ทัศนา ตรัยรัตนพิทักษ์ แฟชั่น และกีฬาไปกันได้
ทายาทสาวสวยจากบริษัท ฟูเซ่น เอ็นเตอร์ไพรซ์ ผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายชุดกีฬาของไทยมากว่า 30 ปี
โดย...กองทรัพย์ ภาพ : กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร
ทายาทสาวสวยจากบริษัท ฟูเซ่น เอ็นเตอร์ไพรซ์ ผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายชุดกีฬาของไทยมากว่า 30 ปี ทัศนา ตรัยรัตนพิทักษ์ หรือ จอย ผู้บริหารวัย 34ปี ถือว่าเข้ามาเปลี่ยนโฉมชุดกีฬาผู้หญิงแบรนด์คนไทยให้ดูทันสมัย มีกลิ่นอายของแฟชั่นนิสต้า จากชุดสีทึมเน้นฟังก์ชั่นเป็นชุดกีฬาที่เรียกให้หญิงสาวอยากหยิบจับทุกครั้งเมื่อไปยิม
หญิงสาวตัวเล็ก แต่รูปร่างบอกชัดว่าฟิตแอนด์เฟิร์มแบบคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ พูดไทยชัดถ้อยชัดคำแม้จะไปเติบโตในต่างประเทศนานกว่า 12 ปี
ทัศนา เริ่มต้นบทสนทนาด้วยภาพในหัวของเธอตั้งแต่เรียนหนังสือว่า เธอคิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องกลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว เพราะเป็นธุรกิจที่คุณพ่อกับคุณแม่บุกเบิกไว้ พี่ชาย ตัวเธอ และน้องๆ ได้สัมผัสและซึมซับบรรยากาศของการทำงานตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นจึงเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์เพื่อเป็นพื้นฐานในการเข้าใจผู้บริโภค และเรียนแฟชั่นดีไซน์เพิ่มเติมเพื่อให้เข้าถึงกระบวนการผลิต การเดินทางของผ้าหนึ่งผืนไปสู่การเป็นเสื้อผ้าหนึ่งชิ้น
“เราคลุกคลีอยู่กับธุรกิจเห็นคุณพ่อคุณแม่ทำงานเริ่มจากศูนย์ พวกเราไปวางบิล เก็บเช็ค เช็กสต๊อกสินค้าตั้งแต่พวกเรายังเด็กๆ ซึมซับบรรยากาศเหล่านั้นมา ก็พอจะออกแบบชีวิตตัวเองได้ว่าจะให้ออกมาเป็นแบบไหน พอเรียนจบปริญญาโท ด้านเศรษฐศาสตร์ จากประเทศอังกฤษ ระหว่างรอกลับเมืองไทยพร้อมน้องสาวก็ไปเรียนแฟชั่นดีไซน์เพิ่มเติม 1 ปี ดังนั้นเมื่อกลับมาทำงานเมืองไทย จอยจึงรับหน้าที่เป็นดีไซเนอร์ และดูแลมาร์เก็ตติ้งให้กับเสื้อผ้ากีฬาผู้หญิงแบรนด์ ดี แอนด์ พี (D&P) และยัง สปอร์ต (Young Sport) ค่ะ”
ขณะที่เข้ามาเป็นผู้บริหาร ทัศนาอายุเพียงแค่ 26 ปี ซึ่งการมารับไม้ต่อดูแลแบรนด์ที่มีอยู่แล้ว ไม่เพียงแต่จะต้องมาเรียนรู้กระบวนการทำงานเท่านั้น การริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ในองค์กรที่มีพนักงานอายุงานพอๆ กับอายุเธอเป็นสิ่งที่ยากและท้าทายไม่ใช่น้อยเลย
“ธุรกิจที่เริ่มมาจากครอบครัว แนวคิดและการบริหารแบบเดิมก็จะเป็นแบบครอบครัว พอจอยและน้องซึ่งเรียนเมืองนอกกลับมาก็ไฟแรง อยากนำเสนอแนวความคิดให้กับผู้ใหญ่หลายๆ แนวทาง เราก็มองว่าจะพัฒนาสินค้าให้ดีขึ้น แต่ด้วยความที่เราอาจจะยังเด็ก ก็ได้รับคำถามและไม่ค่อยมั่นใจว่าเราจะทำได้ตามที่พูดหรือเปล่า”
ผู้บริหารรุ่นที่ 2 ของฟูเซ่น อินเตอร์ไพรซ์ บอกว่า การพิสูจน์ฝีมือในแบบของเธอก็คือ การลงมือทำ เมื่อพนักงานบอกว่าทำไม่ได้ เธอต้องลงมือเย็บผ้าเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เธอคิดและออกแบบนั้นเป็นไปได้ ยังยึดมั่นในจุดยืนเพื่อพาแบรนด์ ดี แอนด์ พี ให้เป็นที่รู้จักในหมู่หญิงสาวสมัยใหม่ แม้ต้องแลกกับกำลังการผลิตที่จะน้อยลง เพราะขั้นตอนการตัดเย็บมากขึ้นก็ตาม
“การที่เราเป็นบริษัทเสื้อผ้าที่มีโรงงานผลิตเสื้อผ้าด้วย พนักงานก็จะเป็นรุ่นที่ทำมาจากยุคคุณแม่ พอเราเข้าเปลี่ยนแปลงรูปแบบเสื้อผ้าจากเดิมที่เขาเคยทำ ก็จะมีคำถามว่าทำไมต้องเปลี่ยน เพราะของเดิมก็ดีอยู่แล้ว ช่วงแรกๆ ก็ทำงานลำบากนิดหน่อย แต่ก็พยายามอธิบายทำความเข้าใจอย่างหนัก ซึ่งจอยใช้เวลาแก้ไขปัญหาที่ว่ามานี้อยู่เกือบ 2 ปี เพื่อพิสูจน์ให้เขาเห็นในฝีมือ”
ประสบการณ์ในต่างประเทศตั้งแต่อายุ 14 ปี ทำให้เธอได้เห็นโลกกว้างและมีหัวสมัยใหม่ เห็นช่องว่างของเสื้อผ้ากีฬาที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งยังไม่พอดีกับไซส์คนเอเชีย จุดประกายให้ผู้บริหารสาวคนนี้เกิดแนวคิดการออกแบบชุดออกกำลังกายที่พอดีกับรูปร่างของคนตัวเล็ก และคนตัวใหญ่ที่อยากมีรูปร่างที่ดี
“แบรนด์ ดี แอนด์ พี เกิดจากคุณแม่มองเห็นว่ากีฬาแอโรบิกมาแรง ซึ่งในตลาดตอนนั้นยังไม่มีเสื้อผ้าแนวนี้ แรกๆ จะเน้นที่ฟังก์ชั่นการใช้งาน ไม่ได้มีลูกเล่นด้านดีไซน์หรือสีสัน หลังจากที่กลับมา จอยก็เลยคิดเรื่องการใส่ลูกเล่นในเสื้อผ้ากีฬาที่นำแฟชั่นมาผสมผสานให้ดูโมเดิร์นและดูเซ็กซี่มากขึ้น แต่ฟังก์ชั่นยังต้องใช้ได้อยู่ เข้ามาก็เริ่มปรับจากชุดไปฟิตเนส ชุดโยคะ
เนื่องจาก ดี แอนด์ พี เป็นชุดกีฬาสำหรับผู้หญิงอย่างเดียว เราจึงเน้นการออกแบบที่เข้ารูปร่างสรีระของคนเอเชีย เพราะตัวจอยเคยประสบปัญหาที่ว่าเราเป็นคนตัวเล็ก แต่เสื้อผ้าแบรนด์ต่างประเทศที่แม้จะสวยแต่เราใส่แล้วไม่พอดี ดังนั้นการมีโอกาสออกแบบชุดกีฬาที่สวย ใส่สบาย และพอดีกับสรีระในราคาคนไทย จึงเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจ ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงไซส์ใหญ่แต่มีใจอยากมีชุดสวยๆ ไปออกกำลังกายด้วย แม้จะเป็นตลาดกลุ่มไม่ใหญ่มาก แต่เชื่อว่าลูกค้ากลุ่มนี้จะเพิ่มจำนวนขึ้น”
ไม่ใช่ว่าจะตั้งหน้าตั้งตาปรับลุคให้ทันสมัยเท่านั้น แต่การเลือกดีไซน์ที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าในแต่ละโซน ก็เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ทำให้ ดี แอนด์ พี ประสบความสำเร็จ “เราจะดูที่พฤติกรรมลูกค้าเป็นหลัก ถ้ากลุ่มลูกค้ากล้าแต่งตัว ชุดหวือหวาก็วางขายได้ ขณะเดียวกันก็จะมีชุดที่เป็นดีไซน์พื้นฐานอยู่แล้ว ซึ่งก็ยังขายดีอยู่ ซึ่งตอนนี้ตลาดของเราก็เน้นในประเทศเป็นหลัก ซึ่งตอนนี้มีวางจำหน่ายอยู่ 70 สาขาทั่วประเทศ และภายในปีนี้ ดี แอนด์ พี มีเป้าหมายว่าอยากพาแบรนด์ไปต่างประเทศ เริ่มจากประเทศเวียดนาม ส่วนในไทยตั้งเป้าให้แบรนด์ขายได้ด้วยตัวเอง อยากให้เป็นที่ยอมรับเหมือนแบรนด์ต่างประเทศ เราอยากเป็นหนึ่งในตัวเลือกของผู้หญิงที่รักการออกกำลังกาย”
เหนือความสำเร็จทั้งหมด ผู้บริหาร ดี แอนด์ พี ยกเครดิตให้ต้นแบบของเธอ “คุณพ่อคุณแม่ชอบให้เราทดลองทำ ให้เราเรียนรู้ ลองผิดลองถูก ท่านทั้งสองจะคอยดูอยู่ห่างๆ หรือไม่ก็ให้คำแนะนำบ้างว่าสิ่งที่เรากำลังคิดจะทำดีไหม แต่ท่านไม่เคยห้าม พอถึงเวลาถ้าเราทำผิดก็ค่อยเรียกประชุม ท่านให้โอกาสเราก่อน เพราะถ้าท่านไม่ยอมปล่อยให้เราทำอะไรเองเลย เราก็จะไม่มีความมั่นใจ ไม่กล้าตัดสินใจ”
ทัศนา กล่าวทิ้งท้ายว่า ข้อดีของการเป็นผู้บริหารรุ่นที่ 2 คือการมีฐานที่มั่นคงทั้งพนักงาน ลูกค้า และซัพพลายเออร์ที่ติดตามมาจากรุ่นก่อน แต่ข้อยากสำหรับผู้บริหารรุ่นใหม่อย่างเธอก็คือ บทพิสูจน์ตัวเองเพื่อรักษาฐานที่กล่าวมาข้างต้นให้คงอยู่ พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่หนทางที่ดีขึ้นไปเรื่อยๆ


