‘อุษณีย์’ มุมว่างของคนชอบชิม ผันสู่นักธุรกิจอาหาร
ที่มาและที่ไปการแจ้งเกิดของคริสปี้ ครีม ของนักธุรกิจสาว“อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ”
โดย...รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย
ที่มาและที่ไปการแจ้งเกิดของคริสปี้ ครีม ของนักธุรกิจสาว“อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ” ทายาทตระกูลมหากิจศิริ ล้วนเกิดขึ้นจากการชื่นชอบการกิน ชิม อาหาร ซึ่งเป็นมุมว่างที่โปรดปราน จนกระทั่งปลุกปั้นสร้างออกมาเป็นธุรกิจ รวมทั้งกิจกรรมวันว่าง หวังจะเป็นแม่ที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกๆ
อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เคดีเอ็น ผู้บริหารคริสปี้ ครีม โดนัทในไทย เล่าว่า ในช่วงเวลาที่ว่างเว้นจากการทำงานแล้ว ส่วนตัวมีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบกับการทานอาหาร เบเกอรี่ต่างๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยวในไทย รวมทั้งต่างประเทศด้วย เมื่อได้ชิมและรู้สึกชอบจึงมองถึงการทำธุรกิจ เพราะเชื่อว่าการทำธุรกิจอาหารต้องเริ่มจากความชอบของตัวเองก่อน ถ้าเราไม่ชอบและจะให้คนอื่นๆชอบได้อย่างไร
เมื่อมุมว่างรู้สึกสนุกกับการกินอาหาร จึงตัดสินใจซื้อไลเซนส์คริสปี้ ครีม จากอเมริกา นำมาเปิดตัวเมืองไทยกระทั่งประสบความสำเร็จ แจ้งเกิดตลาดโดนัท และขณะนี้กำลังก้าวสู่ปีที่ 5 และเมื่อปีที่ผ่านมาตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ซินนามอน เนื่องจากลูกสาวชื่นชอบและต้องกินทุกวัน และตนเองก็ชื่นชอบด้วย ส่วนเร็วๆ นี้ กำลังจะเปิดตัวร้านอาหารที่สยามพารากอน ภายใต้ชื่อ บูลโกกิ และร้านพายชื่อดังจากออสเตรเลีย โดยตั้งบริษัท คิง ออฟ พัฟ ขึ้นมา
ถามว่าทำไมต้องทำธุรกิจอาหาร เพราะความสุขจากการกินเกิดขึ้นได้ง่าย ในหนึ่งวันสามารถกินอาหารได้ถึง 3 มื้อ เมื่อกินแล้วยังรับรู้ถึงความสุขได้ทันที สามารถแบ่งปันให้กับคนที่เรารัก สร้างรอยยิ้มให้กับคนรอบข้าง ที่สำคัญเป็นธุรกิจแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม คนไทยไม่ต้องบินไปไกลเพื่อไปกินอาหาร เบเกอรี่มีชื่อเสียง แตกต่างจากความสุขจากการช็อปปิ้ง หากอยากได้กระเป๋าสักหนึ่งใบต้องเก็บเงินเพื่อซื้อและต้องดูแลรักษา
“ส่วนตัวเป็นคนทำอาหารไม่เป็นแต่หลังจากเข้าสู่ธุรกิจอาหาร ทำให้ต้องฝึกทำบ้างแม้ว่าขณะนี้จะมีเพียง 2 แบรนด์เท่านั้น แต่เหตุผลที่หันมาทำจริงจังเพราะธุรกิจอาหาร ขึ้นชื่อว่าอร่อย ลูกค้าก็พร้อมจะควักเงินออกมาจ่าย เพราะปัจจุบันคนไทยต้องการอาหารที่ดี มีคุณภาพ ขณะเดียวกันถ้าไทยมีเชนร้านอาหาร หรือเบเกอรี่ดีๆ ก็ทำให้ประเทศทัดเทียมกับประเทศอื่นๆ ได้”
นอกจากวันว่างชื่นชอบการกินอาหาร ด้านหนึ่งของชีวิตด้วยความเป็นคุณแม่ลูก 3 แล้ว จึงต้องแบ่งเวลาว่างให้กับครอบครัว โดยเฉพาะลูกให้มากที่สุด ทุกๆ เช้า เวลา 7 โมงจะทำตัวอย่างให้ลูกๆ เห็น เริ่มตั้งแต่ออกกำลังกาย ซึ่งจะเต้นแอโรบิกทุกเช้าเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ใน 1 สัปดาห์ จะออกกำลังกายในลักษณะดังกล่าว 4 ครั้ง/สัปดาห์ ส่วนศุกร์จะพาลูกๆ ไปว่ายน้ำ ต่อด้วยในช่วงวันหยุดจะพาไปตีเทนนิส รวมทั้งเรียนพิเศษ หรือกระทั่งพาไปสวนสัตว์ เพื่อให้ลูกได้มีกิจกรรมนอกบ้าน
ความตั้งใจจริงวันว่างอยากมีเวลาให้ลูกมากที่สุด ให้สัมผัสกับการออกกำลังกาย เรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว และสิ่งสำคัญลูกต้องเป็นเด็กรักการอ่านหนังสือ ซึ่งจะพาไปร้านหนังสือ 2 ชั่วโมง/ครั้ง เพื่อปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับเด็กๆ ถามว่าจำกัดหนังสือให้ลูกไหม ไม่เลยหากสนใจอะไรก็พร้อมส่งเสริมทันที นอกจากนี้หากมีเวลาจะพาไปเที่ยวทะเล เพราะลูกชอบทะเล สร้างปราสาททราย เป็นกิจกรรมที่ลูกโปรดปราน
แม้ว่าปัจจุบันจะก้าวสู่การเป็นนักธุรกิจเต็มตัว และสนุกกับการทำธุรกิจอาหาร อุษณีย์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันสามีไม่ต้องการทำเราธุรกิจเยอะแยะหรือทำงานหนักมากมาย แต่ต้องการให้เป็นแม่ที่ดี เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกๆ หรือนอกจากเวลาทำงานแล้ว ต้องทุ่มเทเวลาให้กับลูก เพราะทั้งสามคนยังค่อนข้างเด็ก โดยคนโตอายุเกือบ 7 ขวบแล้ว ส่วนคนที่ 2 อายุเกือบ 5 ขวบ และคนที่ 3 อายุ 2 ขวบ
เราสร้างห้องไว้ให้ลูก 1 ห้อง ใกล้กับห้องทำงานของบริษัท เพื่อให้ลูกได้ซึมซับว่า แม่ทำงานหนักแค่ไหนทุกวันนี้ลูกเห็นแม่ทำงานก็มักพูดว่า อยากช่วยแม่ทำงานบ้าง วันนี้จะให้ช่วยทำงานอะไร เมื่อได้ยินก็รู้สึกดีใจ เวลาอยู่บ้านลูกๆ ก็อยากมีส่วนร่วมกับเรา เช่น ช่วยล้างแปรงล้างหน้า ภายในบ้านแบ่งหน้าที่ให้ลูกชัดเจน เช่น หากอยากเลี้ยงปลาแบ่งเวรสลับให้อาหารปลากัน เพื่อฝึกความรับผิดชอบ
แม้ว่าเราอยู่ในตระกูลมหากิจศิริ ทายาทเนสท์กาแฟ แต่ไม่ได้เลี้ยงลูกตามใจมากนัก หากออกไปนอกบ้าน จะมีข้อแม้ว่าเมื่อลูกอยากได้ของเล่นสามารถซื้อได้เพียง 1 ชิ้น/สัปดาห์เท่านั้น นี้คือ ชีวิตมุมว่างๆ และข้อคิด นักธุรกิจสาว“อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ”แจ้งเกิดกับคริสปี้ ครีม ในกลุ่มธุรกิจอาหารได้ด้วยเพราะเกิดจากการชอบกินอาหาร และวันว่างๆ เว้นจากการทำงานทุกลมหายใจ ทุ่มเทให้กับลูกทั้งสามคน


