จังหวะอิ่มตัว แต่เธอยังบรรเลง พลอย มัลลิกะมาส
จังหวะชีวิตของแม่ลูกหนึ่ง “พลอย มัลลิกะมาส” กำลังอยู่ในจุดอิ่มตัว จุดที่การเดินทางมากๆ ไม่สนุก และการทำหนังสือท่องเที่ยวไม่ใช่สิ่งที่อยากทำ
โดย... รอนแรม ภาพ... พลอย มัลลิกะมาส
จังหวะชีวิตของแม่ลูกหนึ่ง “พลอย มัลลิกะมาส” กำลังอยู่ในจุดอิ่มตัว จุดที่การเดินทางมากๆ ไม่สนุก และการทำหนังสือท่องเที่ยวไม่ใช่สิ่งที่อยากทำ
ชีวิตในช่วงเปลี่ยนแปลงของพลอยเป็นอย่างไร แต่แน่นอนว่ามันเป็นจังหวะที่ดี
จังหวะอิ่มตัว
พลอย มัลลิกะมาส ออกเดินทางตั้งแต่เป็นพนักงานประจำในบริษัทโฆษณา แต่เมื่อลาออกมาทำงานอิสระจำนวนการเดินทางก็เข้มข้นขึ้นมากถึงเกือบ 10 ทริป/ปี ทั้งไปเอง ไปทำงาน หรือไปในฐานะสื่อ พลอยเริ่มเป็นนักเขียนจากการเป็นคอลัมนิสต์ให้นิตยสาร จากหนึ่งเล่มกลายเป็นหลายเล่ม ทำให้เธอมีประสบการณ์และข้อมูลด้านท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็เข้าไปคุยกับสำนักพิมพ์วงกลม จนในที่สุดก็คลอดหนังสือท่องเที่ยวเล่มแรกในปี 2550 เกี่ยวกับการเที่ยวฮอกไกโดฤดูร้อนซึ่งเป็นประเด็นที่ตลาดยังไม่มีคนทำ
ในตอนนั้นเธอได้โอกาสจากบรรณาธิการให้เขียนและทำหนังสือเองทั้งเล่ม เธอผู้ไม่ได้มาจากวงการหนังสือจึงทำในสไตล์ตัวเอง ไม่มีดัมมี่ ไม่รู้ว่ามีกี่หน้า แต่จะทำไปทีละบท ทำเลย์เอาต์ไปทีละเรื่อง อีกทั้งการเก็บข้อมูลก็ไม่ใช่ไปที่แห่งนั้น 5 วัน แล้วกลับมาเขียนเป็นเล่ม แต่เธอจะไปจนกว่าจะพอและมีข้อมูลครบแล้วจึงเขียน
“ตอนนั้นสนุก ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ” พลอยกล่าวถึงความรู้สึกเมื่อ 8 ปีที่แล้ว “พลอยมีโอกาสได้เขียนหนังสือ มีโอกาสได้ไปต่างประเทศ แต่วันนี้รู้สึกอิ่มตัว อยากจะลดทอนบางอย่างลงมา และอยากทำอะไรที่ต่างไปจากเดิม”
เธอสารภาพว่าไม่อยากทำหนังสือท่องเที่ยวแล้วในตอนนี้ อย่างหนังสือเล่มล่าสุด เกียวโต โมมิจิ เธอไม่ได้นิยามว่ามันเป็นหนังสือท่องเที่ยว เพราะมันมีเรื่องปรัชญาเข้าไปผสม ซึ่งมันเป็นเล่มที่เธอยกให้เป็นผลงานชิ้นโบแดงอันดับ 1 จากทั้งหมด 9 เล่ม ที่ทำมา
ตั้งแต่มีลูก เธอก็รู้สึกว่าการเที่ยวคนเดียวมันไม่สนุกอีกแล้ว “มันต้องเที่ยวเป็นครอบครัว ที่ผ่านมาตัวเองได้เห็นอะไรมาเยอะแล้ว ตอนนี้ก็อยากให้ลูกเห็นโลกแบบที่เราเห็นบ้าง”
ลูกชายของเธอเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกตอนอายุเพียง9 เดือน ทริปนิวซีแลนด์ครั้งนั้นทำให้เธอเรียนรู้หลายอย่าง เพราะลูกชายป่วยเป็นหูอักเสบ ต้องอยู่รักษาที่เมืองไครสท์เชิร์ช นานถึง 14 วัน แต่ไม่ว่าอย่างไรลูกไม่ใช่ภาระ มันคือการเดินทางในรูปแบบใหม่ที่ต้องเรียนรู้
เธอยกแนวคิดของฝรั่งที่มองว่า “ลูกไม่ใช่ภาระแต่คืออวัยวะหนึ่งของร่างกาย” แล้วการเดินทางของเธอตอนนี้ก็สนุกขึ้น เธอเล่าว่าไลฟ์สไตล์การเที่ยวได้เปลี่ยนไปตามลูก จากที่ชอบเที่ยวเมืองก็เปลี่ยนไปเที่ยวธรรมชาติ จากที่นอนโฮสเทลก็เปลี่ยนไปเป็นอพาร์ตเมนต์เซอร์วิส และเปลี่ยนเป็นขับรถเที่ยวแทนเดินทางโดยรถสาธารณะ
เธอยังกล่าวว่า มันไม่สำคัญว่าลูกจะมีความทรงจำ ณ ตอนนั้นไหม แต่มันสำคัญตรงที่พ่อ แม่ ลูกได้ใช้เวลาร่วมกัน “พลอยจะไม่ทิ้งลูกอยู่บ้านแล้วตัวเองไปเที่ยว” อย่างตัวเธอเองก็เติบโตมาในครอบครัวนักเดินทาง มันคือเรื่องที่ค่อยๆ ซึมซับไปเอง
เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน
พลอยและเพื่อนอีก 2 คน กำลังทำเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ เลี้ยงลูกนอกบ้าน ภายใต้แนวคิดบ้านเหมือนโรงเพาะชำ แต่พอถึงวันหนึ่งที่ต้นกล้าเติบโตมันก็ต้องออกไปข้างนอก ออกไปเจอแสง หมายความว่า “เราเลี้ยงลูกในบ้านไม่ได้ตลอด เพราะเราเลี้ยงลูกตลอดไปไม่ได้”
เธอมีส่วนร่วมในฐานะคนเขียนที่มีประสบการณ์ แต่เพื่อนอีก 2 คนเหมือนเป็นบรรณาธิการที่ทำให้เพจแอ็กทีฟอยู่ตลอด อีกทั้งยังแย้มด้วยว่า ตอนนี้เธอกำลังเขียนหนังสือที่มีชื่อคร่าวๆ ว่า ยาสามัญประจำทริปแต่หากใครอยากอ่านผลงานของเธอตอนนี้ก็สามารถติดตามจากเพจเลี้ยงลูกนอกบ้านไปพลางๆ
ทำไมจึงกล้า
ตอนที่เขียนหนังสือทำให้เธอเดินทางบ่อยเพื่อเก็บข้อมูล แต่ในตอนนี้เธอต้องการทำอะไรใหม่ๆ จึง“ลอง” ทำสิ่งใหม่หลายอย่าง เช่น ทำเสื้อให้นมลูกโดยเธอเป็นคนออกแบบเอง ทำผลิตภัณฑ์สมุนไพร และไปเป็นบรรณาธิการให้หนังสือคนอื่น
“เราควรให้ระยะห่างจากบางอย่างบ้าง พอเราคิดถึงมากๆ เวลากลับมามันจะมีพลังในการทำมากกว่าเดิม” พลอยเป็นคนที่ไม่กลัวความล้มเหลว มีคนถามเธอบ่อยว่าจะทำอะไรมากมาย แต่เธอกลับคิดว่า “เราจะกล้าออกจากคอมฟอร์ตโซนเดิมๆ ไหม” มันเป็นคำถามที่น่าสนใจมากกว่า
แม้ว่าเธอจะไม่เคยมองความเป็นไปได้เลยสักครั้ง แต่เธอก็เชื่อว่าถ้าของมันดี มันจะขายตัวมันเอง“ที่ทำทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องเงิน” เธอกล่าว และยกตัวอย่างถึงการทำหนังสือเล่มเกียวโต โมมิจิ ที่ต้องเดินทางไปเกียวโตถึง 3 ครั้ง ไปเห็นทุกฤดูกาล ซึ่งถ้าคิดเรื่องเงิน มันนานเกินไปในการทำธุรกิจ แต่สำหรับเธอแล้วยอดขายคือส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ ถ้าทำแล้วมันไม่สำเร็จก็จะไม่เสียใจ เพราะมันคือประสบการณ์ อย่างไรก็ตามทุกอย่างที่เธอทำมายังไม่มีชิ้นไหนหยุด มีแต่โตเกินกว่าที่คิด
ขอบคุณการเดินทาง
ถึงแม้ว่าชีวิตของเธออยู่ในจุดอิ่มตัวกับการเดินทางแล้ว แต่เธอก็ยังอยากขอบคุณชีวิตที่ผ่านมาที่ทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น
เธอเล่าว่า “การเดินทางทำให้เปิดโลก” ยิ่งไปต่างประเทศก็ยิ่งทำให้เห็นอาชีพหลากหลาย ตอนแรกเธอทำงานในบริษัทโฆษณาซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกใหม่แล้วจากสิ่งที่ร่ำเรียนมา (เธอจบคณะรัฐศาสตร์) แต่เมื่อเดินทางมากๆ มันทำให้รู้ว่ายังมีอย่างอื่นอีกมากมายที่เธอชอบ
“พลอยค้นพบศักยภาพบางอย่าง เช่น เราไม่รู้มาก่อนว่าเป็นคนเขียนหนังสือดีก็ได้รู้ เพราะถ้าไม่เดินทางก็ไม่เริ่มเขียนและคงไม่รู้จักตัวเองในด้านนี้” เธอกล่าวหาตัวเองด้วยว่าเป็นคนไม่ชอบอยู่ในกรอบ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่มันเรียกว่าความแตกต่างกัน
เธอจึงชอบตั้งคำถามโดยขึ้นต้นด้วยคำว่า “ทำไม” ทำไมต้องทำตามกระแส ทำไมไม่ลงมือทำ หรือทำไมไม่มีเวลาให้สิ่งที่เราให้ความสำคัญ และเธอก็หาคำตอบให้มันทุกครั้ง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงมีหนังสือท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร และเป็นแม่ที่ไม่มีใครเหมือน
โลกของพลอย
ถ้าพลอยมีโลกของตัวเอง 1 ใบ อยากให้โลกนั้นเป็นอย่างไร เธออยากให้เป็น “โลกเงียบที่ไม่เหงา” เพราะทุกวันนี้คนเรามีโอกาสอยู่กับตัวเองน้อยลงไปเรื่อยๆ อย่างเธอ เธออยากมีมุมเงียบๆ ไว้อ่านหนังสือ และมี“โลกส่วนตัว” ของเธอบ้าง


