วันขึ้นปีใหม่ของจีน
วันที่ 19 ก.พ. 2558 เป็นวันขึ้นปีใหม่ หรือวันแรกของเดือนที่หนึ่งตามปฏิทินจีน
โดย...วรเชษฐ์ บุญปลอด
วันที่ 19 ก.พ. 2558 เป็นวันขึ้นปีใหม่ หรือวันแรกของเดือนที่หนึ่งตามปฏิทินจีน หลายคนอาจสงสัยว่าวันปีใหม่ของจีนกำหนดอย่างไร มีวิธีการคำนวณหรือคาดหมายได้อย่างคร่าวๆ หรือไม่
ปฏิทินที่มีใช้กันอยู่ทั่วโลกโดยอ้างอิงกับตำแหน่งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์บนท้องฟ้า แบ่งได้เป็น 3 ชนิด ได้แก่ ปฏิทินสุริยคติ ปฏิทินจันทรคติ และปฏิทินจันทรสุริยคติ ปฏิทินสุริยคติอ้างอิงกับตำแหน่งดวงอาทิตย์เพียงอย่างเดียว ปฏิทินจันทรคติอ้างอิงกับดิถีของดวงจันทร์เพียงอย่างเดียว ส่วนปฏิทินจันทรสุริยคติอ้างอิงดิถีจันทร์เป็นหลัก แต่มีการปรับแก้เป็นระยะให้สอดคล้องกับฤดูกาลทางสุริยคติด้วย
ปฏิทินสากลที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันเป็นปฏิทินสุริยคติ วันที่ 1 ม.ค. เป็นวันขึ้นปีใหม่ บางปีมี 365 วัน บางปีมี 366 วัน มีการกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ทำให้เฉลี่ยแล้วหนึ่งปียาวนาน 365.2425 วัน ปฏิทินจันทรคติไทยที่ใช้กำหนดวันสำคัญทางพุทธศาสนาจัดเป็นปฏิทินจันทรสุริยคติ คือ กำหนดวันและเดือนด้วยดิถีจันทร์ แต่มีการเพิ่มอธิกมาสและอธิกวารเพื่อให้ใกล้เคียงกับฤดูกาล ส่วนปฏิทินจันทรคติที่อ้างอิงกับดิถีจันทร์เพียงอย่างเดียวพบได้ในปฏิทินอิสลาม หรือปฏิทินฮิจเราะห์
เพื่อใช้ในการเกษตรกรรมบริเวณลุ่มแม่น้ำเหลือง จีนกำหนดฤดูกาลในรอบปีออกเป็น 24 ส่วน โดยแบ่งได้ตามตำแหน่งดวงอาทิตย์บนเส้นสุริยวิถี หรือทางเดินของดวงอาทิตย์ มุมในวงกลมมี 360 องศา แต่ละส่วนจึงเท่ากับ 15 องศา เรียกมุมบนเส้นนี้ว่าลองจิจูดฟ้า โดยลองจิจูด 0 องศา คือตำแหน่งของจุดวสันตวิษุวัต เป็นจุดที่ดวงอาทิตย์โคจรจากซีกฟ้าใต้ขึ้นมายังซีกฟ้าเหนือ ตัดกับเส้นศูนย์สูตรฟ้า และเป็นวันที่กลางวันยาวนานเท่ากับกลางคืน
วันลี่ชุน หรือวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิในปฏิทินจีนตรงกับวันที่ดวงอาทิตย์มีลองจิจูด 315 องศา ซึ่งมักตกในวันที่ 4 ก.พ.ของทุกปี (ขยับไปเป็นวันที่ 3 หรือ 5 ก.พ. ได้ในบางปี) ถัดจากนั้นเป็นวันอวี๋สุ่ย หรือฝนเริ่มตก ตรงกับวันที่ 19 ก.พ. ถัดไปเป็นวันจิงเจ๋อ หรือช่วงที่สัตว์เลิกจำศีลหลังสิ้นฤดูหนาว ตรงกับวันที่ 6 มี.ค. แล้วจึงเป็นวันชุนเฟิน หรือวสันตวิษุวัต ตรงกับวันที่ 21 มี.ค. เป็นต้น ซึ่งการแบ่งช่วงของฤดูกาลเช่นนี้ได้แพร่ไปใช้ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกอื่นๆ ด้วย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม
ปฏิทินจีนจัดเป็นปฏิทินจันทรสุริยคติเช่นเดียวกับปฏิทินจันทรคติไทย แต่มีการกำหนดวันและเดือนให้สอดคล้องกับดวงจันทร์จริงบนท้องฟ้า และสอดคล้องกับฤดูกาลที่แบ่งเป็น 24 ส่วนข้างต้น ในอดีตการคำนวณเวลาจันทร์ดับของแต่ละเดือนจะคำนวณตามเวลาท้องถิ่นบนเส้นลองจิจูดของปักกิ่ง (116.4 องศาตะวันออก) แต่หลังจากจีนเริ่มใช้เวลามาตรฐานตามเขตเวลาบนลองจิจูด 120 องศาตะวันออก ซึ่งเร็วกว่าเวลาสากล 8 ชั่วโมง การคำนวณเวลาจันทร์ดับสำหรับปฏิทินจีนจึงอ้างอิงกับเวลาตามลองจิจูดนี้ (เร็วกว่าเวลามาตรฐานประเทศไทยอยู่ 1 ชั่วโมง)
การกำหนดวันขึ้นปีใหม่หรือเทศกาลตรุษจีนจะดูจากดิถีจันทร์และวันลี่ชุน (3-5 ก.พ.) เราจะพบว่าวันตรุษจีนในแต่ละปีจะตรงกับจันทร์ดับ (ตามเวลาประเทศจีน) โดยต้องเป็นจันทร์ดับที่อยู่ใกล้วันลี่ชุนมากที่สุด การที่เดือนจันทรคติยาวนาน 29 หรือ 30 วัน วันขึ้นปีใหม่ของจีนจึงต้องตกอยู่ในวันใดวันหนึ่งในช่วงวันที่ 21 ม.ค.-21 ก.พ. ไม่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และไม่เกิดขึ้นหลังจากนี้
เดือนในปฏิทินจันทรคติของจีนมี 2 แบบ คือ เดือนที่มี 30 วัน เรียกว่าเดือนยาว กับเดือนที่มี 29 วัน เรียกว่าเดือนสั้น ปฏิทินจีนไม่ได้กำหนดจำนวนวันในแต่ละเดือนไว้ตายตัวแบบปฏิทินจันทรคติไทย แต่ขึ้นอยู่กับดวงจันทร์จริงตามการคำนวณทางดาราศาสตร์ ซึ่งนับว่ายืดหยุ่นกว่าปฏิทินไทย ไทยกำหนดให้จำนวนวันในแต่ละเดือนมี 29 และ 30 วัน สลับกัน โดยเดือนที่เป็นเลขคู่มี 30 วัน เรียกว่าเดือนเต็ม เดือนที่เป็นเลขคี่มี 29 วัน เรียกว่าเดือนขาด (ยกเว้นปีที่มีอธิกวาร เดือน 7 มี 30 วัน)
อันที่จริงช่วงปีนี้เราจะเห็นตัวอย่างของความคลาดเคลื่อนในดิถีจันทร์ของปฏิทินไทยได้ค่อนข้างชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ตัวอย่างเช่น จันทร์ดับเดือนนี้ตรงกับวันที่ 19 ก.พ. แต่ปฏิทินไทยระบุว่าเป็นวันขึ้น 2 ค่ำ, วันที่ 4 เม.ย. เป็นวันเพ็ญ เกิดจันทรุปราคาเต็มดวง แต่ปฏิทินไทยตรงกับแรม 1 ค่ำ เป็นต้น ซึ่งการคลาดเคลื่อนเช่นนี้มีให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ มาโดยตลอด คือ มีทั้งช่วงที่ตรงและช่วงที่คลาดเคลื่อนสลับกัน ไม่ได้ตรงและไม่ได้คลาดเคลื่อนเสมอไป
การที่ 12 เดือนจันทรคติยาวนาน 354 วัน ต่างจากจำนวนวันในรอบปีสุริยคติอยู่ 11 หรือ 12 วัน สิ่งที่เราจะพบได้อีกอย่างหนึ่ง คือ วันขึ้นปีใหม่จีนในปีถัดไปจะขยับเร็วขึ้นประมาณ 11 วัน จากปีก่อนหน้า (อาจเป็น 10 วัน หรือ 12 วัน ก็ได้ ขึ้นอยู่กับดิถีจันทร์ว่าวันใดตรงกับจันทร์ดับตามเวลาประเทศจีน) ดังนั้นจึงคาดหมายได้ว่า พ.ศ. 2559 วันขึ้นปีใหม่จีนจะตรงกับวันที่ 8 ก.พ. และถัดไปใน พ.ศ. 2560 วันขึ้นปีใหม่จีนจะตรงกับวันที่ 28 ม.ค. เป็นต้น หลังจากนั้นหากถอยแล้วไปตกอยู่ก่อนวันที่ 21 ม.ค. แสดงว่าระหว่างนั้นต้องมีอธิกมาส และให้เปลี่ยนเดือนของวันปีใหม่นั้นเป็นเดือน ก.พ.
ทั้งหมดนี้เป็นหลักที่ใช้คาดหมายวันปีใหม่ของจีน หรือวันแรกของเดือนที่ 1 ในปฏิทินจีนได้แม่นยำพอสมควร
หมายเหตุ : การเรียกวันขึ้นปีใหม่ของจีนว่าวันตรุษจีนตามที่เราคุ้นเคยกันในปฏิทิน พบว่าไม่ถูกต้องตามหลักภาษา เพราะคำว่าตรุษในภาษาไทย หมายถึงวันสิ้นปี ดังที่พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานอธิบายว่า ตรุษไทยตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 4 (ในสมัยที่กำหนดให้วันขึ้นปีใหม่ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5) ดังนั้นแท้จริงแล้วคำว่าตรุษจีน หมายถึงเทศกาลที่ครอบคลุมหลายวัน
หลังดวงอาทิตย์ตกจะเห็นดาวศุกร์เป็นดาวสว่างเด่นบนท้องฟ้าทิศตะวันตก ต้นสัปดาห์ดาวอังคารอยู่สูงกว่าดาวศุกร์เล็กน้อย สว่างน้อยกว่าดาวศุกร์หลายเท่า ดาวศุกร์และดาวอังคารอยู่ในกลุ่มดาวปลา ทั้งคู่กำลังเคลื่อนเข้าใกล้กันมากขึ้นทุกวัน อยู่ใกล้กันภายในระยะ 1 องศา ตลอดช่วงวันที่ 20-23 ก.พ. โดยจะเข้าใกล้กันที่สุดในคืนวันอาทิตย์ที่ 22 ก.พ. ที่ระยะ 0.4 องศา หรือใกล้กว่าขนาดปรากฏของดวงจันทร์เต็มดวงเล็กน้อย
นอกจากดาวศุกร์ทางทิศตะวันตกยังมีดาวพฤหัสบดีเป็นดาวสว่างเด่นอยู่ทางทิศตะวันออก ดาวพฤหัสบดีอยู่ในกลุ่มดาวปู สามารถสังเกตได้จนถึงเช้ามืด โดยดาวพฤหัสบดีจะอยู่สูงเหนือศีรษะในเวลา 5 ทุ่มครึ่ง จากนั้นเคลื่อนต่ำลง ตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกในเวลาประมาณ 6 โมงเช้า
ดาวพุธและดาวเสาร์อยู่บนท้องฟ้าให้สังเกตได้ดีที่สุดในเวลาเช้ามืด ดาวเสาร์อยู่ตรงส่วนหัวของกลุ่มดาวแมงป่อง ขึ้นเหนือขอบฟ้าตั้งแต่ตี 1 จากนั้นอยู่สูงทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่าง ดาวพุธทำมุมห่างดวงอาทิตย์มากขึ้นจนสังเกตได้ใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันออก อยู่ในพื้นที่ของกลุ่มดาวแพะทะเล ค่อนไปทางกลุ่มดาวคนยิงธนู
ต้นสัปดาห์เป็นปลายข้างแรมจันทร์เสี้ยวอยู่บนท้องฟ้าทางทิศตะวันออกในเวลาเช้ามืด ดวงจันทร์อยู่สูงเหนือดาวพุธในเช้ามืดวันที่ 17 ก.พ. ห่างกันที่ระยะ 4 องศา หลังจันทร์ดับในวันที่19 ก.พ. ดวงจันทร์จะย้ายไปอยู่บนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำ วันที่ 20 ก.พ. จันทร์เสี้ยวอยู่ต่ำกว่าดาวศุกร์และดาวอังคารที่เห็นอยู่เคียงกัน วันที่ 21 ก.พ. ดวงจันทร์เคลื่อนสูงขึ้นโดยอยู่เหนือดาวทั้งสองที่ระยะ 6 องศา


