่าจะมีแฟน  ฉันมีนายแจ๊ค แล้วฉันก็ต่อนายเชน พี่จะมีสโลแกนของพี่ว่า ได้เร็วก็ดี แต่ถ้ายังไม่มีก็ไม่เร่งด่วน แต่ ณ วันนี้ ก็มีละ ได้หมาดๆ (หัวเราะร่วน) และตกลงกันละว่าจะเป็นแฟนกัน 

สเปกพี่ชอบคนผิวคล้ำ ชอบคนไทย ออกเป็นไทยเดิมๆ ด้วยนี่ยิ่งใช่เลย ฝรั่งไม่ชอบ ตี๋ขาวก็ไม่ใช่ แล้วก็ไม่ชอบประเภทตุ้งติ้ง ของพี่ต้องบอยๆ คนอื่นดูแทบไม่รู้ว่าเป็นเกย์ ซึ่งเชื่อมั้ยว่าคนใหม่ที่พี่เจอเป็นตี๋ขาวนะ คนละเรื่องกับสเปกที่พี่วางไว้เลย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมสเปกเปลี่ยน” (พูดจบเขาก็เปิดรูปถ่ายแฟนคนใหม่ในโทรศัพท์มือถือให้ดู หล่ออ่ะ!!!)

สำหรับแดนนี่นั้น ถ้าเป็นคนที่รู้จักมักจี่กับเขาเป็นอย่างดี ก็จะเรียกเขาว่า “คุณแม่” คำนี้มีความหมาย ไม่ใช่แค่แสดงถึงความรักที่ผู้เรียกมีต่อผู้ถูกเรียก แต่ยังเปรียบเสมือนนาฬิกาชีวิต ประสบการณ์และวัยของชายผู้ได้ชื่อว่าเป็น “ตัวแม่” ในอีกบริบทหนึ่ง

ขณะเดียวกัน ในอีกบริบทหนึ่ง แดนนี่ หรือ “กิตตินันท์ ธรมธัช” คือเจ้าของอาณาจักรสีรุ้งมากมาย ภายใต้แบรนด์ “เดอะบีช กรุ๊ป” เซาน่า ผับ สปา ที่พักอาศัย เหล่านี้คือเครือข่ายที่นำเขาก้าวสู่เบอร์ต้นๆ ของวงการเกย์ แต่ที่เป็นข่าวครึกโครมและฉาวสุดๆ คงหนีไม่พ้นไอเดีย “เมืองดอกไม้” เกย์ทาวน์ของชาวสีรุ้งแห่งแรกในประเทศไทย ที่จบลงด้วยคำวิจารณ์ “ยับ” ถึงความไม่เหมาะสม

“มันเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์เลยนะคุณ ดังมากขนาดที่พี่โดนผู้ว่าโคราชเรียกตัวเข้าพบขอยุติโครงการ สื่อทุกสำนักลงข่าวนี้ แต่พี่ก็สู้นะ เพราะพี่คิดว่าพี่ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้เป็นผู้แพร่เชื้อเอชไอวี พี่กำลังจะอรรถาธิบายให้สังคมได้รับรู้ว่ากำลังจะสร้างบ้านพักเฉพาะกลุ่ม ก็เหมือนบ้านพักคนชราไง เพียงแต่นี่เป็นบ้านพักของคนรักเพศเดียวกัน ทำไมฉันจะสร้างไม่ได้”

ผลการต่อสู้ทางความคิด ก็จบลงแบบไม่สวย แดนนี่ล้มเลิกโครงการไป เมืองดอกไม้กลายเป็นไอเดียฟุ้งลอยอยู่ในอากาศ แม้จะมีกลุ่มคนให้ความสนใจก็เป็นอันต้องพับเก็บเข้าตู้ ทว่า แดนนี่เจ้าแม่โปรเจกต์มีรึจะหยุดฝัน เขายังเดินหน้าลุยต่อกับธุรกิจสีรุ้งอื่นๆ ที่เขาว่า “กำลังมา”

 

เดอะบีช ซาวน่า ความหอมหวานใหม่ของแดนนี่เปิดตัวในปีเดียวกับภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดชื่อเดียวกันที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย ดัดแปลงบ้านเก่าที่เขาได้มรดกมาให้อยู่ในบรรยากาศทะเล สวนเมืองร้อน สระว่ายน้ำ ไม่ต่างกับบ้านผู้มีอันจะกินที่จำลองความเป็นชายหาดมาไว้ที่นี่

“ตั้งชื่อเดอะบีชเพราะส่วนหนึ่งก็เพราะภาพยนตร์ The Beach เพราะตอนนี้นึกอะไรไม่ออกจริงๆ แล้วภาพยนตร์ก็ดังมากกกกก พี่ก็เพิ่งมารู้ว่าชื่อพี่กับชื่อผู้กำกับ ชื่อแดนนี่เหมือนกัน แดนนี่ บอยล์ เป็นความบังเอิญที่พี่เองก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลย จำแม่นมากวันแรกที่เซาน่าเปิด 14 ธ.ค. 2542 แต่คุณรู้มั้ย 2 เดือนแรก พี่แย่ ลูกค้าพี่มีวันละ 10 คน ทำการตลาด ทำพีอาร์ ก็เหนื่อย เพราะไม่มีคนมา เข้าเดือนที่ 3 สถานการณ์ก็ยังเหมือนเดิม พี่ก็เลยบอกตัวเอง ยังไงก็ต้องเลิก และยังไงก็ต้องเจ๊ง”

อะไรก็เกิดขึ้นได้ ในวันที่แดนนี่คิดจะเลิกทำเซาน่า แต่ปาฏิหาริย์ก็บันดาลพรมาถึงเขา แค่การตลาดแบบบ้านๆ โปรยใบปลิวตามที่เที่ยวของเกย์ ใครเล่าจะเชื่อว่ามันสามารถพลิกผันวันแย่ๆ สู่วันชัยชนะของแดนนี่ได้ ยอดลูกค้าถล่มทลาย หลั่งไหลดั่งสายน้ำมาเจอกันที่เดอะบีช ซาวน่า ล่วงผ่านจนถึงวันนี้ ธุรกิจสีรุ้งนี้ของเขายังคงอยู่ แถมยังขยับขยายไปสยายปีกที่ดินแดนที่ราบสูง เดอะบีช ขอนแก่น เซาน่าแห่งแรกแห่งอีสาน

เมื่อความสำเร็จฟูเฟื่อง แดนนี่จึงไม่รอช้าที่จะต่อยอดอาณาจักรสีรุ้ง ด้วยเม็ดเงินที่จับต้องได้ สปาและเซาน่าในเครือโดยใช้ชื่ออื่น อาทิ เกสร อีรอส บิ๊กบีช ไฮแจ็ค ก็เปิดตัว และไม่นาน ลมหายใจของธุรกิจเหล่านี้ก็ล้มหายตายไปตามกาล ความล้มเหลวไม่เคยบั่นทอนชีวิตแดนนี่ ถ้าจะไล่เรียงกันจริงๆ ครั้งแรกของการเป็นนักธุรกิจ แดนนี่ประเดิมด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จากนั้นก็ล้มครืนไปพร้อมกับพิษเศรษฐกิจ นับประสาอะไรกับธุรกิจสีรุ้งที่มีคู่แข่งมากขึ้น เป็นธรรมดาใครดีใครได้ คำว่าเจ๊งเป็นสิ่งที่คู่ขนานกับตัวแม่คนนี้

“ธุรกิจผับนี่มันมาแบบไวมาก คิดจะทำก็ทำเลย ไม่คิดว่าอะไรจะเจ๊งจะรวย เริ่มจากจีโฮสต์ผับ ดอร์แดนซ์ผับ แล้วก็มา รัชดาซอย 8 แล้วก็มา ซอย 8 เรดบีท จนมาถึง กระแดะจัง แล้วก็มา เวฟคลับ ล่าสุดก็ แดนซ์ะฟีเวอร์ ซึ่งปัจจุบันเหลือจริงๆ คือ 3 ที่ กระแดจัง อยู่รัชดา เวฟคลับ อยู่ลำสาลี แดนซ์ฟีเวอร์ อยู่พัทยาใต้ นอกนั้นปิดตัวหมดละ

สมัยก่อนการทำธุรกิจเกย์คือจะทำโดยคนที่เป็นเกย์ เหมือนมันถูกตีตราไว้อย่างนั้นนะ ถ้าพี่ไม่ใช่เกย์จะไปทำธุรกิจเกย์ไม่ใช่ละ มันจะโตช้ามาก ต้องคนที่เข้าใจเท่านั้นถึงจะทำได้ มายุคหลังกลับเป็นว่าคนที่ไม่ใช่เกย์ ผู้หญิง ผู้ชาย ก็กระโดดเข้ามาทำธุรกิจเกย์กัน แต่ใช้แนวคิดคือให้เพื่อนที่เป็นเกย์มาช่วยบริหาร รวยก็เยอะ เจ๊งก็เยอะ พี่ไม่ขอเอ่ยชื่อนะว่ามีที่ไหนบ้าง”

 

แม้จะผ่านช่วงเลวร้าย ขาลง หรือล้มเหลว อีกมุมแดนนี่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ เบ็ดเสร็จอาณาจักรสีรุ้งของเขายังมีชีวิตอยู่ ลมหายใจไม่ได้ขาดหายไปกับภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก มีบ้างอาจนิ่งงัน มีบ้างอาจสะดุด แต่ทั้งหมดทั้งมวลยังก้าวเดินต่อได้ ประเมินค่าเป็นตัวเงิน แดนนี่บอกแบบถ่อมตัวว่า ไม่มาก ไม่ถึงร้อยล้านพันล้านเช่นที่คนเมาท์มอยมา

“ความสำเร็จของแดนนี่ เดอะบีชในวันนี้พี่ว่ามันคือการที่พี่เป็นคนนำสิ่งใหม่ๆ และทำให้เกิดขึ้นในวงการ ทำให้สิ่งที่หลายคนคิดว่าไม่เหมาะโผล่ขึ้นมาได้ ถ้าพี่ไม่เป็นคนที่แหวกแนว มันก็จะไม่เกิดประเด็นให้คนถกเถียงกัน เมืองดอกไม้ มีคนด่ากันขรม ถ้ามองมุมกลับกันมันคือการประกาศตัวว่ามีเพศที่สามอยู่ในสังคมนะ อาจจะเป็นเรื่องเลวร้ายสักหน่อย แต่มันคือเรื่องจริง

ทำธุรกิจเกย์ยุคนี้ จะเกย์เพียวๆ ไม่ได้ละ พี่ก็เรียนรู้ที่จะทำยังไงให้ธุรกิจของตัวเองอยู่รอด พี่ก็เลยทำเป็นแบบสห โดยไม่ทิ้งความเป็นเกย์ ทำเป็นโซนเกย์ ในที่เดียวกับโซนผู้หญิงผู้ชาย พี่ไม่กล้าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแบบเกย์เพียวๆ ละ มันต้องจับหลากหลายกลุ่ม ตอนนี้พี่กล้าบอกได้ว่าผับเกย์ที่ดังที่สุดในกรุงเทพฯ คือแอพ อารีน่า เอาไปกินคนเดียว ที่อื่นตายหมด แต่ถ้าไปพัทยา ก็ต้องเป็น แนป เอาไปกินคนเดียว ที่อื่นเงียบ ฉะนั้น ถ้าพี่จะทำผับ จะไม่ใช่ผับเกย์ละ แต่จะเป็นผับสห ซึ่งตอนนี้มันเป็นยังงี้จริงๆ”

ถามถึงโปรเจกต์ใหม่ แดนนี่ในวัยใกล้จะ 50 บอกว่ากำลังสนใจจะกลับไปสู่ธุรกิจสปา อาจเป็นการเทกโอเวอร์จากเจ้าของเดิม ทำในแบบฉบับแดนนี่ ส่วนโปรเจกต์อื่นๆ เขาว่ายังไม่กล้าลงทุน หรือเอาตัวเข้าไปสุ่มเสี่ยง