posttoday

ชนะตนแล้วย่อมชนะคนทั้งปวง

04 เมษายน 2558

ปีที่ผ่านมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงตรัสกับผู้เข้าเฝ้าฯ คณะหนึ่งว่า ปีหน้า ซึ่งหมายถึงปี 2558 นี้จะทรงเกษียณแล้ว

โดย...ภัทระ คำพิทักษ์

ปีที่ผ่านมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงตรัสกับผู้เข้าเฝ้าฯ คณะหนึ่งว่า ปีหน้า ซึ่งหมายถึงปี 2558 นี้จะทรงเกษียณแล้ว

งานนั้นผมมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ อยู่ด้วย พอได้ยินทรงตรัสว่าจะเกษียณ ผมก็อดใจหายมิได้ เลยกระซิบถามผู้ใหญ่ที่เข้าเฝ้าฯ อยู่ในคณะนั้นด้วยว่า ทรงหมายถึงอย่างไร? ได้รับคำตอบว่า ก็ปีหน้าพระองค์จะมีพระชนมายุครบ 60 พรรษาไง

นั่นเลยทำให้ผมถึงบางอ้อและโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก

ครับ งานราชการทั่วไปเมื่อครบวัย 60 ปีก็ต้องเกษียณ แต่คงมิใช่พระบรมวงศานุวงศ์ เพราะทุกพระองค์ก็คงทรงบำเพ็ญพระราชภารกิจในทางใดทางหนึ่งไปตามพระกำลัง และงานเพื่อปวงพสกนิกรก็เป็นงานที่มิรู้จบ มิรู้สิ้น คนอื่นเกษียณตามอายุราชการได้ แต่พระองค์ท่านแม้จะมีพระชนมายุครบ 60 พรรษาแล้ว ก็คงจะบำเพ็ญพระราชกรณียกิจต่อไปอีก

มีทางเดียวที่เราจะบรรเทาพระราชภารกิจให้ลดน้อยลงคือ ทำงานของเราในที่ของเราให้ดี ช่วยกันทำให้บ้านเมืองให้ดีเท่านั้นเอง

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้บำเพ็ญพระราชกรณียกิจใหญ่น้อยมาสุดคณานับ เป็นที่รักและชื่นชมของปวงมหาชนทั่วไป มีเรื่องเล่ามากมายจากผู้คนที่ได้พบได้เฝ้าฯ พระองค์ท่านในสถานที่ต่างๆ และในโอกาสมหามงคลนี้ก็ได้มีผู้ทำหนังสือและบอกเล่าถึงความประทับใจในความไม่ถือพระองค์และพระราชอัธยาศัยที่เป็นที่ประทับใจของผู้คนเหล่านั้นออกมาให้เป็นที่รับรู้กันหลายเล่ม ไม่ว่าพระอาจารย์ผู้เคยถวายพระอักษร ระหว่างเสด็จพระราชดำเนินไปทรงรับการศึกษาในสาธารณรัฐประชาชนจีน เอกอัครราชทูตพม่าประจำประเทศไทย ฯลฯ

ฯพณฯ อู นยุ่น ส่วย เอกอัครราชทูตพม่าประจำประเทศไทย ได้เขียนเล่าไว้อย่างน่าประทับใจถึงการไปรับเสด็จในคราวเสด็จพระราชดำเนินที่เมืองเชียงตุงว่า เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปทั่วตลาดแล้ว ทรงประทับนั่งเสวยพระสุธารสที่ร้านริมข้างทาง

“ผมไม่เคยคิดฝันมาก่อนในชีวิตว่าจะได้มานั่งในร้านน้ำชาริมถนนกับกับลูกหลานคนใดคนหนึ่งของบรรดาผู้นำในย่างกุ้งทั้งหลาย ดังนั้นการได้มานั่งในร้านน้ำชาเล็กๆ ข้างถนนกับพระราชธิดาในพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่ง จึงเป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำล้ำค่าที่ติดตรึงอยู่ในหัวของผมนับตั้งแต่วินาทีนั้น...” (บันทึกทูตเมียนมาร์จากกลุ่มอิรวดีสู่เจ้าพระยา)

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือไว้หลายเล่มเมื่อ 40 ปีก่อนทรงศึกษาหนังสือพุทธศาสนสุภาษิต ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส วันละเล็กละน้อยแล้วผูกเป็นโคลงขึ้น จนทำเป็นหนังสือได้เล่มหนึ่งชื่อ “พุทธศาสนสุภาษิตคำโคลง พระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดาฯ”

หนึ่งในพุทธศาสนสุภาษิตดังกล่าวคือ อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย ซึ่งแปลได้ว่า ชนะตนนั่นแลเป็นดี

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงผูกพุทธศาสนสุภาษิตบทนี้ออกมาเป็นคำโคลงว่า

“ชนะตนประเสริฐแท้ เป็นดี

ชนะอื่นทั้งธรณี ไป่สู้

ฝึกจิตและกายี เว้นโลภโกรธนา

ดีกว่าชนะผู้ อื่นด้วยกำลัง

คนว่า “ตน” นี้ไซร้ คือจิตใจและกายี

ชนะใจตนเองนี้ ประเสริฐกว่าชนะใคร

เพราะย่อมรู้ผิดชอบ ไม่ประกอบสิ่งเหลวไหล

รู้จักให้อภัย ไม่โลโภหรือโกรธา

การชนะบุคคลอื่น ไม่ยั่งยืนอาจอัปรา

ชนะด้วยวาจา หรืออาวุธยุทธภัณฑ์

แรกเอาชนะเขา ภายหลังเราอาจแพ้พลัน

ชนะตนของตนนั้น สิ่งดีแท้ย่อมแน่นอน”

อย่าได้แปลกใจเลยว่า ทำไมจึงทรงชนะใจคนทั้งหลาย เพราะผู้ชนะตนแล้วย่อมชนะคนทั้งปวงขอจงทรงพระเจริญ พระพุทธเจ้าข้า

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ