เพลง ความรัก ครอบครัว ความสุข The Sound of Music

โดย... ตุลย์ จตุรภัทร

นับจากปี 1959 มาจนถึงวันนี้ เป็นเวลา 56 ปีแล้ว ที่ละครเพลงบรอดเวย์เรื่อง The Sound of Music ถือกำเนิดขึ้น (สร้างจากหนังสือเรื่อง “The Story of the Trapp Family Singers” ของ มาเรีย วอน แทรปป์) โดยเปิดทำการแสดงยาวนานถึง 1,443 รอบ และได้รับรางวัลโทนี่ถึง 8 รางวัล รวมไปถึงรางวัลละครเพลงยอดเยี่ยม อัลบั้มเพลงประกอบละครก็ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำจากการประกาศผลรางวัลแกรมมี่ประจำปี และทุกวันนี้ ละครเพลงบรอดเวย์เรื่องนี้ก็ยังคงครองแชมป์ละครเพลงอเมริกันที่เปิดการแสดงยาวนานที่สุดในเวสต์เอนด์ โดยได้รับการแปลมาแล้วกว่า 10 ภาษา และเปิดทำการแสดงมาแล้วทั่วโลก

และเป็นเรื่องน่ายินดีที่ละครเพลงบรอดเวย์เรื่องนี้ได้รับการแปลเป็นภาษาไทย ทั้งบทละครและเนื้อร้อง ซึ่งได้เปิดทำการแสดงไปแล้วเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ณ เมืองไทยรัชดาลัยเธียเตอร์ (ทำการแสดงไปจนถึง 26 เม.ย.) โดยใช้ชื่อเรื่องเป็นภาษาไทยว่า “มนตร์รักเพลงสวรรค์”

 

ดาว-พอฤทัย ณรงค์เดช กรรมการผู้บริหาร บริษัท กัทส์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ผู้ซื้อลิขสิทธิ์ละครเพลงเรื่องนี้มาจัดทำการแสดงในประเทศไทย บอกเล่าให้เราฟังว่า ด้วยประสบการณ์การทำงานในวงการบันเทิงมาพอสมควร ทั้งละครโทรทัศน์ รายการโทรทัศน์ การจัดคอนเสิร์ต ทำให้เธอพร้อมที่จะทำละครเพลงที่เธอมีความรักและมีความสนใจ ซึ่งละครเพลงบรอดเวย์เรื่อง เดอะ ซาวด์ ออฟ มิวสิค คือตัวเลือกอันดับหนึ่งที่เธอมุ่งหวังจะให้เกิดขึ้นจริง และมันก็ได้กลายเป็นความจริงแล้วในวันนี้

“หลังจากดาวตามหาเจ้าของลิขสิทธิ์จนเจอ มันก็เป็นเรื่องบังเอิญที่ดาวได้ไปเจอป้าแจ๋ว ยุทธนา เลยได้รู้ว่าป้าแจ๋วมีความผูกพันกับละครเพลงบรอดเวย์เรื่องนี้มาก แถมเพื่อนของป้าแจ๋วคนหนึ่งก็ชื่นชอบและถึงขั้นลงทุนแปลบทและเพลงของละครเพลงเรื่องนี้เก็บไว้ พอป้าแจ๋วตกลงจะกำกับละครเพลงเรื่องนี้ให้ เพื่อนป้าแจ๋วตกลงแปลบทและเพลงอย่างเป็นทางการ ดาวเลยเซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์ละครเพลงเรื่องนี้มาทำการแสดงที่เมืองไทย”

 

เมื่อตัดสินใจทำละครเพลงเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่พอฤทัยค้นพบคือ นี่เป็นงานที่หนักที่สุดในชีวิต แต่นั่นก็ทำให้เธอขยันและใฝ่รู้กับศาสตร์ของละครเวทีมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

“โชคดีที่ดาวมีบุคลากรคุณภาพมาร่วมงานด้วย รวมทั้งนักแสดงที่ดี วงออร์เคสตราที่ดี และทีมงานที่ดี ทำให้ละครเพลงเรื่องนี้สมบูรณ์ได้มากเท่าที่ดาวนึกฝัน ซึ่งดาวเชื่อว่าด้วยมนต์เสน่ห์ของละครเพลงเรื่องนี้ ที่พูดถึงความรักของคนในครอบครัวที่ทำให้ทุกอุปสรรคปัญหาผ่านพ้นไปได้ด้วยดี อีกทั้งบทเพลงอันแสนไพเราะและมีความหมายดีๆ จะทำให้คนที่เข้ามาดูละครเพลงเรื่องนี้ได้รับอะไรดีๆ กลับบ้านไปอย่างมากมายค่ะ”

ในส่วนของผู้กำกับการแสดง ป้าแจ๋ว-ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ บอกเล่าให้เราฟังอย่างอารมณ์ดีว่า เธอมีความสุขมากที่ได้มากำกับละครเพลงเรื่องนี้ เพราะเธอผูกพันกับละครเพลงเรื่องนี้ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์เพลงมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ

“เราไปดูที่โรงภาพยนตร์กรุงเกษม เขาเปิดฉาย 2-3 เดือน เราเลยได้ไปดูบ่อย พอโตขึ้นเริ่มสนใจในเวอร์ชั่นละครเพลงบรอดเวย์ เริ่มศึกษาเพิ่มเติมว่า ใครสร้าง ใครกำกับ ใครแสดง ใครเป็นคนทำเพลง พอคุณดาวมาชวน ก็ตอบตกลงทันที ยิ่งถือเป็นโชคดีที่เพื่อนของเรา คุณนรินทร์ ประสพภักดี ตอบตกลงมาแปลทุกบทพูด ทุกบทร้อง อย่างเป็นทางการ ซึ่งเขาได้ถอดความและร้อยเรียงอย่างประณีตบรรจงจนออกมาเป็นภาษาไทยที่สละสลวยอย่างกวีนิพนธ์ โดยรักษาใจความหลักของภาษาต้นฉบับไว้ได้อย่างครบถ้วน ทำให้เราไม่หนักใจในเรื่องบทละครและเรื่องเพลงเลย ยิ่งได้วงออร์เคสตราวงใหญ่ที่เล่น 24 ชิ้น เทียบเท่ากับออริจินัล ยิ่งทำให้สนุกที่จะทำละครเพลงเรื่องนี้” สำหรับการคัดเลือกนักแสดง โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของละครเพลงเรื่องนี้ ยุทธนา เผยว่า มีเด็กมาร่วมคัดเลือกกว่า 400 คน ซึ่งกว่าจะได้เด็กที่ร้องเพลงเป็นธรรมชาติ ไม่ร้องเพลงแบบผู้ใหญ่ ก็ค่อนข้างโหดหินพอควร

“ที่สำคัญคือคนที่จะมารับบทมาเรีย นางเอกของเรื่องนั้น หายากมาก กว่าจะได้น้องดาว-ณัฐภัสสร สิมะเสถียร และน้องฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ ที่มาเล่นสลับกันคนละรอบ ก็โหดหินไม่แพ้กับการคัดเลือกเด็กๆ ซึ่งนางเอกของเรื่องเคมีต้องเข้ากันกับเด็กๆ รักเด็กอย่างไม่เสแสร้งแกล้งทำ และต้องเป็นคนที่มีโทนเสียงโซพราโน โชคดีที่ทั้งคู่มีคุณสมบัติตามที่เราต้องการครบ แถมผ่านการเรียนร้องเพลงคลาสสิกมาอีก ยิ่งโชคดีเข้าไปใหญ่ (ยิ้ม)”

สำหรับคนที่มารับบทกัปตัน บารอน วอน แทรปป์ พระเอกของเรื่อง ยุทธนา เผยว่า ชาย-ชาตโยดม หิรัญยัษฐิติ คือคนที่เหมาะสมที่สุด

“เขาเป็นนักแสดงมากความสามารถที่มาในจังหวะเวลาที่พอดี อีกทั้งเขายังเคยแสดงละครเวทีที่ร้องเพลงทั้งเรื่องอย่างนางพญางูขาว ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ของเขาได้ดีทีเดียว พอเขาตอบตกลงแสดงละครเพลงเรื่องนี้ เราเลยเบาใจไปได้เยอะ”

มาที่นางเอกและพระเอกของเรื่องกันดีกว่า เริ่มที่ ดาว-ณัฐภัสสร สิมะเสถียร เธอเผยว่า เธอมาออดิชั่นละครเพลงเรื่องนี้โดยไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ ทั้งสิ้น

 

“ดาวชอบเพลงโดเรมี ซึ่งเป็นเพลงเอกของเรื่อง และเป็นเพลงที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันดี ยิ่งพอมาแปลเป็นเนื้อร้องไทย ดาวบอกได้เลยว่าเนื้อหาดีมาก ไพเราะมาก ยิ่งมาร้องกับเด็กๆ อีก 7 คน ยิ่งทำให้เราอินกับตัวละครตัวนี้ที่เราเล่น”

สำหรับการแสดง ณัฐภัสสร เผยว่า เธอเรียนรู้การแสดงใหม่หมด โดยสิ่งที่เธอได้เรียนรู้คือ แสดงทุกรอบ ต้องสดใหม่ทุกรอบ และต้องรู้ว่าทุกคำพูด ทุกการกระทำที่เกิดขึ้นบนเวทีต้องมีที่มาที่ไป

“กับการที่มีคนสองคนรับบทเดียวกัน ดาวเชื่อว่าแต่ละคนมีข้อดีของตัวเอง ยิ่งป้าแจ๋วทำให้เราสามารถเอาข้อดีของเราทั้งสองคนมาอยู่ในตัวคนเดียวกันได้ มันยิ่งดีคูณสอง ยิ่งทำให้ตัวนางเอกมีความสมบูรณ์แบบมากจริงๆ”

สอดคล้องกับสิ่งที่ ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ หนึ่งในสมาชิกวงเฟย์ฟางแก้ว ได้บอกเล่าให้เราฟัง เธอเสริมเพิ่มเติมว่า โชคดีที่เธอได้มีโอกาสดูละครเพลงบรอดเวย์อยู่บ่อยๆ ทำให้เธอได้เรียนรู้เทคนิคการแสดงมาบ้างพอสมควร

 

“นอกจากนี้ ฟางก็เปลี่ยนวิธีการร้องด้วย จากเพลงป๊อปมาเป็นเพลงคลาสสิก ซึ่งต้องร้องเพลงมาจากกะโหลก ตอนซ้อมช่วงแรกๆ ก็ปวดหัวพอควร ยิ่งแสดงเข้าไปด้วยยิ่งสลบเหมือดเมื่อหัวถึงหมอน แต่เมื่อซ้อมมากเข้าก็เริ่มเข้าที่ค่ะ แต่สิ่งที่ทำให้ฟางร้องเพลงได้เป็นอย่างดี คือฟางจะรู้สึกเหมือนมีนก มีดอกไม้ออกจากปาก ร้องให้เหมือนตัวเองอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ มันช่วยทำให้โลกสดใสมากขึ้น เวลาที่ได้ทำการแสดงบนเวที”

มาที่พระเอกของเรื่อง ชาย-ชาตโยดม หิรัญยัษฐิติ เผยว่า เขาเป็นคนที่เห็นถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัว เพราะครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวใหญ่ เมื่อมารับบทเป็นกัปตันบารอน วอน แทรปป์ ที่มีลูก 7 คน นี่จึงทำให้เขาแสดงได้อย่างเข้าถึงตัวละคร

“ชายพบว่ายิ่งซ้อมละครมากเข้าๆ ยิ่งทำให้เราพบเจออะไรต่างๆ มากมาย ซึ่งตัวละครตัวนี้มีการเริ่มต้น การเปลี่ยนแปลง และพบเจอผลลัพธ์ที่ทำให้ตัวเขาได้เรียนรู้ ยิ่งทำให้เรามีความสุขกับการแสดงเป็นตัวละครตัวนี้มาก ตัวละครได้เรียนรู้ เราก็ได้เรียนรู้ตามไปด้วยครับ”