posttoday

ใหม่ เจริญปุระ ความทรงจำที่ยังงดงาม

18 มกราคม 2558

บางครั้งการที่เราได้มีโอกาสนั่งกินข้าวกับซูเปอร์สตาร์ในร้านอาหารที่บรรยากาศดีๆ เราก็นึกครึ้มอยากให้ซูเปอร์สตาร์ท่านนั้นได้ย้อนเวลากลับไปเล่าเรื่องเก่าๆ ให้เราฟัง ซึ่งด้วยความที่ซูเปอร์สตาร์ที่ชื่อ ใหม่ เจริญปุระ เธอไม่ถือตัว เลยยินดีและเต็มใจบอกเล่าเรื่องราวเก่าๆ ให้เราฟัง โดยเฉพาะจุดเปลี่ยนจากดารามาเป็นนักร้อง

บางครั้งการที่เราได้มีโอกาสนั่งกินข้าวกับซูเปอร์สตาร์ในร้านอาหารที่บรรยากาศดีๆ เราก็นึกครึ้มอยากให้ซูเปอร์สตาร์ท่านนั้นได้ย้อนเวลากลับไปเล่าเรื่องเก่าๆ ให้เราฟัง ซึ่งด้วยความที่ซูเปอร์สตาร์ที่ชื่อ ใหม่ เจริญปุระ เธอไม่ถือตัว เลยยินดีและเต็มใจบอกเล่าเรื่องราวเก่าๆ ให้เราฟัง โดยเฉพาะจุดเปลี่ยนจากดารามาเป็นนักร้อง

เล่าไป ยิ้มไป หัวเราะไปอย่างมีความสุข

                “ใหม่เข้าวงการเล่นหนังตอนอายุ 15 ปี เล่นหนังมาจนอายุ 18 ปี เล่นมาแล้วสิบกว่าเรื่อง ก็เริ่มรู้สึกว่าการเป็นดาราเป็นนางเอกหนังมันช่างเหนื่อยยาก ทำงานเจ็ดโมงเช้ายันเที่ยงคืนเรื่องหนึ่ง เที่ยงคืนไปถึงเที่ยงวันอีกเรื่องหนึ่ง จะหลับไม่หลับแหล่ กินลิโพก็แล้วอะไรก็แล้ว ก็รู้สึกอิ่มตัว เริ่มเบรกดาวน์ เลยตัดสินใจออกจากบริษัท พีดี โปรโมชั่น ของ อ.ไพจิตร ศุภวารี ซึ่งเป็นคนปลุกปั้นและเป็นแบ็กอัพใหม่มา”

ต่อมาใหม่เริ่มคุยกับที่บ้านเรื่องไปเรียนต่อที่อังกฤษ “พอดีมีละครเวทีติดต่อเข้ามา เป็นละครเด็ก เรื่อง บ้านไร่แสนสุข เล่นกับพี่ตั้ว-ศรัณยู วงษ์กระจ่าง เป็นละครเพลงด้วย เราแอบคิดว่าจะเล่นได้เหรอ แต่พอมาคิดๆ ดู ก่อนหน้าที่จะเบรกดาวน์เราก็เคยเล่นหนังที่ได้ร้องเพลงในหนังด้วย อย่างหนังที่เล่นกับ พี่แหลม มอริสัน เรื่อง วัยร็อคเพลงร้อน อีกทั้งพอหนังเรื่องนี้ออกฉาย เราก็เคยไปร้องเพลงจากหนังในที่ที่หนึ่ง แล้วไปเจอพี่เล็ก-บุษบา ดาวเรือง พอดี แกไปทำธุระแถวนั้นกับทีมงานแกรมมี่นี่แหละ ดวงชะตาคงพาให้เรามาเจอกัน หลังจากร้องเพลงเสร็จเราก็ลงไปไหว้พี่เล็ก พี่เล็กถามว่าเราชอบร้องเพลงเหรอ อยากร้องเพลงจริงจังไหม มาลองคุยกันที่แกรมมี่ได้นะ ประจวบเหมาะกับเราเคยเล่นหนังกับ พี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ พี่เบิร์ดก็เคยชวนเข้าแกรมมี่ เพราะเห็นหน่วยก้านเราดี พี่เบิร์ดยังเคยแย็บๆ กับแม่ว่า ถ้าน้องสนใจบอกเบิร์ดได้ เราก็เพิ่งรู้ตอนนั้นว่าพี่เบิร์ดกับพี่เล็กเขาทำงานด้วยกัน ทำอยู่ที่เดียวกันนั่นคือแกรมมี่”

หลังจากกลับมาบ้าน ใหม่ก็ได้ไปปรึกษาคุณแม่ของเธอว่าเรียนร้องเพลงดีไหม เผื่อจะได้มีโอกาสก้าวไกลมากกว่านี้ “แม่เลยส่งใหม่ไปเรียนร้องเพลงกับครูฟิลิปปินส์ท่านหนึ่ง พอถึงจุดหนึ่งก็ลองร้องเพลงใส่เทป อัดซ้ำอัดทับจนได้เทปที่คิดว่าพร้อมจะเอาไปให้พี่เล็กฟังที่แกรมมี่ ก็เลยติดต่อพี่เล็กไป พี่เล็กก็นัดให้มาเจอกันที่แกรมมี่ พอไปถึงแกรมมี่พี่เล็กกลับติดประชุม รอเป็นชั่วโมง แกก็บอกให้เอาไปให้ พี่เต๋อ-เรวัต พุทธินันทน์ ฟัง เราก็เอาวะให้พี่เต๋อฟังก็ได้ เราก็รอพี่เต๋ออีกเป็นชั่วโมง แกก็บอกให้เอาไปให้ พี่บูลย์-ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ฟัง เราก็รออีกเป็นชั่วโมง พอพี่บูลย์ว่างเขาก็ให้เข้าไปในห้องเพื่อฟังเสียงของเรา พอเขาฟังปุ๊บ แกก็ถามว่าเซ็นสัญญากันไหม เราก็รู้สึกว่ามันง่ายจัง ฟังแค่เพลงเดียวให้เซ็นสัญญาเลยเหรอ ทั้งๆ ที่เราร้องใส่เทปไปให้ห้าหกเพลง เลยขอกลับไปปรึกษาแม่ก่อน เพราะตั้งตัวไม่ทัน พอไปปรึกษาแม่ ไปปรึกษาพี่เบิร์ด พี่เบิร์ดก็เชียร์ ก็เลยตัดสินใจเซ็นสัญญา”

หลังจากนั้นใหม่ได้เรียนร้องเพลงกับ นิ่ม สีฟ้า และป๋อง-อรรณพ จันสุตะ “จากนั้นพี่บูลย์ก็ให้เราเฟดออกจากการเป็นดารา ช่วงนั้นเราดันเล่นรับละครเรื่อง อีพริ้งคนเริงเมือง เราเลยต้องเล่นละครเรื่องนี้ให้เสร็จ แล้วก็เรียนร้องเพลงไปเรื่อยๆ จากนั้นจึงลุยทำเพลงจนเกิดเป็นอัลบั้ม ใหม่ ไม้ม้วน ขึ้นมา”

หากใครอยู่ในยุค 1980 เชื่อมต่อยุค 1990 คงพอจำได้ว่า ตอนนั้นเริ่มมีข่าวออกมาว่าจะมีดารามาร้องเพลง “คนก็เริ่มคาดเดาว่าต้องเป็น ใหม่ สิริวิมล แน่ๆ (ตอนนั้นยังใช้ชื่อนี้อยู่) พี่ๆ นักข่าวก็ฟันธงว่าไปไม่รอดหรอก เสียงก็ใหญ่ ขายความเป็นดาราแน่ๆ เดี๋ยวก็็็จอด ตายตายตาย เทปยังไม่ทันออกเทป ทำไมโดนเละขนาดนี้ พอเทปจะวางพี่เล็กเป็นกังวลมาก แกลากใหม่ไปคุยที่บันไดหนีไฟ แล้วถามใหม่ว่าร้องเพลงได้แน่นะ ใหม่ก็บอกว่าได้สิพี่ เทปจะวางแผงพรุ่งนี้แล้ว แกก็บอกใหม่ว่า ไหนลองร้องให้ฟังซิ ใหม่ก็เลยร้อง อาจจะเป็นทุกข์ อาจจะผิดหวัง ให้แกฟัง แกเห็นว่าเราร้องได้ แกก็บอกว่าเอาให้ดีนะแกเอาใจช่วย (หัวเราะ)”

หลังจากอัลบั้มชุดแรกวางแผง เทปของ ใหม่ เจริญปุระ ก็ปลุกวงการเพลงด้วยเสียงของเธอที่ใหญ่ สาก เพลงทยอยฮิตติดหูทีละเพลงสองเพลง หลังจากนั้นเธอก็ได้รับรางวัลจากสถาบันต่างๆ คนฟังเริ่มรักเริ่มเมตตาเอ็นดูและเธอก็สอบผ่านมาได้จากตรงนั้น

“จนมาถึงอัลบั้มที่สาม ความลับสุดขอบฟ้า ปรากฏว่าอัลบั้มนี้ขายได้สองล้านห้า ตอนนั้นใหม่อยู่อียิปต์กำลังถ่ายเอ็มวีเพลงกันอยู่ เจ้านายก็โทรมาบอกว่าไม่ว่าร้านขายเทปที่ไหน แบบว่าขายถล่มทลายหงายเก๋ง ทั้งๆ ที่เพลงปล่อยออกไปไม่กี่เพลง ตอนนั้นอายุ 25 ปี ก็ภูมิใจมาก ภูมิใจกับนักลงทุนที่เลือกเราแล้วไม่เจ๊ง พอมาวันนี้แทบจะเป็นนักร้องคนเดียว ที่ทำยอดขายได้มากมายขนาดนั้น”

จากความสำเร็จขั้นสูงสุดในวันนั้น ชีวิตของผู้หญิงชื่อใหม่กลับต้องพลิกผันผจญภัยกับข่าวต่างๆ นานาจนต้องเฟดหายออกจากวงการไป แต่เธอก็กลับมาใหม่พร้อมอัลบั้มอีกมากมายหลายชุด รวมทั้งขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ แสดงภาพยนตร์และละคร เป็นคอมเมนเตเตอร์รายการประกวดร้องเพลงและทำธุรกิจของตัวเอง

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่ว่าเธอจะย้อนเวลาเล่าเรื่องราวเก่าๆ ให้เราฟังอีกกี่รอบ เชื่อว่าเรื่องราวเหล่านี้ก็ยังสดใหม่เสมอ และเผลอๆ อาจเป็นเรื่องราวที่เล่าเมื่อไหร่คนเล่าและคนฟังก็มีความสุขได้เมื่อนั้น...ตลอดกาล

ข่าวล่าสุด

หลีกหนีความวุ่นวาย ฉลองปีใหม่สุดหรูบนเกาะส่วนตัวที่ นาคา ไอแลนด์