posttoday

วัดโพธิ์ วัดตั้งต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

04 มกราคม 2558

หากมีใครสักคนชวนคุณไปเที่ยววัดโพธิ์ หรือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

หากมีใครสักคนชวนคุณไปเที่ยววัดโพธิ์ หรือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร นั้นเชื่อว่าสิ่งแรกที่ทุกคนคิดก็คือไปนวดแผนไทยอย่างแน่นอน แต่เราจะบอกว่าวัดโพธิ์นั้นมีอะไรที่มากกว่าการนวด ตั้งแต่ความสำคัญในฐานะวัดประจำรัชกาลที่ 1 เป็นแหล่งรวมสรรพวิชาในกาลก่อนที่น่าจะเปรียบได้ในระดับมหาวิทยาลัยในโลกปัจจุบัน และมีพระพุทธไสยาสน์ที่งดงามที่สุดแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ประดิษฐานอยู่ ณ ที่แห่งนี้

พระมหาเจดีย์ 4 รัชกาลกับจารึกศิลาแพทย์แผนโบราณ

วัดโพธิ์แห่งนี้เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก สร้างโดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนาวัดโพธารามเดิม เป็นวัดหลวงข้างพระบรมมหาราชวัง ซึ่งในสมัยนั้นมีวัดเก่าที่ขนาบพระบรมมหาราชวังอยู่ 2 วัดก็คือ วัดสลัก ปัจจุบันคือวัดมหาธาตุ และวัดโพธาราม ปัจจุบันคือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ทรงให้ขุนนางเจ้าทรงกรมช่างสิบหมู่ บูรณปฏิสังขรณ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2331 ใช้เวลาราว 7 ปีเศษ จึงโปรดเกล้าฯ ให้มีการเฉลิมฉลองเมื่อปี พ.ศ. 2344 พระราชทานนามใหม่ว่า “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาศ” และเปลี่ยนมาเป็น “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม” ในสมัยรัชกาลที่ 4

วัดโพธิ์ วัดตั้งต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

 

ซึ่งมีบันทึกไว้ว่าในช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ 1-4 ทรงให้กรมช่างสิบหมู่ ช่างวังหลวง วังหน้า ที่เชี่ยวชาญศาสตร์และศิลปกรรมต่างๆ ทุ่มเทผลงานทั้งหมดไปกับการบูรณปฏิสังขรณ์วัดโพธิ์ให้เป็นวัดพระอารามหลวงที่เต็มไปด้วยงานศิลปกรรมชั้นครู และให้จารึกวิชาความรู้ในศาสตร์การแพทย์แผนโบราณต่างๆ อยู่ทั่ววัด ซึ่งเราจะเห็นได้จากแผ่นป้ายศิลาจารึกข้อความตามเสาวิหารและอาคารต่างๆ ในบริเวณวัดที่เริ่มลบเลือนไปบ้าง

ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงรับสั่งให้แพทย์หลวงตรวจชำระแปลตำราแพทย์จากภาษาบาลี สันสกฤต เป็นภาษาไทยจัดเป็นหมวดหมู่และทำรูปเล่มอย่างเป็นทางการตามหลักสากล กลายเป็นตำราแพทยศาสตร์สงเคราะห์ ที่ยังคงมีการเรียนการสอนจนถึงปัจจุบัน และด้วยความที่พระเจ้าแผ่นดินทั้ง 4 พระองค์นั้นร่วมกันบูรณะวัดพระเชตุพน จึงทรงมีแนวคิดสร้างพระมหาเจดีย์เพื่อเป็นพุทธบูชา ภายในวัดโพธิ์จึงปรากฏพระมหาเจดีย์ 4 รัชกาล โดยองค์กระเบื้องเคลือบสีเขียวชื่อว่า พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชญดาญาณ ภายในมีพระศรีสรรเพชญ์ เป็นพระพุทธรูปยืน บรรจุพระบรมธาตุ เป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1

วัดโพธิ์ วัดตั้งต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

 

พระมหาเจดีย์องค์กระเบื้องเคลือบสีขาว ชื่อว่า พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิทาน สร้างโดยรัชกาลที่ 3 ทรงพระราชอุทิศถวายแด่พระบรมราชชนก รัชกาลที่ 2 จึงนับเป็นมหาเจดีย์แห่งองค์รัชกาลที่ 2 และในรัชสมัยเดียวกันทรงสร้างพระมหาเจดีย์องค์กระเบื้องเคลือบสีเหลือง มีชื่อว่า พระมหาเจดีย์มุนีบัตบริขาร ถวายอุทิศเป็นพุทธบูชา นับเป็นพระมหาเจดีย์ประจำพระองค์ รัชกาลที่ 3

สุดท้ายคือพระมหาเจดีย์องค์กระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินเข้ม** เป็นพระมหาเจดีย์ที่รัชกาลที่ 4 ทรงสร้างขึ้นตามแบบพระเจดีย์ศรีสุริโยทัย จึงมีชื่อว่า พระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัยสร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

วัดโพธิ์ วัดตั้งต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

 

แต่พระมหาเจดีย์องค์นี้สร้างเสร็จไม่ทันในรัชสมัยของพระองค์ เมื่อครั้นใกล้จะเสด็จสวรรคตได้มีพระราชดำรัสเฉพาะกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ว่า “พระเจดีย์วัดพระเชตุพนฯ นั้นกลายเป็นใส่คะแนนพระเจ้าแผ่นดินไป ถ้าจะใส่คะแนนอยู่เสมอจะไม่มีที่สร้าง ควรจะถือว่าพระเจ้าแผ่นดินทั้ง 4 พระองค์นั้นท่านได้เคยเห็นกัน จึงควรมีพระเจดีย์อยู่ด้วยกัน ต่อไปอย่าให้ต้องสร้างทุกแผ่นดินเลย” นับแต่นั้นจึงไม่มีพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลต่อจากนั้นอีกเลย

มงคล 108 แห่งพระพุทธไสยาสน์ และตำนานยักษ์วัดโพธิ์

สำหรับคนที่มาครั้งแรกเราแนะนำว่าหลังจากเข้าวัดแล้วให้เดินเวียนขวา โดยเริ่มตั้งแต่สักการะพระวิหารพระพุทธไสยาสน์เป็นที่แรก พระพุทธไสยาสน์องค์นี้ เป็นพระนอนใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ด้วยทรงมีพระราชดำริว่าที่วัดพระเชตุพนนี้ มีพระพุทธรูปครบทุกปางหลักแล้วขาดแต่ปางไสยาสน์ จึงทรงให้ช่างกรมช่างสิบหมู่หล่อพระพุทธรูปที่มีฝีมือที่สุดในยุคสมัยนั้นสร้างพระพุทธไสยาสน์ มีพุทธลักษณะงดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ในบรรดาพระพุทธรูปปางไสยาสน์ของประเทศไทย โดยเฉพาะศิลปะการประดับมุกภาพมงคล 108 ประการ ที่ฝ่าพระบาททั้งสองข้าง เป็นรูปมงคล 108 ภาพประดับอยู่บนฝ่าพระบาท ซึ่งโดยปกติมงคล 108 จะใช้กับรอยพระพุทธบาท แล้วจึงจารึกมงคล 108 ประการลงไป แต่ด้วยเป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่เปิดฝ่าพระบาทอย่างชัดเจน ช่างจึงสามารถใส่มงคล 108 เพิ่มความเป็นสิริมงคลลงไปได้อย่างบริบูรณ์อย่างงดงามที่สุด 

วัดโพธิ์ วัดตั้งต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

 

หลังเดินออกจากพระวิหารแล้วทางด้านขวามือเราจะเห็นสวนมิสกวัน และพระมหาเจดีย์ 4 รัชกาล ซึ่งเราสามารถแวะเข้าไปสักการะได้ตามสะดวก แต่ที่อยู่ใกล้กันก็คือ ยักษ์วัดโพธิ์ซึ่งหลายคนคงเคยได้ยินตำนานการสู้ระหว่างยักษ์วัดโพธิ์และยักษ์วัดแจ้งจนเกิดเป็นตำนานท่าเตียนกันบ้างแล้ว แต่เรื่องราวจริงๆ ก็คือ ยักษ์วัดโพธิ์นี้เพิ่งสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 เริ่มจากทรงรื้ออสูรเฝ้าประจำประตูทั้ง 4 แล้วนำตุ๊กตาศิลาจีนมาตั้งวางไว้แทน และได้โปรดให้หล่อรูปยักษ์ขนาดเล็ก สูงประมาณ 175 ซม. จำนวน 8 ตน ตั้งไว้ที่ทางเข้าหอไตร ที่ซุ้มประตูทั้ง 4 ด้าน ด้านละ 1 คู่ ทำหน้าที่พิทักษ์รักษาหอพระไตรปิฎก

ตามประวัติที่บันทึกไว้กับทางวัดก็คือเมื่อครั้งทำระเบียงพระมหาเจดีย์ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีการรื้อซุ้มประตูออกไป 2 ซุ้ม ปัจจุบันจึงปรากฏรูปยักษ์อยู่เพียง 2 คู่ คือ ไมยราพณ์กับแสงอาทิตย์ อยู่ที่ประตูด้านติดกับสวนจระเข้ และพญาขรกับสัทธาสูร อยู่ที่ประตูด้านติดกับพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ โดยซุ้มเดิมที่ถูกรื้อไปคือ ทศกัณฐ์กับสหัสเดชะอยู่ที่ประตูด้านพระมหาเจดีย์ 4 รัชกาล และอินทรชิตกับสุริยภพอยู่ที่ประตูด้านศาลาราย จากเดิมที่เราคิดว่าเป็นยักษ์ตัวใหญ่ๆ จากหนังสือเรียนเมื่อได้มาเห็นของจริงก็ดูเล็กกว่าที่คิดไปเยอะเลยทีเดียว

วัดโพธิ์ วัดตั้งต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

 

ถัดจากนั้นเมื่อเราเดินเวียนขวาไปเรื่อยๆ ก็ยังพบรูปปั้นฤาษีดัดตน และแผ่นศิลาจารึกโคลงสี่สุภาพ ประดับอยู่ตามศาลารายกระจายโดยทั่วไปเป็นจุดให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ ว่ากันว่าแต่เดิมรูปปั้นฤาษีดัดตนมีการปั้นประดับไว้ถึง 80 ท่า แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 24 ท่าเท่านั้น

วัดโพธิ์ที่สุดแห่งการนวดแผนไทย

จากนั้นเดินไปทางทิศตะวันออกตามแนวกำแพงสีขาวขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นแนวกำแพงแก้วรายล้อมพระอุโบสถ ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธเทวปฏิมากร ซึ่งใต้ฐานบรรจุพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชไว้ ให้ลูกหลานชาวไทยได้กราบไหว้ ความเป็นมาของพระพุทธเทวปฏิมากรนี้ แต่เดิมเป็นพระประธานอยู่ที่วัดคูหาสวรรค์ ฝั่งธนบุรี เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสร้างวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม พระองค์ได้ทรงเลือกหาพระพุทธรูป ที่มีพุทธลักษณะงามสมควรเป็นพระประธานในพระอุโบสถของวัด จึงได้พบและเลือกพระพุทธรูปองค์นี้มาประดิษฐานไว้ และมีพระราชประเพณีสืบมาว่า เมื่อมีการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยทางสถลมารค (ทางบก) ต้องเสด็จประทับ ณ พระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม แล้วทรงกระทำสักการบูชาพระพุทธเทวปฏิมากรสืบมาทุกรัชกาล

วัดโพธิ์ วัดตั้งต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

 

พอออกจากพระอุโบสถก็ปิดท้ายกันที่ส่วนของการนวดแผนไทยที่อยู่ตรงประตูพระอุโบสถด้านทิศตะวันออกหรือประตูพระโลกนาถพอดี

นวดแผนไทยนี้มีลูกค้าต่อคิวใช้บริการค่อนข้างมากถึงขนาดต้องรอรับบัตรคิวกันเลยทีเดียว ส่วนหมอนวดนั้นก็จะเป็นนักเรียนนวดแผนไทยของทางโรงเรียนแพทย์แผนโบราณ และการนวดแผนโบราณ ที่นิยมก็เห็นจะเป็นนวดฝ่าเท้าที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินชมจนเมื่อยขา จึงเป็นการปิดท้ายการเที่ยวชมวัดโพธิ์อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

วัดโพธิ์ วัดตั้งต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

 

ข่าวล่าสุด

4 หน่วยงานลุย "สะพานสมุย" พ่วงน้ำ-ไฟ-เน็ต แก้ปัญหาระยะยาว