posttoday

จุดที่มอง และ สิ่งที่เห็น

14 มีนาคม 2558

ด้วยมุมมองตานกที่มองจากเครื่องบิน ยิ่งเพดานบินสูงเพียงไร ภาพแผ่นดินเบื้องล่างนั้นยิ่งงามตา ต่างจากโลกที่เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

โดย...ธเนศน์ นุ่นมัน

ด้วยมุมมองตานกที่มองจากเครื่องบิน ยิ่งเพดานบินสูงเพียงไร ภาพแผ่นดินเบื้องล่างนั้นยิ่งงามตา ต่างจากโลกที่เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

กระนั้น แต่ละเมืองใหญ่บนผืนโลก หากปราศจากสิ่งก่อสร้างที่มีอัตลักษณ์เป็นหมุดหมายให้แยกออกจากกัน ก็กล่าวได้ว่ายิ่งมองจากระยะไกล ก็ยิ่งแยกออกจากกันได้ยาก จากมุมสูง บ้านเมืองแทบทุกหนแห่งต่างมีสิ่งปลูกสร้างที่ดูเหมือนแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีถนนหนทางแม่น้ำลำคลองดูคล้ายแผงสายไฟเชื่อมต่อระโยงระยางทั้งหมด คืออุปกรณ์ที่ยากจะบอกได้ว่า ถูกประกอบขึ้นเพื่อให้ใช้งานอะไรได้

เมืองใหญ่อย่าง กทม.ก็อยู่ในข่ายที่ว่า ภาพจากมุมดังกล่าวมองไม่ออกเลยว่านั่นคือกลุ่มตึกในซอยที่ถ้าเราคลาดจากจุดหมาย เลี้ยวผิด เดินหลง ก็ต้องวนหากันขาแทบลากโน่นคือถนนที่เราคุ้นเคย กับการจราจรที่แสนสาหัสในหลายเส้นทาง

“จุดที่มอง” กับ “สิ่งที่เห็น” ถูกแปลเป็นข้อมูล นำไปสู่การตีความโดยตรง ด้วยเหตุนี้มันจึงอาจกลายเป็นเรื่องจริง เรื่องลวง ความเป็นไปได้ ความผกผัน ความผิดพลาด รวมไปถึงการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ก็ล้วนแต่ถือว่าต่างมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้พอๆ กัน หรือบางครั้งก็พร้อมๆ กันจากจุดที่มองเห็น

ภาพยนตร์เรื่อง Blow Up (ออกฉายเมื่อปี 1966) ของผู้กำกับอิตาเลียน มิเคลันเจโล อันโตนิโอนี ดัดแปลงจากเรื่องสั้นของนักเขียนชาวอาร์เจนตินา ฆูลิโอ คอร์ตาซาร์เคยตั้งคำถามเรื่องมุมมองและสิ่งที่ถูกเห็นได้อย่างน่าสนใจ

หนังเล่าเรื่องของ เดวิด เฮมมิงส์ ช่างภาพผู้มีชื่อเสียง นายเฮมมิงส์คนนี้เข้าไปในสวนสาธารณะ ซุ่มถ่ายภาพคู่รักคู่หนึ่งนำมาอัดขยายรายละเอียด จึงได้เห็นว่าภาพที่เขาถ่ายได้เป็นเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลนัก

เดวิดนำภาพที่ถ่ายได้มาขยายจนเห็นเงาร่างของชายคู่รักเป็นศพอยู่กับพื้น จึงกลับไปที่สวนสาธารณะในตอนกลางคืน และพบร่างไร้ชีวิตนั้นจริงๆ แต่เพราะไม่ได้หยิบกล้องติดมือมาบันทึกภาพไว้เป็นพยานการฆาตกรรม จึงกลับมาบ้าน แต่กลับพบว่ารูปในสวนสาธารณะที่เคยล้างไว้และฟิล์มหายไปเกือบหมด เหลือแต่ภาพที่ขยายจนเกรนแตก ราวกับภาพเขียนนามธรรม ดูไม่ออกว่าเป็นภาพอะไร เขากลับไปที่สวนสาธารณะอีกครั้ง แต่ศพก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

เช้าต่อมา เขาเดินไปตามสวนสาธารณะอย่างสิ้นหวัง เห็นหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นละครใบ้ด้วยการตีเทนนิสมือเปล่า ไม่มีทั้งไม้และลูกอยู่ในสนาม เดวิดยืนมองพวกเขาด้วยจิตใจเลื่อนลอย จนกระทั่งคณะละครใบ้มองมาที่เขา พลางส่งสัญญาณบอกให้ช่วยเก็บลูกเทนนิส (ซึ่งไม่มีตัวตน) ที่อยู่ข้างหน้าส่งให้พวกเขา

ในวันที่สิ่งที่ความจริง (มีตัวตน) ซึ่งเดวิดพยายามพิสูจน์ กลับกลายเป็นเรื่องสูญเปล่าไร้ความหมาย เขาจะเหลืออะไรให้เชื่อได้อีก เดวิดได้แต่ก้มลงเก็บอากาศธาตุที่แสร้งว่าเป็นลูกเทนนิส โยนไปให้เด็กกลุ่มนั้นอย่างว่าง่าย เชื่อในสิ่งที่ไม่มีตัวตนอย่างยอมจำนน

แง่มุมจาก Blow Up แตกแขนงออกไปหลากมุมมอง ไร้ข้อสรุปอันถือเป็นที่สิ้นสุดขณะที่ในโลกยุคใหม่ ซึ่งอุปกรณ์บันทึกสิ่งที่เห็น ถูกเปลี่ยนจากปฏิกิริยาทางเคมีและระบบอะนาล็อก เข้าสู่ยุคดิจิทัลจนเรียกได้ว่าเกือบสมบูรณ์แบบ ทว่าพัฒนาการของ “จุดที่มอง” กับ “สิ่งที่เห็น” กลับไม่ได้ขยับไปจากจุดเดิมนัก

หลายคนเชื่อในข้อมูลที่เผยแพร่ในโลกอินเทอร์เน็ต เพียงเพราะมันถูกเผยแพร่ต่อจากกลุ่มคนที่มีความคิดความต้องการในสิ่งใดสิ่งหนึ่งคล้ายกับตัวเอง เพิกเฉยต่อการแสวงหาข้อเท็จจริง และพร้อมที่จะจดจ่อความเชื่อ จมดิ่งไปกับสิ่งที่ได้เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2