posttoday

ฝันราคาแพงของ แม่สาย ประภาสะวัต

04 มีนาคม 2558

จำได้ไม่ลืมว่าเคยสัมภาษณ์นักธุรกิจหนุ่มเก่งมากความสามารถในการทำธุรกิจเกินอายุคนนี้ “โจ” แม่สาย ประภาสะวัต

จำได้ไม่ลืมว่าเคยสัมภาษณ์นักธุรกิจหนุ่มเก่งมากความสามารถในการทำธุรกิจเกินอายุคนนี้ “โจ” แม่สาย ประภาสะวัต

เจ้าของธุรกิจติดตั้งแก๊สรถยนต์ Versus Thailand และธุรกิจจอแอลอีดี เมื่อปี 2554 ที่ขณะอายุ 24-25 ก็จะเป็นเจ้าของธุรกิจพันล้านแล้ว ยิ่งหลังจากลงโพสต์ทูเดย์ชื่อเสียงของเขาก็เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายจนฉุดไม่อยู่ สื่อต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ทีวีรายการแล้วรายการเล่าเชิญไปออกรายการสัมภาษณ์ชีวิตและเรื่องธุรกิจ
ไม่หยุดหย่อนจนถึงวันนี้

แม่สาย บอกว่า รถสปอร์ตหรูราคาแพงคือความฝันในวัยเด็ก แต่ไม่น่าเชื่อว่าฝันนั้นของเขาจะเป็นจริงในเวลาอันรวดเร็ว

“แรงบันดาลใจที่เติมใจให้ผมฝันอยากมีรถสปอร์ตเกิดขึ้นในช่วงอายุ 19-20 ปี ขณะเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วันหนึ่งไปเดินเล่นแถวสยามสแควร์ เห็นรถสปอร์ตจอดอยู่ เดินเข้าไปดูใกล้ๆ คิดในใจ รถอะไรมันสวย เท่ โดนใจ ขนาดนี้ ถ้าได้สักคันคงเท่น่าดู

ไม่แค่นั้น หลายวันต่อมาขณะนั่งในโรงอาหารมหาวิทยาลัย มีเบนซ์ SLK-Class มาจอดอยู่หน้าโรงอาหาร ทันทีที่เห็นความรู้สึกอารมณ์เดียวเลย อยากเป็นเจ้าของ” โจ เล่าทั้งรอยยิ้ม

ทว่าทั้งสองเหตุการณ์เป็นเพียงรัศมีที่จุดประกายความฝันให้อยากมีรถ แต่สิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้เขาคิดถึงการเป็นเจ้าของรถจริงๆ คือน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความไม่สบอารมณ์ของพนักงานชายในงานมอเตอร์โชว์

“ตอนนั้นผมนั่งรถเมล์ไปงานมอเตอร์โชว์กับเพื่อน เห็นปอร์เช่สีขาวสวยหรูจอดโชว์อยู่บนแท่น โฮ้...ความรู้สึกเหมือนตกในภวังค์ สวยมาก ก้าวขึ้นแท่นและกำลังเอื้อมมือไปจับ ทันใดนั้น พนักงานคนหนึ่งในมือถือผ้าด้วย ส่งเสียงมาแต่ไกลเหมือนไม่พอใจ น้องๆ อย่าๆ ลงไปๆ มาถึงก็เอาผ้ามาเช็ดรถ ผมงงเลย แค่จับก็ไม่ได้เชียวหรือ ทำไมเราจะมีไม่ได้ มันต้องได้สิ”

โจเล่าต่อว่า วันนั้นเขานั่งรถเมล์กลับ และพูดกับเพื่อนว่าสักวันจะต้องเป็นเจ้าของรถปอร์เช่ให้ได้ แต่เพื่อนที่ไปด้วยฟังแล้วก็หาว่าเพ้อเจ้อ พูดแหย่กันเล่นๆ ขำๆ ประมาณว่าแค่ขับโตโยต้าคัมรี่ก็หรูแล้ว แถมยังแซวต่อ “คัมรี่นั้นแค่ฝัน แต่ปอร์เช่นั้นเพ้อเจ้อ (หัวเราะ) เพื่อนแซวอย่างนั้นเลย”

พออายุ 23 ปี เขาก็เป็นเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่เคย์แมน (Porsche Cayman) สุดเท่สีขาว ราคาประมาณ 10 ล้านบาทสมใจ ซึ่งเขาจำได้ดีถึงวันที่รถมาจอดอยู่หน้าออฟฟิศ

“ตอนนั้นทำธุรกิจติดตั้งแก๊สรถยนต์แล้วและทำมาสองปี ปีแรกอยู่อยุธยา ปีต่อมาย้ายมาแถวทาวน์อินทาวน์ ซึ่งปีที่สอง ผมนำเข้าอุปกรณ์ติดตั้งแก๊สด้วยและธุรกิจรุ่งเรืองมาก ผมเลยออกปอร์เช่ซะเลย จำภาพได้ว่าวันที่เขานำรถมาส่งที่ออฟฟิศ รถอยู่บนรถสไลด์แล้วมันก็ค่อยๆ สไลด์ลงมา โหสวยถูกใจมาก ราคาประมาณ 10 ล้านบาท ตอนนั้นรถยังแพงแต่ต่อมาก็ค่อยๆ ลดลงมาอยู่ที่ 6-7 ล้านบาทอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่จะกลับมาแพงเหมือนเดิมอีก”

นักธุรกิจหนุ่มผู้หลงรักรถสปอร์ต บอกเล่าถึงปอร์เช่คันแรกว่า เป็นรถยนต์นั่งสมรรถนะสูง ที่มีเสน่ห์ สวยดุดันตามสไตล์เยอรมนีและมีความคลาสสิกอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเวลาขับเป็นต้องหลงรัก เขาเล่าต่อว่าใช้งานอยู่ 3 ปี ก็ตัดสินใจเปลี่ยนจากปอร์เช่ เคย์แมน มาเป็นเฟอร์รารีสีแดงที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นรถจีทีคาร์ที่สเปกดีที่สุดในโลก ณ ตอนนั้น

“เครื่องยนต์วี 12 ใหญ่มาก 620 แรงม้า ซึ่งพอๆ กับเครื่องยนต์รถวีออสประมาณ 6 เครื่อง หรือเท่ากับเอาเครื่องยนต์วีออส 6 เครื่องไปยัดในรถคันเดียว แรงม้าเท่ากับรถทัวร์สองคัน ขับสบายนิ่ม ราคา 13 ล้านบาท แรกๆ ขับบ่อย แต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้ขับไปไหนเท่าไหร่”

ส่วนแลมโบร์กินี การาโด้ สีเหลือง โจ บอกว่า ซื้อมาตอนอายุ 24 หลังปีที่ซื้อปอร์เช่สีขาวคันแรก เขาเล่าว่า ตอนนั้นขับปอร์เช่ถ่ายน้ำมันเครื่องที่ศูนย์บริการ ขณะนั่งรอเห็นรถสีเหลืองจอดอยู่รู้สึกชอบเลย และทราบมาว่า ตอนนั้นเจ้าของนำมาขายพอดีเลยขอลองขับ

“โห พอได้ขับ แหมมันรู้สึกตื่นเต้น กลับมานอนไม่หลับเลย (หัวเราะ) อยากได้ ก็เลยติดต่อซื้อ เป็นรถมือสองที่เจ้าของใช้มาได้ประมาณ 2 ปี ราคาลงไปเยอะด้วย เลยซื้อไว้ที่ราคา 15 ล้านบาท จากราคาเดิมประมาณ 21 ล้านบาท ขับไปที่ไหนก็มีแต่คนมอง หน้าตามันไม่เหมือนรถทั่วไปอยู่แล้ว แถมเสียงดังสนั่น วิ่งเกาะถนนดีเยี่ยม นี่คือซูเปอร์คาร์ที่ไม่สามารถหาความรู้สึกแบบนี้จากรถปกติทั่วไปแน่นอน อารมณ์ความรู้สึกจะเหมือนเล่นเกมขับรถที่คันอื่นๆ จอดอยู่เฉยๆ แล้วเราจะวิ่งไหนไปของเราก็ได้”

ปิดท้ายที่ปอร์เช่ สีดำ 4 ประตู เขาบอกว่า เป็นรถที่ใช้ขับเป็นประจำเวลาไปไหนมาไหน ต่างจากรถคันอื่นๆ ตรงที่นั่งได้ 4 คน และมี 4 ประตู อารมณ์ขับจะใกล้เคียงกับรถสปอร์ตถือเป็นรถที่ลงตัวที่สุด ใช้งานเหมือนรถเก๋งทั่วไป แต่เวลาลงจากรถดูดีกว่า เพราะความเป็นปอร์เช่นั่นเอง และราคาอยู่ที่ 12 ล้านบาท

โจ ทิ้งท้ายว่า บัดนี้ความฝันที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเด็กวัยรุ่นเป็นจริงแล้ว แม้เป็นฝันที่ใหญ่มาก แต่เขาก็มีความสุขกับมันดีไม่มีเปลี่ยนแปลง เพราะทั้งหมดมาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองล้วนๆ

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2