posttoday

Ukraine ตอนที่ 2 : เที่ยวไปในยูเครน

27 มิถุนายน 2553

ทีมงานโลก 360 องศา มีความประทับใจในดินแดนที่มีส่วนผสมทางวัฒนธรรมระหว่างรัสเซียและยุโรป ซึ่งถูกโอบล้อมไปด้วยประเทศต่างๆ

ทีมงานโลก 360 องศา มีความประทับใจในดินแดนที่มีส่วนผสมทางวัฒนธรรมระหว่างรัสเซียและยุโรป ซึ่งถูกโอบล้อมไปด้วยประเทศต่างๆ

โดย...ปวีณา สิงห์บูรณา

ทีมงานโลก 360 องศา มีความประทับใจในดินแดนที่มีส่วนผสมทางวัฒนธรรมระหว่างรัสเซียและยุโรป ซึ่งถูกโอบล้อมไปด้วยประเทศต่างๆ ทั้งประเทศรัสเซีย โปแลนด์ ฮังการี รวมไปถึงเบลารุส และผลจากการที่ประเทศยูเครนได้ถูกโอบล้อมไปด้วยสองวัฒนธรรมนี้ ยังได้ส่งผลไปถึงวิถีชีวิตและแนวคิดของผู้คนในประเทศนี้อีกด้วย

ประเทศยูเครนเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตมาก่อน และในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ประเทศยูเครนจำเป็นต้องพึ่งพาสหภาพโซเวียตในหลายด้าน จึงส่งผลให้อิทธิพลของความเป็นรัสเซียได้ปกคลุมไปทั่วดินแดนของประเทศยูเครน แต่ดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศยูเครนก็ยังมีพรมแดนติดกับประเทศต่างๆ ในยุโรป ดังนั้นอิทธิพลในแบบยุโรปจึงเข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อผู้คนในประเทศนี้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน

ผู้คนชาวยูเครนอาจเรียกได้ว่าถูกแบ่งออกเป็นรุ่นอย่างชัดเจน คนรุ่นเก่ามีบุคลิกลักษณะคล้ายกับชาวรัสเซียที่เราค่อนข้างคุ้นเคย คือ พูดน้อย ยิ้มน้อย ในขณะที่เยาวชนคนรุ่นใหม่ดูแตกต่างออกไป เรียกได้ว่ามีความเป็นรัสเซียอยู่น้อยมาก อีกทั้งเมื่อได้มีโอกาสพูดคุยจะพบว่าวัยรุ่นในยูเครนมีแนวคิดที่บ่งบอกถึงความเป็นชาวตะวันตกมากกว่ารัสเซีย

สิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับใครต่อใครที่ไปเยือนยูเครน ที่ทุกคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน คือสถาปัตยกรรมอันงดงาม และหลายคนต่างบอกว่าก่อนจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เคียฟหรือยูเครน มีความสวยงามกว่าที่เห็นในปัจจุบันนี้เป็นสองเท่า เสน่ห์อย่างหนึ่งของกรุงเคียฟที่สามารถสัมผัสได้ทันทีที่ไปเยือน คือบรรยากาศที่มีส่วนผสมในแบบยุโรปค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่องหรือถนนหนทางที่ยังคงเอกลักษณ์และมีความเก่าแก่นับร้อยปี มีลักษณะเป็นถนนเกือกม้าที่ปูด้วยหิน เมื่อรถวิ่งผ่านก็จะมีเสียงดังช่วยเสริมบรรยากาศและมีเสน่ห์ไปอีกแบบหนึ่ง

ทีมงานรายการโลก 360 องศา ได้มีโอกาสไปเยือนสถานที่ ซึ่งมีความสวยงามและเก่าแก่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประเทศยูเครน นั่นคือวัดถ้ำเคียฟ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ มีอายุนานเกือบพันปี เป็นที่ตั้งของโบสถ์ที่อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกันหลายโบสถ์ และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก อีกทั้งยังได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกอีกด้วย

Monastery of the cave หรือวัดถ้ำเคียฟที่นักท่องเที่ยวชาวไทยคุ้นเคยกับชื่อนี้ มีบันทึกทางประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า สถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1050 มีเนื้อที่กว้างขวางถึง 75 เอเคอร์ และจุดเด่นของสถานที่แห่งนี้ คือความสลับซับซ้อนของสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์หรือหอระฆังที่ตั้งเรียงรายและอยู่รวมกันในที่เดียวกัน

สิ่งพิเศษอย่างหนึ่งที่วัดถ้ำเคียฟ คือ ระฆังใบใหญ่ ซึ่งมีประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงในสมัยที่คอมมิวนิสต์ยังปกครองที่นี่ มีการสั่งให้นำระฆังลงมาจากหอระฆัง เพื่อต้องการเปลี่ยนโบสถ์ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ อีกทั้งโบสถ์บางหลังของสถานที่แห่งนี้ยังมีเรื่องเล่าว่าเคยถูกเปลี่ยนให้เป็นโรงแรมมาแล้วอีกด้วย จนกระทั่งภายหลังสิ้นสุดยุคสมัยของคอมมิวนิสต์ โบสถ์และวิหารของที่นี่ได้ถูกฟื้นฟูเพื่อกลับมาเป็นศาสนสถานดังเดิม แต่ระฆังใบใหญ่ก็ไม่ได้ถูกยกกลับไปไว้ที่เดิม หากแต่ยังคงตั้งไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจแก่คนรุ่นหลังต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตสืบไป

โบสถ์ St.Michael’s Golden Dome Cathedral หรือที่นักท่องเที่ยวชาวไทยคุ้นเคยกันในชื่อของวิหารโดมทอง เป็นอีกหนึ่งสถานที่อันงดงามของยูเครน ลักษณะตัวอาคารสีฟ้าสดใส ตัดกับสีทองเหลืองอร่ามของยอดโดมทรงหัวหอมคว่ำ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมในแบบออร์โทดอกซ์ โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1180 เพื่อเป็นอนุสรณ์แสดงถึงชัยชนะเหนือกองทัพของโปแลนด์
ภายในของโบสถ์เป็นสีทองเหลืองอร่ามของงานไม้แกะสลักที่ฉาบด้วยแสงเทียนอ่อนๆ เคล้าคลอไปด้วยเสียงสวดที่ไพเราะ เป็นสิ่งที่ทำให้ทีมงานสัมผัสได้ถึงความศรัทธาต่อศาสนาของผู้คนที่นี่ และเมื่อมองขึ้นไปบนเพดานของโบสถ์ที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ในพระคัมภีร์ไบเบิล เมื่อยามต้องแสงที่สาดส่องเข้ามานั้น ได้อวดให้เห็นถึงรายละเอียดของชิ้นงานศิลปะที่มีความประณีตและงดงามอย่างมาก

ภาพจิตรกรรมฝาผนัง คือทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าอีกอย่างหนึ่งของวิหารโดมทองแห่งนี้ ในช่วงที่ยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ภาพเหล่านี้ถูกนำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและมอสโก จนกระทั่งยูเครนได้รับเอกราชจึงได้นำกลับมาไว้ดังเดิม
นอกจากแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่มีทั้งความงดงามและเรื่องราวในอดีตที่น่าสนใจแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนกรุงเคียฟ นั่นคือถนน Andreevsky ถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงที่สุดของยูเครน ซึ่งในอดีตเป็นแหล่งพำนักอาศัยของเหล่านักวิทยาศาสตร์ กวี และศิลปิน ที่มีชื่อเสียงของที่นี่

ปัจจุบันถนนแห่งนี้ได้เปลี่ยนเป็นถนนคนเดินที่มีร้านค้าต่างๆ มากมาย จำหน่ายสินค้าหลากหลายไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะหรือของที่ระลึก ตั้งเรียงรายและขนาบข้างไปกับถนนเกือกม้าที่ลาดเอียงและคดเคี้ยว ความยาวกว่า 1 กิโลเมตร และหากใครเคยมีโอกาสไปเยือนมอสโก ซึ่งมีถนนสายหนึ่ง คือถนนอารบัต เป็นถนนคนเดินที่มีภาพจิตรกรรมสวยงามวางขายอยู่มากมาย ที่ Andreevsky แห่งนี้ได้ถูกขนานนามว่าเป็นยูเครนเนียนอารบัตสตรีต แต่ความแตกต่างของการเที่ยวไปในถนนสายนี้คือ ต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร เพราะความลาดเอียงของถนนบวกกับหินที่ปูทับซ้อนกันอาจจะทำให้สะดุดล้มได้ แต่ถ้าหากจะมองในอีกแง่มุมหนึ่งแล้ว อาจจะเป็นเสน่ห์และเป็นเอกลักษณ์ของถนนคนเดินที่ไม่เหมือนใครก็เป็นได้

ภาพความงดงามของสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างยุโรปและรัสเซีย สถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลก งานศิลปะ และของที่ระลึกต่างๆ จะสวยงามน่าสนใจเพียงไร ติดตามชมได้ทางรายการ โลก 360 องศา วันเสาร์ เวลา 21.30-22.00 น. ทาง ททบ. 5

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2