posttoday

สัมผัสแห่งทอง

14 มกราคม 2558

ตามตำนานกรีก เรื่องของ พระราชา Midas กษัตริย์พระองค์หนึ่งที่ปกครองนครไฟร์เกีย พระองค์เป็นราชโอรสของ พระเจ้ากอดิอุส โดยไมดาสทรงได้รับราชสมบัติต่อจากพระราชบิดา ซึ่งในเวลานั้นนครไฟร์เกียเป็นหนึ่งในนครที่มั่งคั่งและรุ่งเรืองที่สุดนครหนึ่งด้วยพระปรีชาสามารถในการบริหารปกครองของพระเจ้ากอดิอุสวันหนี่ง พระเจ้าไมดาสเสด็จประพาสยังริมฝั่งแม่น้ำซานการิอัสและได้พบชายชราขี้เมาผู้ หนึ่งถูกมัดนอนกลิ้งอยู่กับพื้น พระองค์จึงเข้าไปช่วยแก้มัดให้ชายผู้นั้น

ตามตำนานกรีก เรื่องของ พระราชา Midas กษัตริย์พระองค์หนึ่งที่ปกครองนครไฟร์เกีย พระองค์เป็นราชโอรสของ พระเจ้ากอดิอุส โดยไมดาสทรงได้รับราชสมบัติต่อจากพระราชบิดา ซึ่งในเวลานั้นนครไฟร์เกียเป็นหนึ่งในนครที่มั่งคั่งและรุ่งเรืองที่สุดนครหนึ่งด้วยพระปรีชาสามารถในการบริหารปกครองของพระเจ้ากอดิอุสวันหนี่ง พระเจ้าไมดาสเสด็จประพาสยังริมฝั่งแม่น้ำซานการิอัสและได้พบชายชราขี้เมาผู้ หนึ่งถูกมัดนอนกลิ้งอยู่กับพื้น พระองค์จึงเข้าไปช่วยแก้มัดให้ชายผู้นั้น

ทว่าชายคนนั้นคือ ไซเลนนัส พระอาจารย์ของเทพไดโอนีซุส เทพเจ้าแห่งไวน์และการเฉลิมฉลอง โดยในวันนั้น ไซเลนนัสที่กำลังเมาไวน์ได้ที่ เกิดพลัดกับขบวนของเทพไดโอนีซุสและได้ไปพบกับพวกชาวนาเข้า พวกชาวนามีความเชื่อว่า หากเจอไซเลนนัสตอนกำลังเมาให้จับตัวเขามัดไว้ โดยในขณะที่ถูกมัดนั้น จะสามารถถามเรื่องในอนาคตจากไซเลนนัสได้หลังจากกษัตริย์ไมดาสทรงช่วยไซเลนนัสเอาไว้ เทพไดโอนีซุสก็เสด็จมาถึง พระองค์ทรงโปรดปรานไมดาสเป็นอันมากที่ช่วยพระอาจารย์ของพระองค์ จึงทรงออกปากว่าจะให้พร Midas หนึ่งข้อตามแต่จะขอ

เมื่อได้ยินดังนั้น กษัตริย์ Midas ก็ลืมองค์ปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำ จึงทรงขอพรที่แปลกประหลาดที่สุด โดยทรงขอแก่เทพไดโอนีซุสว่าขอให้ทุกสิ่งที่ตนสัมผัสนั้นกลายเป็นทองคำทั้งหมดเมื่อพระราชา Midas สัมผัสสิ่งใด สิ่งนั้นก็จะกลายเป็นทอง มาถึงยุคปัจจุบัน สัมผัสของ Midas กลายเป็นสำนวนหมายถึง การทำให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดผลกำไรงอกเงยขึ้นมา

จากข้อมูลของ World Gold Council ระบุว่า ความต้องการทองคำในแง่มูลค่าอยู่ที่ 236,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ความต้องการเครื่องประดับในแง่ปริมาณกลับลดลงร้อยละ 3 จากปี 2011 นั่นเพราะว่าราคาที่เพิ่มขึ้นของทองคำสูงขึ้นทุกปี และในสถานการณ์เช่นนี้ จึงเป็นโอกาสให้เงินสเตอร์ลิงในฐานะของโลหะมีค่าได้ออกมาโดดเด่นไม่แพ้กับทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่นำทองคำมาอยู่ในเครื่องประดับที่ผ่านการออกแบบอย่างงดงาม โดยงานที่เรียบง่ายและพบเห็นได้มากที่สุดนั่นคือ เครื่องประดับชุบทอง หรือที่รู้จักกันในชื่อ เวอร์มิล (Vermeil)

เวอร์มิล (Vermeil) คือเครื่องประดับเงินสเตอร์ลิงบริสุทธิ์ (ใช้เป็นวัสดุหลัก) และชุบด้วยทองคำอย่างน้อย 10 กะรัต ที่มีระดับความหนาอย่างน้อย 2.5 ไมครอน และส่วนที่สำคัญและขาดไม่ได้ของเวอร์มิลนั่นคือ การจับคู่แบบตรงไปตรงมาในกลุ่มเครื่องประดับเงินที่ใช้ทองคำแท้เป็นองค์ประกอบเสริมหรือองค์ประกอบหลักในการตกแต่ง ซึ่งทำให้เวอร์มิลแตกต่างจากทองชุบปกติทั่วไป

ปัจจุบันการออกแบบเครื่องประดับเงินสเตอร์ลิงและเวอร์มิลได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ทำให้มีนักออกแบบเครื่องประดับมากมายหันมาสนใจและออกแบบเครื่องประดับประเภทนี้มากขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้วที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันจะเป็นเครื่องประดับแนววินเทจที่สื่อให้ผู้สวมใส่รู้สึกถึงความเป็นอิสระและเสรี ด้วยรูปแบบของดอกไม้ ใบไม้ โดยบางครั้งนักออกแบบได้มีการเติมอัญมณี เพื่อช่วยเพิ่มประกายความสดใสและสร้างสีสันให้แก่เวอร์มิลชิ้นนั้นๆ ด้วย โดยพลอยที่นำมาใช้นั้นก็เช่น โรโดไลต์ ซิทริน แอเมทิสต์ ควอตส์สีควันบุหรี่ รวมทั้งการประดับมุกสีต่างๆ ลงไป นอกจากนี้ขนาดของชิ้นงานส่วนใหญ่ มักมีขนาดค่อนข้างใหญ่และเน้นความสะดุดตา ซึ่งนี่ถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเครื่องประดับเวอร์มิล

สำหรับในเอเชียและสหรัฐเครื่องประดับเวอร์มิลที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ตอนนี้ เป็นเครื่องประดับเงินสเตอร์ลิงที่นำทองสีชมพูมาผสมผสานในแบบสองสี ซึ่งมีความหนาตั้งแต่ 1-5 ไมครอน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้สวมใส่ที่มีกำลังทรัพย์แตกต่างกันไป ซึ่งเมื่อเปลี่ยนสีทองมาเป็นทองชมพู อัญมณีที่นำมาเคียงคู่กับเครื่องประดับก็ย่อมต้องเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในรูปแบบของเครื่องประดับวินเทจแล้ว การหยิบควอตซ์สีชมพูมาใช้ จึงดูกลมกลืนที่สุด เพราะเป็นการผสมผสาน สีสันโดยให้อัญมณีและโลหะที่ใช้อยู่ในโทนสีเดียวกันและกลุ่มสีเดียวกัน

ข่าวล่าสุด

สยามพิวรรธน์คว้า 2 รางวัลโลก พร้อมเปิด NEXTOPIA สยามพารากอน