posttoday

พระนางเธอลักษมีลาวัณ

08 มีนาคม 2558

โดย...สมาน สุดโต

โดย...สมาน สุดโต

พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ มีทั้งหมด 5 พระองค์ ได้รับพระราชทานนามใหม่จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 โดยลำดับ

หม่อมเจ้าวรรณวิมล เป็น หม่อมเจ้าวัลลภาเทวี

หม่อมเจ้าวิมลวรรณ เป็น หม่อมเจ้าวรรณีศรีสมร

หม่อมเจ้าพิมลวรรณ เป็น หม่อมเจ้านันทนามารศรี

หม่อมเจ้าวรรณพิมล เป็น หม่อมเจ้าลักษมีลาวัณ

หม่อมเจ้าวัลลีวรินทร์ เป็น หม่อมเจ้าศรีสอางค์นฤมล

ในจำนวน 5 พระองค์นั้น เป็นพระคู่หมั้นของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว 2 พระองค์ คือ หม่อมเจ้าวรรณวิมล เป็น หม่อมเจ้าวัลลภาเทวี ผู้พี่ และหม่อมเจ้าวรรณพิมล เป็น หม่อมเจ้าลักษมีลาวัณ ผู้น้อง แต่ทั้งสองพระองค์ก็มีชะตากรรมเหมือนกัน คือองค์ผู้เป็นพี่สาวถูกถอนหมั้น หลังจากมีพิธีหมั้นไป 3-4 เดือนเท่านั้น ส่วนองค์ผู้เป็นน้องสาว พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงประกาศแยกกันอยู่

หนังสือเรื่อง พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รำลึก เขียนโดย ชาลี เอี่ยมกระสินธ์ุ พิมพ์ที่บริษัท ธรรมสาร ได้พูดถึงรักแรกของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าเป็นสตรีสูงศักดิ์ผู้หนึ่งจาก ตระกูลวรวรรณ ที่เป็นเจ้าหญิงพระองค์แรกที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงสิเน่หา นับว่าเป็นรักแรก ขณะที่พระองค์ท่านทรงมีพระชนมายุ 40 พรรษา สตรีสูงศักดิ์นั้นมีนามว่า หม่อมเจ้าวรรณวิมล หรือท่านหญิงขาว ตามพระฉวีวรรณที่ขาวผ่อง

รักแรกนั้นเกิดที่โรงละคร ในพระราชวังพญาไท สถานที่จัดประกวดภาพเขียนของนักเขียนสมัครเล่น

ในการนี้ หม่อมเจ้าหญิงวัลลภาเทวี พระธิดาของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ในวัย 28 ปี ผู้เลอโฉมได้มาร่วมงานด้วย เมื่อองค์พระประมุขทรงทอดพระเนตรวันแรกก็เกิดสิเน่หาแล้ว จากนั้นหม่อมเจ้าหญิงพระองค์นี้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งถึงวันที่ 9 พ.ย. 2463 พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงประกาศพระราชพิธีหมั้นหม่อมเจ้าหญิงวัลลภาเทวี ที่วังพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงศ์ พร้อมทั้งมีพระบรมราชโองการสถาปนาเป็นพระวรกัญญาปทาน พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี

ผ่านไปเพียง 3-4 เดือน ก็มีประกาศจากสำนักพระราชวังว่า ทรงถอนหมั้นกับเจ้าหญิงผู้เลอโฉมที่เป็นรักแรกเสียแล้ว

พระนางเธอลักษมีลาวัณ พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์อีกองค์หนึ่งที่ทรงพระสิริโฉมยิ่ง มีพระนามว่า หม่อมเจ้าวรรณพิมล วรวรรณ หรือท่านหญิงติ๋ว วัย 22 ปี เป็นน้องสาวของท่านหญิงขาว หรือพระวรกัญญาปทาน พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี ได้เป็นที่สิเน่หาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในเวลาไล่เลี่ยกัน หลังจากทรงประกาศถอนหมั้นเจ้าหญิงองค์พี่

เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2464 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาหม่อมเจ้าลักษมีลาวัณ เป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณ และในวันที่ 8 ก.ย.ปีเดียวกัน มีพระบรมราชโองการให้จารึกพระนามในพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณ พร้อมกับบท
พระราชนิพนธ์อาเศียรวาท

เมื่อ พ.ศ. 2465 โปรดสถาปนาเลื่อนพระอิสริยยศให้ยิ่งขึ้น เป็นพระนางเธอลักษมีลาวัณ

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์
พระบิดา ที่มีประสบการณ์
ทรงนิพนธ์อวยพรในวันประสูติพระธิดา ด้วยคติ 3 บท และ
บทสุดท้ายว่า

ลาภยศเหมือนบทละครเล่น

สัตย์ธรรมนั้นเป็นแก่นสาร

เบื่อเบียนเพียรผดุงปรุงญาณ

เบิกบานกรุณาอารี

พ่อชราไม่ช้าลาสูญ

สุดนุกูลสมรักลักษมี

ฉลาดคนึงพึ่งองค์ จงดี

สมศักดิ์จักรีเกษมพร

พระนางเธอลักษมีลาวัณ เฉลิมพระยศได้เพียงหนึ่งเดือนสิบเก้าวัน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตัดสินพระราชหฤทัย “แยกกันอยู่” ซึ่งยังมิได้อภิเษกสมรสกัน ต่อมาพระองค์เจ้าลักษมีลาวัณก็ได้รับโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น พระนางเธอลักษมีลาวัณ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2465 เสมือนเป็นรางวัลปลอบพระทัย

พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงอภิเษกสมรสกับ พระสุจริตสุดา ธิดาของเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (ปลื้ม สุจริตกุล) เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2464

หลังจากผ่านเหตุการณ์ต่างๆ พระนางเธอลักษมีลาวัณ ก็ทรงพอพระทัยที่จะแยกพระตำหนักไปประทับอยู่ห่างจากเจ้าพี่เจ้าน้อง ทรงงานรื้อฟื้นคณะละครปรีดาลัยของพระบิดา ทั้งนี้หลังการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระนางเธอลักษมีลาวัณถูกลอบปลงพระชนม์เมื่อวันที่29 ส.ค. 2504 สิริพระชนมายุ62 พรรษา ที่พระตำหนักย่านถนนพญาไท ซึ่งผู้ก่อคดีฆาตกรรมคืออดีตคนสวนที่พระองค์ไล่ออก และก่อคดีดังกล่าวด้วยประสงค์ในทรัพย์สินส่วนพระองค์

 

ข่าวล่าสุด

ศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิต “เชษฐ์ปาดัง” เลขานายกปาดังเบซาร์