ดำน้ำดูฉลามที่ มัลดีฟส์
ตอนอยู่มหาวิทยาลัยก็เที่ยวแบบแบ็กแพ็ก ปัจจุบันก่อนจะเที่ยวก็ยังเสิร์ชหาข้อมูลอยู่ เพราะผมเป็นคนติดไกด์บุ๊ก
โดย...พาแลง ภาพ ชนิตร์นันท์ เกตุเลขา/คลังภาพโพสต์ทูเดย์
“ตอนอยู่มหาวิทยาลัยก็เที่ยวแบบแบ็กแพ็ก ปัจจุบันก่อนจะเที่ยวก็ยังเสิร์ชหาข้อมูลอยู่ เพราะผมเป็นคนติดไกด์บุ๊ก แต่พออายุมากขึ้นด้วยการงานและเวลาก็ทำให้เราเตรียมตัวน้อยลง ความสนุกในการเที่ยวก็เลยดูเหมือนจะน้อยลงตามไปด้วย”
ชนิตร์นันท์ เกตุเลขา เจ้าของจามส์เฮาส์ รีสอร์ทบนเกาะกูด จ.ตราด เริ่มต้นเล่าเรื่องการเดินทางของเขาในช่วงการเป็นนักเดินทางมือใหม่ แต่เมื่อเขาเข้าทำงานเป็นผู้ช่วยนักบินให้กับสายการบินไทย การเดินทางของเขาก็จะคล้ายการทำงานไปด้วย และเมื่อตัดสินใจเบนเข็มมาดำเนินธุรกิจรีสอร์ทของตัวเอง เหตุผลของการเดินทางของชายหนุ่มคนนี้จึงเปลี่ยนไปเป็นการผ่อนคลายและอยู่กับตัวเองมากขึ้น
สำหรับการเดินทางเที่ยวล่าสุดของเขาก็เช่นเดียวกัน นอกจากถือเป็นการไปชาร์จแบตด้วยกีฬาที่ชอบแล้ว การเดินทางไปดำน้ำที่มัลดีฟส์ใต้ (South Maldives) ก็ถือเป็นสีสันและประสบการณ์ที่ผู้บริหารจามส์เฮาส์บอกว่า อิ่มสุดๆ วางแผนไม่เท่าไร แต่เตรียมตัวนานเป็นปีทีเดียว แต่สิ่งที่ได้กลับมาเขาบอกว่าคุ้มแล้ว!
การเดินทางไปทางตอนใต้ของมัลดีฟส์จะว่าง่ายก็ไม่ง่ายเสียทีเดียวนัก ชนิตร์นันท์ บอกว่า เขาเริ่มต้นนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปที่เมืองมาเล เมืองหลวงของมัลดีฟส์ จากนั้นก็ต่อเครื่องบินในประเทศของมัลดีฟส์อีก 2 ชั่วโมง จากมาเลไปลงที่เกาะคุรีดุ (Kuredu Island) ซึ่งเป็นเกาะเกือบใต้สุด และจากคุรีดุก็ลงเรือต่อไปอีกหนึ่งคืน เพื่อที่จะไปจุดใต้สุดของมัลดีฟส์ เพื่อที่เข้าสู่การดำน้ำตลอดทั้งทริป
“เราใช้อยู่บนเรือ Live Aboard 7 คืน ไม่เที่ยวอย่างอื่นเลยนอกจากดำน้ำวันละ 2-3 รอบ โดยเรือจะเปลี่ยนจุดจอดไปเรื่อยๆ แล้วพวกเราก็ลงไปดำน้ำ ทริปที่ไปมีทั้งหมด 22 คน ซึ่งเป็นคนที่รักการดำน้ำทั้งหมด รวมทั้งตัวผมด้วย ที่ตัดสินใจเดินทางครั้งนี้เพราะเพื่อนชวน ตอนแรกเราไม่รู้ว่า South Maldives มีอะไร เป็นยังไง แต่พอเขาบอกว่าเปิดให้มาดำน้ำแค่ปีละ 1 ครั้ง และ 1 เดือนคือช่วงปลายเดือน ก.พ. มาถึงเดือน มี.ค.เท่านั้น ที่เหลือคือจะมรสุมเข้าคลื่นแรง ก็เลยตัดสินใจว่าจะไป
“ถ้าพูดถึงมัลดีฟส์ทุกคนจะนึกถึงหาดสวย น้ำใส สิ่งที่ผมไปเจอก็คือสัตว์ใต้น้ำที่หาเจอได้ยาก เราไม่เคยได้เจอ เจอฉลามเสือซึ่งอันตรายรองจากฉลามขาว ผมเจอฉลามหัวค้อน ได้เห็นบ่อยจนรู้สึกคุ้นเคยเหมือนจะเป็นเพื่อนกันไปแล้ว (หัวเราะ) เพราะเขามาว่ายทักทายอยู่รอบๆ ตัว เรียกได้ว่าเรือไปจอดที่ไหนเราสามารถเห็นสัตว์น้ำเหล่านี้ได้ทุกที่เลย อย่างฉลามวาฬที่เมืองไทยนานๆ จะเห็นที แต่ทริปที่ผมไปคือเขามากินแพลงก์ตอนอยู่ท้ายเรือ แล้วมาทีเดียวพร้อมกันหลายๆ ตัว ซึ่งขนาดก็ใหญ่มากๆ ด้วยประมาณ 7 เมตร”
ผู้บริหารจามส์เฮาส์ เล่าเรื่องทะเลมัลดีฟส์ท่ามกลางทะเลเกาะกูด ฟังไปก็ชักเริ่มเคลิ้มและนึกภาพความตื่นตาตื่นใจนั้นตามไปด้วย “สิ่งที่เราเจออีกอย่างหนึ่งก็คือ กระแสน้ำก็ค่อนข้างแรง แต่กระแสน้ำสร้างความสนุก พอปล่อยตัวทุกคนก็ไหลตามกระแสน้ำเหมือนปลานีโมที่เราเห็นว่ายน้ำในหนังแบบนั้นเลย พอลอยไปเรื่อยๆ แล้วก็จะเจอเพื่อนใต้ท้องทะเล เดี๋ยวเต่าก็มา ปลากระเบนผ่าน ได้ว่ายน้ำกับโลมาเป็นร้อยตัว ตอนแรกมันกระโดดข้างเรือก่อน จากนั้นทุกคนก็กระโดดลงจากเรือ ลงไปว่ายกับโลมา มันสนุกมากและตระการตากับธรรมชาติ ผมว่ามันมหัศจรรย์มากๆ มันฟินด้วยความตื่นตาตื่นใจ แล้วการที่เขาเปิดให้ดำน้ำได้ปีละแค่ 1 เดือน อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ยังมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติได้มากมายแบบนี้”
การดำน้ำในมัลดีฟส์มีกติกาที่ค่อนข้างเข้มงวด ราคาสูง แต่ก็ยังมีนักดำน้ำจากทั่วโลกที่พร้อมจะเดินทางมาสัมผัสชีวิตใต้ทะเลของที่นี่ ถ้าคุณมีความพร้อมเรื่องค่าใช้จ่ายแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องเตรียมตัวคือ การดำน้ำระดับแอดวานซ์
“คนที่จะไปสิ่งที่ต้องเตรียมเลยก็คือ คุณจะต้องเป็นคนดำน้ำเก่งระดับที่มีประสบการณ์อย่างน้อยต้อง 20-30 ไดฟ์มาแล้ว คุณต้องดำน้ำลึกได้ เป็นขั้น Advance Open Water คือสามารถหายใจด้วยออกซิเจนที่มีความเข้มข้นสูงกว่าออกซิเจนปกติได้ เพื่อที่จะอยู่ใต้น้ำได้นานขึ้น เพราะบางครั้งเราต้องไปเกาะหินเพื่อคอยดูฉลามนาน 20 กว่านาที เพื่อจะคอยเฝ้าว่าเมื่อไหร่มันจะมา เหมือนเราไปส่องสัตว์น่ะครับ เพียงแต่ว่าเราอยู่ใต้น้ำ”
“สิ่งที่ทำให้ผมหลงเสน่ห์กีฬาดำน้ำก็คือ เวลาผมลงไปอยู่ใต้น้ำแล้วให้ความรู้สึกเหมือนผมกำลังบินอยู่ แต่เวลาที่เราขับเครื่องบินเราถอยหลังไม่ได้ แต่เวลาที่เราอยู่ในน้ำเราเคลื่อนไหวได้รอบทิศทาง เดินหน้าถอยหลัง ไปข้างๆ ลอยขึ้นลอยลงได้ มันให้ความอิสระมากกว่าการเดินสองมิติ เป็นการเดินทางสามมิติ เป็นการอยู่กับตัวเองเพื่อจะอภิรมย์กับสิ่งรอบตัว เพื่อจะซึมซับ ชื่นชมกับสิ่งรอบตัว ขณะเดียวกันก็ต้องมีสติตลอดเวลา คล้ายกับตอนที่เราขับเครื่องบิน นี่คือเสน่ห์แรกที่ผมค้นพบจากการดำน้ำ แต่ที่ไปมัลดีฟส์ใต้ เพราะว่าได้ไปเจอธรรมชาติของอีกซีกโลกหนึ่ง ไปเจอปลาที่เราอาจจะเคยเห็นแค่ในภาพถ่าย ได้เจอรู้จักกับสัตว์ดึกดำบรรพ์
ทริปนี้สนุกที่สุดที่เคยไปมา ไม่ได้เป็นความตื่นตาตื่นใจทางวัตถุ แต่ว่าเป็นความประทับใจทางธรรมชาติ ถามว่าอิ่มไหม คำตอบก็คือ อิ่มกับธรรมชาติสุดๆ ครับ”


