รุ่นใหญ่หัวใจเก๋ ชีวิตเท่ๆ ที่ไม่โรยแรง
ชายผู้มีหนวดสีดอกเลารกครึ้มคนนี้ แม้วัยจะล่วงเลยชีวิตหนุ่มมานานโข แต่เขากลับเป็นถึงสไตล์ไอคอนตัวพ่อที่ถ่ายแบบลงปกนิตยสารแฟชั่นมาแล้วนักต่อนัก
โดย...พงษ์ พริบไหว ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
ชายผู้มีหนวดสีดอกเลารกครึ้มคนนี้ แม้วัยจะล่วงเลยชีวิตหนุ่มมานานโข แต่เขากลับเป็นถึงสไตล์ไอคอนตัวพ่อที่ถ่ายแบบลงปกนิตยสารแฟชั่นมาแล้วนักต่อนัก ทั้งยังมีรสนิยมดีสุดโต่งในการแต่งเนื้อแต่งตัวแนวสตรีทแวร์ เรียกได้ว่าเดินไปไหนมาไหนมีแต่คนเหลียวมองในความเปรี้ยวจี๊ดกับลุคสุดแนว ป๋าตึก-ภูษิก พัฒนปราการ คือมนุษย์ที่หยุดอายุตัวเองไว้เพียงวัยหนุ่ม แม้อายุตามบัตรประชาชนจะเลยวัยแซยิดมาหลายปี แต่ป๋าตึกในวันนี้ดูหนุ่มสดใสกระปรี้กระเปร่า
ย้อนไปชีวิตของป๋าตึกที่ผ่านมาเรียกได้ว่า กว่าจะชราวัยเขาต้องระหกระเหเร่รอนหอบลูกเมียไปแสวงโชคชะตาที่ต่างประเทศ ก่อนจะได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขเหมือนทุกวันนี้ แกต้องทำงานสารพัด เริ่มจากเด็กล้างจานมาจบที่การเป็นนักธุรกิจค้ารังนกนางแอ่น
“ด้วยอายุที่มาก ตอนนี้ป๋าก็เกษียณตัวเองแล้ว อีกทั้งลูกๆ ก็โตมีการมีงานทำกันหมดเลี้ยงตัวเองได้ ป๋าก็ไม่ต้องคิดเรื่องของการทำธุรกิจอะไรมาก เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่พอมีเวลาปล่อยวางแล้ว ชีวิตเลยได้ใช้กับเรื่องที่สนใจมากขึ้น คือป๋าเป็นคนแปลกอย่างตอนนี้สนใจเรื่องศาสนาและเรื่องของแฟชั่น วันๆ ชีวิตก็จะอยู่แค่นั้นตื่นมาดูทีวีก็จะดูแต่ช่องแฟชั่นกับช่องที่เกี่ยวกับศาสนา ยิ่งมีเวลาแบบนี้ยิ่งหนักเลย เช้ามาก็อยู่กับเรื่องพวกนี้แล้ว อย่างเรื่องของศาสนาป๋าเองก็ศรัทธาและใช้ศาสนานำทางไปสู่ความสำเร็จ ฉะนั้นจึงเชื่อเรื่องพวกนี้มาก วันไหนว่างก็จะเข้าวัดสวดมนต์ ก็ไปวัดมันทั้งชุดแบบนี้นี่แหละ”
ป๋าตึกแกเชื่อว่าศาสนาสอนให้รู้จักคิดเรื่องของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ซึ่งจุดนี้ยังพอเข้าใจได้ว่าเรื่องศาสนากับคนสูงวัยนั่นคู่กัน แต่เรื่องของแฟชั่นล่ะ มันเข้ามามีอิทธิพลหรือคุณค่าอะไรในชีวิตของคนศึกษาธรรมะอย่างป๋าตึก ซึ่งเจ้าตัวก็เล่าด้วยน้ำเสียงติดตลกเช่นเคย
“ศาสนาสอนไว้ว่าการเกิดเป็นมนุษย์มันยากนะ เพราะฉะนั้นตอนวัยรุ่นป๋าก็ใช้ให้มันเต็มที่สิ แต่อย่างทุกวันนี้ป๋ามองดูเพื่อนนะ คนที่ใช้ชีวิตแบบป๋าตายไปเกือบหมดก็ตกใจ ยิ่งคนที่ทำธุรกิจเครียดๆแล้วสูบบุหรี่เยอะๆ นี่ไม่เหลือเลย (ทำหน้าตกใจกว่าเดิม) ให้ตายสิยิ่งป๋ามีลูกมันก็ทำให้ป๋าคิดใหม่แล้วว่าจริงๆ ชีวิตเรามันไม่ต้องใช้เต็มที่กับทุกสิ่งก็ได้ ปล่อยวางบางอย่างไปบ้างอย่างเรื่องเที่ยวบ้าๆ บอๆ หรือสูบบุหรี่ ป๋าก็ต้องละและปล่อยวางความเพลินให้ได้ ซึ่งสิ่งที่ยังปล่อยวางตอนนี้ไม่ได้เลยคือเรื่องของการแต่งตัวเรื่องของแฟชั่น ซึ่งจริงๆ แล้วป๋าว่ามันดีนะเพราะมันยังเหลือสิ่งที่ทำแล้วเพลินอยู่บ้าง ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อว่าไอ้แฟชั่นมันทำให้เราได้เป็นนายแบบ (หัวเราะ) แล้วพาให้ไปพบเจอคนที่หลากหลายวัย สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องของการใช้ชีวิตที่มีความสุข
“คือชีวิตคนเรามันก็จะเป็นช่วงๆ นะ เด็กควรทำอะไร กลางคนควรทำอะไร แล้วบั้นปลายชีวิตควรทำอะไร ป๋ายังโชคดีที่ได้มีชีวิตอยู่ในช่วงปลาย แล้วรู้ว่าตัวเองต้องการใช้อะไรเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ อย่างเรื่องของแฟชั่นมันไม่มีหยุดนิ่ง เราผ่านชีวิตมาเยอะเป็นคนแต่งตัวมาตั้งแต่เด็กซึ่งแฟชั่นมันทำให้เราไม่หยุดนิ่ง เราเลยต้องทำให้เรามีสไตล์อยู่ตลอดเวลา (หัวเราะ) เพราะเรารู้ว่าอายุเท่านี้คงจะไปทำอย่างอื่นที่เท่ๆ ไม่ได้แล้ว ซึ่งสุดท้ายไอ้สิ่งที่เราละความเพลินไม่ได้อันนี้ มันก็ทำให้เราเป็นที่รู้จักไปทั่วไม่ใช่แต่ในเมืองไทยนะในต่างประเทศด้วย มันก็เป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่คนแก่พอจะหาได้ แล้วยิ่งชอบชีวิตในวัยนี้มากขึ้น เพราะป๋ายังคงตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็นแฟชั่นที่เปลี่ยนไปทุกยุคทุกสมัย ซึ่งมันก็ทำให้เราไม่เครียดแล้วทำให้มีความสุขกับชีวิตที่พระเจ้าให้มา”
หลังพูดจบป๋าตึกเอาแต่หัวเราะให้กับช่วงเวลาปั้นปลายก่อนกล่าวทิ้งท้ายให้ฟังว่า
“ถ้าจะพูดเรื่องคนชราที่มีความสุข คนก็มักจะพูดเรื่องปรัชญาเยอะไปหมด แต่ป๋าบอกไว้เลยว่าหากจะแก่มาแล้วมีความสุขได้มันต้องมีเงิน ต้องมีประสบการณ์ชีวิตเยอะ คือคนรุ่นหลังเขาก็ไม่ค่อยใส่ใจหลอกในเรื่องนี้ ซึ่งวัยรุ่นก็มีเยอะที่เข้ามาพูดกับป๋าว่าแก่ไปจะใช้ชีวิตแบบเรา ป๋าก็จะบอกเลยว่า คุณจะใช้ชีวิตเก๋ๆ ได้ คุณต้องเป็นคนที่ฉลาด ต้องเป็นคนรู้จักเรียนรู้ ต้องมีการศึกษาที่ดี แล้วเอาสิ่งเหล่านั้นไปหาเงินมาใช้ชีวิตเก๋ๆ ในบั้นปลาย คือคุณลองคิดดูนะว่าตอนเราแก่เราจะต้องป่วยต้องใช้เงินรักษา หรือวันไหนไปนั่งวิปัสสนาอยู่ แล้วลูกๆ มาขอเงิน มันก็จะมีความสุขได้ยังไงเล่า อย่างป๋าได้ใช้ชีวิตแบบนี้ ถ้าทุกวันนี้หัวใจป๋ามันโอเค ถึงแม้จะตายป๋าก็ยังยิ้ม”
นอกจากเรื่องของเงินทองป๋าตึกมักจะบอกเสมอว่า เรื่องของการรักษาสุขภาพเองก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่คนชราหัวใจหนุ่มเสมอเช่นเขากลับเลือกที่จะรักษาหัวใจให้เป็นสุขมากเสียกว่าเรื่องอื่นใดที่คนวัยเดียวกันจะเลือกทำ เพราะสุดท้ายแล้วนั่นคือทุกสิ่งที่ป๋าตึกใช้จ่ายไปอย่างมีความสุข


