วิถีไทย 5,000 ปี บ้านเชียง
อย่าเพิ่งเบื่อคำว่า “ท่องเที่ยววิถีไทย” เพราะไม่ว่าอย่างไรเราก็หนีความเป็นวิถีไทยไม่พ้น แม้ว่าที่แห่งนั้นจะเป็นแหล่งโบราณคดี “บ้านเชียง”
โดย...แรมสองค่ำ
อย่าเพิ่งเบื่อคำว่า “ท่องเที่ยววิถีไทย” เพราะไม่ว่าอย่างไรเราก็หนีความเป็นวิถีไทยไม่พ้น แม้ว่าที่แห่งนั้นจะเป็นแหล่งโบราณคดี “บ้านเชียง” ที่บอกเล่าวิถีไทยสมัยก่อนประวัติศาสตร์เมื่อ 5,000 ปีที่แล้วก็ตาม
ไม่ต้องย้ำแล้วว่าแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงถูกขึ้นเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) เพราะเป็นเรื่องที่คนไทยทราบมาตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2535 แต่หลักฐานที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ใต้ดินนั้นบอกอะไรแก่เราบ้างเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
ภาชนะดินเผาและเครื่องมือโลหะที่ขุดค้นพบได้เปลี่ยนแนวคิดของนักวิชาการประวัติศาสตร์ ที่เชื่อว่าวัฒนธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ล้าหลังกว่าภูมิภาคอื่นๆ เพราะภูมิปัญญาการประดิษฐ์ถือว่าเป็นงานฝีมือระดับสูงและมีวิธีการทำเป็นของบ้านเชียงโดยเฉพาะ มิได้รับอิทธิพลมาจากจีนหรืออินเดียแต่อย่างไร
แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงบอกเราว่า ชาวบ้านเชียงเริ่มตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชนเกษตรกรรมตั้งแต่ 5,600 ปีมาแล้ว มีการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และล่าสัตว์ไม่ต่ำกว่า 4,000 ปี สืบจากเครื่องมือล่าสัตว์ที่ทำจากสำริดที่แสดงให้เห็นด้วยว่าชาวบ้านมีการแลกเปลี่ยนกับชุมชนอื่น เพราะในพื้นที่บ้านเชียงเองไม่มีทองแดงและดีบุกซึ่งเป็นส่วนผสมของสำริดอยู่ นอกจากนี้ชาวบ้านรู้จักเลี้ยงควายเพื่อใช้งาน โดยศึกษาจากกระดูกเท้าควายที่มีลักษณะผิดปกติจากการกดทับ จึงทำให้ทราบว่าชาวบ้านรู้จักการทำนาในที่ลุ่มและไถนาเมื่อ 3,000 ปีมาแล้ว และราว 2,000 ปีชาวบ้านเชียงรู้จักใช้เหล็ก เช่น หัวขวาน หอก เคียว และมีด ที่ได้มาจากการแลกเปลี่ยนกับชุมชนอื่นเช่นกัน
ส่วน ไหลาย เครื่องปั้นดินเผาอันเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเชียง มีประวัติศาสตร์ที่สามารถแบ่งได้เป็น 3 ยุค ได้แก่ สมัยต้นอายุ 3,000-5,600 ปี เนื้อดินเป็นสีดำ มีลายเชือกทาบที่สันนิษฐานว่าเป็นปอกัญชา ลายขูดขีด ลายกดทับ สมัยกลางอายุ 2,300-3,000 ปี เริ่มมีดินเผาสีขาวและการขีดสีแดง และสมัยปลายอายุ 1,800-2,300 ปี มีลวดลายซับซ้อนและสวยงามที่สุดใน 3 ยุค ซึ่งเป็นต้นแบบการทำไหลายบ้านเชียงมาจนถึงปัจจุบัน
ลวดลายประกอบด้วยลายเส้นโค้งเป็นหลัก ลายเส้นซับซ้อนแต่มีความต่อเนื่อง ซึ่งหากสังเกตที่แหล่งขุดค้น วัดโพธิ์ศรีใน จะยังเห็ดลวดลายบนไหอยู่ หลุมขุดค้นทางโบราณคดีวัดโพธิ์ศรีใน
อยู่ห่างจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง 500 เมตร เป็นแหล่งขุดค้นพบโครงกระดูกและเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งเป็นหลักฐานชี้ชัดว่า ภาชนะดินเผาไม่เป็นเพียงแค่เครื่องใช้ แต่ยังเป็นสิ่งที่แสดงถึงความอาลัยแก่บุคคลที่ล่วงลับ โดยนำภาชนะวางไว้ข้างศพให้ผู้ตายไว้ใช้ในภพหลังความตาย
ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี จะเต็มไปด้วยไหอีกครั้งในงานมรดกโลกบ้านเชียงที่จะจัดขึ้นในวันที่ 13-15 ก.พ. 2558 บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง ร่วมชมพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษ ขบวนแห่อารยธรรมมรดกโลก การแสดงศิลปวัฒนธรรมอีสานชาวไทพวนบ้านเชียง และถนนคนเดินที่มีทั้งอาหาร ของที่ระลึก และไหลาย
แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงเป็น 1 ใน 5 มรดกโลกของไทย ซึ่งในไทยมีมรดกโลก 2 ประเภท คือ มรดกโลกทางวัฒนธรรม 3 แห่ง ได้แก่ เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง มรดกโลกทางธรรมชาติ 2 แห่ง ได้แก่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง และผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ซึ่งล่าสุดทะเลฝั่งอันดามันไทยถูกนำเสนอต่อที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาและนำส่งไปยังยูเนสโก จากนั้นยูเนสโกจะส่งทีมงานมาตรวจสอบซึ่งใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1-2 ปี หากได้รับการขึ้นทะเบียน ทะเลอันดามันจะเป็นมรดกโลกทางทะเลแห่งแรกของไทย
ทั้งนี้ แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติที่อยู่ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น รอนำเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลกแล้วอีก 4 แห่ง ได้แก่ ปราสาทหินพิมายและเส้นทางวัฒนธรรม ปราสาทหินพนมรุ้งและปราสาทเมืองต่ำ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท กลุ่มป่าแก่งกระจาน และวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช


