วาริธร กันท์ไพบูลย์ สถาปนิกสาวบนถนนแฟชั่น
“เป้แค่อยากทำเสื้อผ้าดีๆ ให้สาวๆ ได้ใส่ในราคาไม่แพง เป้ดีใจทุกครั้งที่เห็นลูกค้าใส่เสื้อผ้าของเรา”
โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร
“เป้แค่อยากทำเสื้อผ้าดีๆ ให้สาวๆ ได้ใส่ในราคาไม่แพง เป้ดีใจทุกครั้งที่เห็นลูกค้าใส่เสื้อผ้าของเรา” นี่เป็นอีกหนึ่งของคนรุ่นใหม่ที่ตัดสินใจเริ่มต้นทำธุรกิจที่รักด้วยสองมือ เปเป้-วาริธร กันท์ไพบูลย์
ปัจจุบันแบรนด์เสื้อผ้า “วาริธร” ซึ่งโด่งดังมาจากอินสตาแกรม มีหน้าร้านอยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ สยามสแควร์ วัน และเทอร์มินอล ทเวนตี้วัน เจ้าของแบรนด์คนสวยบอกด้วยความดีใจว่า เร็วๆ นี้จะมีช็อปใหญ่เปิดที่เซ็นทรัลเวิลด์ เพราะตอนนี้ยังเป็นคอร์เนอร์เล็กๆ อยู่ตรงโซนกรู๊ฟ คาดว่าร้านใหม่ที่เธอใช้ความรู้ด้านสถาปัตยกรรมที่ร่ำเรียนมาออกแบบเองทั้งหมดจะแล้วเสร็จในเดือนนี้
“แบรนด์วาริธรเริ่มต้นมาจากความชอบของเป้ ที่คงเหมือนสาวๆ ทั่วไปที่ชอบแต่งตัว แต่บางครั้งก็เกิดปัญหาไม่สามารถหาเสื้อผ้าแบบที่เราต้องการได้ เป้ก็เลยตัดสินใจทำเสื้อขึ้นมาเอง เป้พูดได้เต็มปากเลยว่า ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะทำขายหรือทำแบรนด์จริงจังนะ แต่พอเป้ใส่แล้วไปโพสต์ภาพลงอินสตาแกรม ปรากฏเพื่อนๆ ถามเยอะมากว่าไปซื้อมาจากไหน ก็เลยตัดสินใจทำให้เพื่อน แต่ก็ยังมีคนถามหาอีกเยอะ เลยเกิดไอเดียว่าน่าจะลองทำขายดู”
เปเป้บอกว่า เริ่มจากการขายผ่านทางอินสตาแกรม เพราะโดยส่วนตัวเธอก็ชอบเล่นอินสตาแกรมเป็นประจำอยู่แล้ว เสื้อผ้าของเธอได้รับการตอบรับค่อนข้างดี จนเริ่มมีลูกค้าถามหาหน้าร้าน เพราะอยากจะเห็นสินค้าจริง ได้ลองดูเนื้อผ้า เปเป้เลยตัดสินใจเปิดหน้าร้านแห่งแรกที่เทอร์มินอล ทเวนตี้วัน ควบคู่ไปกับการขายผ่านทางออนไลน์ เพราะโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทำให้แบรนด์ของเธอโตไปไกล มีลูกค้าต่างประเทศมาออร์เดอร์ ทั้งจีน เกาหลี สิงคโปร์ ฮ่องกง และออสเตรเลีย
“จุดขายของแบรนด์วาริธรคือเราทำเสื้อผ้าราคาจับต้องได้ อยู่ที่ประมาณ 1,950-4,500 บาท แต่ลูกค้าได้เสื้อผ้าที่มีคุณภาพในระดับดี คัตติ้งเราเทียบกับเสื้อตัวเป็นหมื่น แต่เราเน้นขายได้ปริมาณเยอะ เพราะเราอยากเป็นแบรนด์ที่ทุกคนซื้อได้ เป้อยากเห็นคนใส่เสื้อผ้าแบรนด์เรา เราจึงทำเสื้อผ้าที่ใส่ได้แทบทุกวัน มีทั้งบราท็อป เบลเซอร์ ชุดทำงานไปยังชุดหรูๆ ออกงาน”
เปเป้บอกว่า อาศัยประสบการณ์จากที่เป็นสาวชอบแต่งตัว ก่อนจะมาทำแบรนด์เป็นขาช็อป ราคาเท่าไหร่ไม่เกี่ยงขอแค่ใส่แล้วสวย แต่พอมาทำแบรนด์ แน่นอนว่า ซื้อเสื้อผ้าน้อยลง ใส่แบรนด์ตัวเองมากขึ้น เพราะทุกชุดที่เราออกแบบมาจากแรงบันดาลใจจากตัวเรา เป็นสิ่งที่เราชอบล้วนๆ
“อย่างชุดที่เป้ใส่มาวันนี้ เป็นลายพรินต์ลูกวอลนัท เป้ไปเที่ยวแล้วเห็นลูกวอลนัทเลยถ่ายรูปเก็บไว้ จากความชอบกลายเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ ทุกวันนี้ตู้เสื้อผ้าเป้มีเสื้อผ้าทุกแบบของที่ร้าน”
อย่างไรก็ตาม แม้ดูเปเป้จะมีพลังในการทำแบรนด์อย่างเหลือล้น แต่อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่าเธอร่ำเรียนมาทางด้านสถาปัตยกรรม จึงเอาความรู้ที่เรียนมามาออกแบบช็อปใหม่ เปเป้บอกว่า รู้ตัวมาตั้งแต่เรียนว่าคงไม่ได้จบมาเพื่อเป็นสถาปนิก แต่ที่เรียนเพราะเห็นว่าคุณแม่ชอบแต่งบ้าน เลยอยากหาความรู้มาช่วยคุณแม่แต่งบ้าน แต่จังหวะชีวิตดันพามาคลิกกับการทำแบรนด์เสื้อผ้าเสียก่อน
“ช่วงที่เรียนจบกำลังมองหาว่าจะทำอะไร พอดีมาเริ่มทำเสื้อผ้า เลยกลายเป็นอาชีพไปเลย เพราะธุรกิจนี้เป้ตั้งใจทำจริง ช่วงทำแบรนด์ใหม่ๆ ลงมือเองทุกขั้นตอนตั้งแต่การออกแบบ ไปซื้อผ้าเอง รวมทั้งงานบริการ ช่วงแรกๆ เป้และน้องสาวจะเป็นคนตอบไลน์เองเวลามีลูกค้าไลน์เข้ามา แพ็กของเองเพื่อส่งไปรษณีย์ทุกวัน เป้ทำเองเพราะอยากลดความผิดพลาดลงในทุกขั้นตอน ทุกวันนี้มีหน้าร้านก็จะพยายามเข้ามาขายเอง เพราะเราคือคนที่แนะนำสินค้าของเราได้ดีที่สุด อธิบายลูกค้าได้ว่าทำไมออกแบบแบบนี้ ใช้เนื้อผ้าแบบนี้”
ในอนาคต เปเป้ตั้งเป้าอยากให้แบรนด์วาริธรขยายสาขาไปมากๆ เริ่มขยายไลน์สินค้าไปที่กลุ่มแอกเซสซอรี่ เช่น หมวก ผ้าพันคอ กระเป๋า เธอยอมรับว่าหน้าร้านคือหลักประกันที่สำคัญของแบรนด์ เพราะอินสตาแกรมก็ไม่รู้ว่าจะถูกยกเลิกไปวันไหนหรือไม่ โดยเธอตั้งใจจะเข้าเป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่จับตลาดลูกค้าระดับกลางต่อไป ส่วนถ้าในอนาคตอยากจะเจาะตลาดกลุ่มใหม่ ก็อาจจะเปิดแบรนด์ใหม่ไปเลย
“เป้เข้าใจผู้หญิงสมัยนี้นะ บางทีลงทุนซื้อชุดสวยหลักหมื่น ใส่ไปงานได้ครั้งเดียวก็ไม่อยากใส่แล้ว กลัวคนอื่นจำได้ เพราะสมัยนี้ไปงานก็ถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดีย เลยทำเสื้อผ้าที่คุ้มค่ากับการลงทุน ราคาสบายกระเป๋า ด้วยความที่ทำคนเดียวเป็นหลัก แบรนด์วาริธรอาจไม่ได้ออกแบบสินค้าเป็นคอลเลกชั่น แต่เป้จะออกแบบอาทิตย์ละ 1 แบบ รับประกันว่าลูกค้ามาทุกอาทิตย์ได้เจอสินค้าใหม่ๆ”
ถามว่าที่เวลาปีครึ่งกว่าแบรนด์จะเริ่มตั้งไข่และเป็นรูปเป็นร่างแบบนี้ ให้บทเรียนชีวิตกับเธออย่างไรบ้าง เปเป้ตอบอย่างฉะฉานว่า กว่าจะมีวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่คนจะมองภายนอกวันที่แบรนด์กำลังเติบโต แต่ช่วงแรกก็ต้องเรียนรู้เยอะ
“เวลาเจอปัญหาเป้จะบอกตัวเองเสมอว่า ท้อได้แต่อย่าถอย คนที่เก่งกว่าเรา พร้อมจะสู้กว่าเรายังมี ถ้าเราถอยหรือหยุดคนอื่นจะเหยียบและแซงหน้าเราไปทันที ดังนั้นเราต้องทำให้เต็มที่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง มีบางช่วงนะที่แบรนด์เราอาจจะขายไม่ดี เป้ก็ไม่เสียใจนะ คิดว่าเศรษฐกิจอาจจะไม่ดี หรือเราอาจจะออกแบบมาไม่ถูกใจลูกค้า ก็พยายามใหม่” เปเป้ เจ้าของแบรนด์วาริธร กล่าวทิ้งท้าย
Her Style
การแต่งตัว : “เป้ไม่ใช่สาวหวานเลยนะ ชอบแต่งตัวแบบลุยๆ แทบไม่ใส่ส้นสูงเลย ยิ่งเวลาต้องไปคุยงานกับสถาปนิกเพราะช่วงนี้กำลังทำช็อปใหม่ ก็จะใส่กางเกงขายาว วันว่างก็ใส่ขาสั้นยีนส์ ถ้าวันไหนต้องเป็นทางการก็ใส่กางเกงขายาว กับส้นสูง
ของสะสม : กระเป๋า รองเท้า และนาฬิกา
“กระเป๋ามีเป็นร้อยใบนะคะ แบรนด์โปรดของเป้คือ ชาแนล วาเลนติโน่ และแอร์เมส บางรุ่นถ้าชอบก็ซื้อหลายสีนะ เป้รักษากระเป๋ามากนะ ทุกใบต้องอัดกระดาษสีขาวข้างใน ใช้เสร็จต้องทำความสะอาดเองทุกใบ แล้วเอาถุงหุ้มก่อนเก็บ เป้ชอบเปลี่ยนกระเป๋าทุกวัน แต่ไม่ต้องกลัวเรื่องลืมของนะ เพราะเป้จะจัดไว้ก่อนนอนทุกคืน จะใช้ใบไหน ย้ายของเรียบร้อย”
“รองเท้ามีไม่น้อยกว่ากระเป๋า แต่ส่วนใหญ่เป็นแฟลต เป้จะเอากระดาษยัดในรองเท้าทุกคู่ แล้วเก็บไว้ในกล่องใสๆ เป้มองว่าถ้าเรารักษาของทุกชิ้นอย่างดี มันจะดูมีค่า ถ้าเราปล่อยเละเทะ เราก็จะไม่ชอบมันเหมือนตอนซื้อมาไม่อยากใส่อีก”
“นาฬิกาเป้เพิ่งมาสะสมมีประมาณ 7-8 เรือน อีกอย่างที่ชอบคือแอกเซสซอรี่ อย่างพวกตุ้มหู เอาจริงๆ เปลี่ยนไปทุกวัน เป้ว่าคนอื่นก็ไม่ได้สังเกตนะ แต่เป็นความชอบของเรา”


