posttoday

ไฮแจ๊ค เหมังกร ยอมรับในสิ่งที่เป็นตัวเอง

12 มีนาคม 2558

ยุคนี้หากพูดถึงพิธีกรรายการเฉพาะกลุ่ม 18+ อย่างรายการ "เรื่องบนเตียง" หลายคนคุ้นเคยกับชื่อของ ‘ไฮแจ๊ค เหมังกร" พิธีกรประจำรายการเป็นอย่างดี

โดย...ภาดนุ ภาพ กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร

ยุคนี้หากพูดถึงพิธีกรรายการเฉพาะกลุ่ม 18+ อย่างรายการ "เรื่องบนเตียง" หลายคนคุ้นเคยกับชื่อของ ‘ไฮแจ๊ค เหมังกร" พิธีกรประจำรายการเป็นอย่างดี ด้วยภาพลักษณ์ส่วนตัวที่ดูแรง บวกกับสไตล์การจัดรายการที่ล้วงลึกแขกรับเชิญไม่เหมือนใคร ทำให้เขาเป็นที่กล่าวถึงของคนทุกเพศทุกวัย เราจึงรีบตามไปคว้าตัวเขามาเปลือยใจ (แบบไม่อนาจาร) ให้ผู้อ่านได้รู้จักกับตัวตนที่แท้จริงของเขามากขึ้น

ไฮแจ๊ค เล่าว่า เขาเริ่มต้นอาชีพพิธีกรครั้งแรกในรายการ "G At Town" ซึ่งเป็นวาไรตี้เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ของเกย์ เพราะผู้ผลิตเล็งเห็นศักยภาพในตัวเขาที่มียอดคนตามเฟซบุ๊กหลายแสนคน หลังจากนั้นเขาจึงมีโอกาสได้มาเป็นพิธีกรรายการ "เรื่องบนเตียง" ทางช่อง Me Channel ของทีวีดาวเทียม รายการของคนอายุ 18+ ที่จะเชิญแขกรับเชิญผู้ชายมาแนะนำเกี่ยวกับวิธีดูแลตัวเองให้หุ่นดี พร้อมทั้งล้วงลึกถึงประสบการณ์เซ็กซ์ครั้งแรก เซ็กซ์ที่ลืมไม่ลง โดยสอดแทรกความรู้และข้อแนะนำที่มีประโยชน์ให้กับผู้ชมด้วย ออนแอร์ทุกวันพฤหัสบดี 22.00-23.00 น. หรือเสิร์ชดูได้ในยูทูบ

“อีกรายการ ‘ไดอารี่ ซีเคร็ต’ ทางช่อง JJ Channel ที่ผมทำนั้นจะแตกต่างออกไป เพราะจะมีแขกรับเชิญ ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมาบอกถึงวิธีคิด กลยุทธ์ รวมถึงสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เขาชอบไปไหว้พระขอพรที่ไหน ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ ผมก็จะทำหน้าที่พิธีกรภาคสนามตามไปเก็บภาพมาให้คนดูได้ชมกัน”

ไฮแจ๊ค เหมังกร ยอมรับในสิ่งที่เป็นตัวเอง

 

ไฮแจ๊ค เล่าว่า ตั้งแต่เด็กๆ จนเรียนจบชั้นประถม เขาก็เป็นเด็กผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เล่นซนตามประสาเด็กผู้ชายทั่วไป เข้ากับเพื่อนๆ ได้ดี "ผมเรียนโรงเรียนสหศึกษา ซึ่งในตอนนั้นผมก็ยังรู้สึกชอบเด็กผู้หญิงอยู่นะ แล้วผมก็ไม่เคยมีปัญหาถูกเพื่อนแกล้ง หรือเพื่อนล้อว่าเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วเลยครับ”

เหมือนทุกอย่างจะมาดีแล้ว แต่เมื่อเข้าเรียนชั้นมัธยมต้นในโรงเรียนชายล้วน สภาพแวดล้อมต่างๆ ก็ทำให้ไฮแจ๊คเปลี่ยนไป เขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ ว่าทำไมตัวเองชอบมองเพื่อนผู้ชายหน้าตาดีๆ มันก็คงเหมือนกับโรงเรียนหญิงล้วนนั่นแหละ ที่ความรักสามารถจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

“ด้วยสิ่งแวดล้อมที่มีแต่ผู้ชายทั้งหมด เวลาผมเห็นคนที่น่ามองผมก็จะแอบมองเขาตลอด แต่ตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่าเราชอบเขาแบบไหน ตอนเรียนผมเคยแอบชอบรุ่นพี่คนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักกีฬา ทำให้ผมอยากไปโรงเรียนทุกวัน เพราะอยากเจอรุ่นพี่คนนี้ ขนาดป่วยยังอยากมาเรียนเลย อยากให้ถึงเวลาพักเที่ยงเร็วๆ จะได้ไปเจอพี่เขาที่โรงอาหาร แต่เมื่อพี่เขาเรียนจบออกไป เป้าหมายของผมก็เปลี่ยนไปด้วย (หัวเราะ)

ไฮแจ๊ค เหมังกร ยอมรับในสิ่งที่เป็นตัวเอง

 

คราวนี้ผมไปชอบเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่คนละห้อง ตอนไปทัศนศึกษาเราได้อยู่รถบัสคันเดียวกัน ได้ไปทำกิจกรรมร่วมกัน ตอนนั้นแหละผมถึงได้รู้ว่านี่คือความรักแบบที่ผู้ชายกับผู้ชายรักกันนะ ก็มีการแอบจับมือกันบ้าง เดินไปไหนด้วยกันบ้าง แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว แต่เรื่องเซ็กซ์นี่ตอนนั้นยังไม่ได้คิดจริงๆ เหมือนมันเป็นความรักแบบเด็กๆ กระทั่งเรียนจบต่างคนก็ต่างไปเรียนตามสายของตัวเอง ก็เลยห่างหายกันไป”

ไฮแจ๊ค เผยว่า เขาเริ่มมีความรักจริงจังตอนที่เรียนอยู่ ปวช.2 ตอนนั้นเขาไปแอบชอบรุ่นน้อง ปวช.1 หน้าตาหล่อเหมือนลูกครึ่ง สูงโปร่ง หุ่นเท่ มีคนชอบเยอะมาก หลังจากมีโอกาสได้คุยกันก็เริ่มสนิท แต่ในที่สุดรักแท้ก็แพ้เงินจนได้ ตอนหลังถึงได้มารู้ว่าหนุ่มหล่อที่หมายปองนั้นกลายเป็นแฟนกับรุ่นพี่เกย์คนหนึ่ง ซึ่งฐานะดี เมื่อตัวเองไม่ใช่คนที่ถูกเลือกแล้วจะทำอะไรได้ ดีที่สุดก็ได้แค่ทำใจแล้วแสดงความยินดีกับหนุ่มหล่อไปเท่านั้น ทั้งที่ตัวเองอกหักดังเป๊าะ!

“นี่เป็นการอกหักครั้งแรกของผม ตอนนั้นเศร้ามาก ดราม่าสุดๆ อารมณ์ประมาณว่าเห็นฝุ่นยังเศร้าเลย พอฝนตกก็อยากออกไปเดินตากฝนแบบในมิวสิควิดีโอ ผมเรียกร้องความสนใจจากเขา ขนาดลงทุนใช้ปลายปากกากรีดข้อมือ (หัวเราะ) ซึ่งก็ไม่ได้เป็นแผลอะไรหรอก แล้วเอาผ้าก๊อซมาแปะไว้ให้ดูเวอร์ๆ แต่เขาก็ไม่ได้หันกลับมาสนใจ ผมก็เลยคิดได้ แต่ก็ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะหาย เพราะเขาเป็นคนที่ผมชอบและคาดหวังเอาไว้เยอะ หลังจากนั้นผมก็มีความรักอีกหลายครั้ง แต่ก็เป็นฝ่ายอกหักเสียใจมาโดยตลอด”

ไฮแจ๊ค เหมังกร ยอมรับในสิ่งที่เป็นตัวเอง

 

เมื่อก้าวเข้าสู่วัยเลข 3 ไฮแจ๊ค บอกว่า ตอนนี้เขาขอเป็นผู้กำหนดทิศทางของความรักเองว่าควรจะเป็นไปแบบไหน ไม่ใช่คิดว่าตัวเองหน้าตาดีหรืออะไร เพราะเท่าที่ผ่านมาเขาก็อกหักแบบร้อยเปอร์เซ็นต์มาทั้งชีวิต โดนทิ้งบ้าง โดนหลอกบ้าง กลายเป็นบุคคลที่สามโดยไม่รู้ตัวบ้าง สารพัดจะโดน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้เขาดูออกว่า คนที่เข้ามานั้นเป็นคนยังไง บางครั้งเขายังเป็นที่ปรึกษาในเรื่องความรักให้กับเพื่อนๆ ได้ดีเชียวล่ะ

“ทุกวันนี้ผมเลือกที่จะอยู่คนเดียวมากกว่า หากมีคนเข้ามาตอนนี้ก็ขอคบแบบให้มีความสุขก็พอ ผมจะไม่คาดหวังและไม่คิดที่จะครอบครองเขาไว้เลยละ โดยส่วนตัวแล้วไม่อยากมีแฟนแบบจริงจัง เพราะไม่อยากเสียใจหากต้องเลิกรากันไป

ผมคิดว่าการใช้ชีวิตในวัยเลข 3 ต้องมีความสุข ต้องไม่ทำร้ายตัวเอง อะไรที่ทำให้เราไม่มีความสุขผมสามารถตัดฉับได้เลย จะไม่จดจำและไม่เก็บมาคิดให้วุ่นวายใจ เพราะนั่นคือการนำความทุกข์มาใส่ตัว และแปลว่าเราไม่ได้รักตัวเอง” ไฮแจ๊ค เคลียร์คัตชัดเจน

ไฮแจ๊ค เหมังกร ยอมรับในสิ่งที่เป็นตัวเอง

 

แม้จะไม่ได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่เจ้าตัวบอกว่าชีวิตนี้ก็ไม่ได้ขาดเซ็กซ์ เพราะเขาสามารถมีเซ็กซ์กับคนที่เจอแล้วสปาร์กกัน หรือคนที่รู้สึกดีด้วยได้ ซึ่งคนคนนั้นอาจจะไม่ใช่แฟนก็ได้ เพราะตัวเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องลงเอยด้วยการเป็นแฟนกันอยู่แล้ว เพราะการคบหากันขึ้นอยู่กับความพร้อมของคนทั้งคู่มากกว่า เพียงแต่ทุกครั้งที่มีอะไรกับใครก็ต้องเซฟเซ็กซ์ให้ดีๆ

“ทุกวันนี้ผมทำงานเยอะและรู้สึกเหนื่อยมาก บางคนบอกว่าวัยเลข 3 เป็นวัยที่มีความร้อนแรงในเรื่องเซ็กซ์มากที่สุด (หัวเราะ) คนอื่นก็คงคาดหวังจากเราน่ะว่าต้องร้อนแรง ต้องแซ่บ (หัวเราะ) แต่เชื่อมั้ย พอทำงานเสร็จกลับบ้านหัวถึงหมอนผมก็หลับแล้ว ช่วงนี้เลยไม่ค่อยมีเซ็กซ์สักเท่าไร (ฮา) นานๆ จะเกิดขึ้นสักครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและโอกาสเป็นใจมากกว่าครับ”

ไฮแจ๊ค บอกว่า การที่เขาเป็นเกย์ เขาคิดว่าพ่อแม่รับรู้มาโดยตลอด แต่ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะทั้งคู่ทำงานแบงก์ เป็นคนหัวสมัยใหม่ สามารถแยกแยะประเภทของเพศที่สามได้เป็นอย่างดี ถึงแม้คุณพ่อจะเคยพูดว่าไม่ชอบตุ๊ด ไม่ชอบกะเทย แต่กรณีของเขานั้นเป็นเกย์ที่ไม่ได้แสดงออกชัดเจนมากนัก เขาจึงสบายใจส่วนหนึ่งว่าคุณพ่อยอมรับในความเป็นตัวตนของเขาได้

ไฮแจ๊ค เหมังกร ยอมรับในสิ่งที่เป็นตัวเอง

 

“คนที่บอกว่าพ่อแม่ไม่รู้ว่าลูกเป็นอะไรนี่ผมขอเถียงเลย เชื่อเถอะว่าพ่อแม่ทุกคนรู้ว่าลูกเป็นอะไร เพียงแต่ท่านจะพูดหรือไม่พูดเท่านั้น อย่าลืมว่าท่านเลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็ก ได้ใกล้ชิด ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของเรามาโดยตลอด ไม่มีทางที่พวกท่านจะไม่รู้เด็ดขาด

ช่วงที่ผมเรียนจบใหม่ๆ เคยลองมีแฟนเป็นผู้หญิงเพื่อให้พ่อแม่สบายใจ เธอเป็นคนสวย ผมก็ชอบนะ แต่เราคบกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ในที่สุดก็ต้องเลิกรากันไป เพราะอะไรที่ฝืนและไม่ใช่ มันก็ไปต่อไม่ได้”

ไฮแจ๊ค ทิ้งท้ายว่า ทุกวันนี้ไม่ได้ปิดกั้นในเรื่องความรัก แต่ตอนนี้มีความสุขดีที่ได้อยู่กับตัวเอง ตื่นมาแล้วไม่มีภาระอะไร กินไหน เที่ยวไหนก็ได้ ไม่มีใครว่า ถือว่าตอนนี้ชีวิตมีความสุขที่สุดแล้ว ส่วนความคิดเห็นที่มีต่อเพศทางเลือกในยุคนี้ ซึ่งมีความรักที่หลากหลายและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เขาให้ข้อคิดไว้น่าสนใจทีเดียว

“ผมว่าคนเราเมื่อมีความรัก เราอย่าไประบุเพศดีกว่าครับ ถ้าเราเกิดชอบใคร พึงพอใจใคร อยู่กับใครแล้วมีความสุขก็อยู่ไปเถอะ จะชายรักชาย ทอมรักกับกะเทย หรือหญิงรักหญิง ก็ได้ทั้งนั้น แค่ไม่ได้ไปแย่งของคนอื่นมาเป็นใช้ได้ ที่สำคัญวันใดที่หมดรักกันแล้วก็ต้องปล่อยเขาไปอย่างเข้าใจด้วยนะ เพราะมันคือวัฏจักรของชีวิตคน เราต้องอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ และอยู่ให้ดีที่สุดด้วย"

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"