ดอกไม้ป่า สิ่งเล็กน้อย-มหาศาล
สิ่งที่คาดการณ์ได้ยากที่สุดในการชมดอกไม้ป่าคือ“ดอกไม้ป่า” เพราะวันนี้มี แต่พรุ่งนี้มันอาจแห้งตายไปแล้ว
สิ่งที่คาดการณ์ได้ยากที่สุดในการชมดอกไม้ป่าคือ“ดอกไม้ป่า” เพราะวันนี้มี แต่พรุ่งนี้มันอาจแห้งตายไปแล้ว ธรรมชาตินั้นเหนือการควบคุม ดูอย่างฤดูหนาวที่เราเฝ้าคอยจนคิดว่ามันคงไม่มา ก็ยังมาให้พอเพรียกหาความอบอุ่นจากคนข้างๆ
ราววันขึ้น 15 ค่ำแรกของเดือน ธ.ค. ดอกไม้ป่าในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ยังชูช่อดอกอาบแสงจันทร์ (เวลานี้มันอาจล้มตายไปบ้าง เพราะไม่มีน้ำเทวดาเลี้ยง) นิสัยของพวกมันจะขึ้นเกาะกลุ่มกันบนลานหินที่ชุ่มชื้น ที่พบมากคือ กระดุมเงิน หรือที่ชาวอีสานเรียกว่า หญ้าหัวหงอก เพราะดอกจะเป็นทรงกลมเล็กสีขาว ดุสิตา หรือหญ้าข้าวก่ำน้อย พืชกินแมลงสีม่วงสด ลำต้นตรงมีดอกขึ้นเป็นชั้นสลับตามแนวดิ่ง สร้อยสุวรรณา หรือเหลืองพิศมร ดอกเล็กสีเหลืองกลีบพลิ้วไหวตามแรงลม ทิพเกสร หรือหญ้าสีฝอยเล็ก กลีบดอกสีม่วงรูปทรงคล้ายตัวนก มีจุดสีเหลือง 2 จุดประหนึ่งดวงตา อ้นแดง ดอกสีชมพูบานเย็น เกสรแทงยาวเย้ายวนแมลง หยาดน้ำค้างลำต้นสีแดงแตกแขนงกิ่งก้านหงิกงอ ทั้งต้นมีหยดน้ำเหนียวดักจับแมลง จอกบ่วาย มักขึ้นตามที่ชุ่มน้ำใกล้ดงดอกไม้ป่า ลักษณะเป็นถ้วยกลมแบนติดพื้น สีแดง มีขนและหยดน้ำเล็กๆ ไว้จับแมลง และอีกหลายชนิดที่ทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เรียกว่า “ดอกหญ้า” แต่ก็มีศักดินาเท่าดอกไม้ป่าเฉกเช่นต้นอื่นๆ
ทุ่งดอกหญ้า
วนอุทยานแห่งชาติน้ำตกผาหลวง
ทีแรกที่ได้ยินว่ามีทุ่งดอกไม้ป่าแห่งใหม่ ณ วนอุทยานแห่งชาติน้ำตกผาหลวง อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี ก็ตื่นเต้นดีใจ คิดไว้ว่าจะเป็นผู้บุกเบิกเส้นทางให้คนคอเดียวกันมาตามรอย ที่ไหนได้เส้นทางนี้มีคนมาถึงก่อนและดูเหมือนมาถึงนานแล้วเสียด้วย เพราะทางขึ้นเขาถูกทำเป็นขั้นบันไดให้เดินสะดวก และมีการทำป้ายบอกทางไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน ที่นี่น่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวมานานโข แต่ยังไม่ได้รับการประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จัก ทำให้ทุ่งดอกไม้ป่าเป็นที่รู้จักกันในวงเจ้าหน้าที่วนอุทยานฯ และผองเพื่อน
วนอุทยานแห่งชาติน้ำตกผาหลวง แน่ว่าต้องมีน้ำตกผาหลวงเป็นจุดสำคัญ แต่ในเวลานี้มันถูกเมินเฉย เพราะสายน้ำไหลน้อยเท่าฝักบัว สิ่งดึงดูดใจจึงเปลี่ยนไปที่ดอกไม้บนลานหินด้านบนมากกว่า ทางขึ้นเขาใช้เวลาปีนบันไดหินราวครึ่งชั่วโมง ชันตลอดทาง บนเขาเป็นลานหินกว้าง โดยมีจุดชมทุ่งดอกไม้ป่า 2 จุดใหญ่ จุด 1 อยู่ถัดจากโบกนกยูง เป็นลานหินที่มีแอ่งน้ำเป็นหย่อมๆ ส่วนใหญ่เป็นดอกดุสิตา กระดุมเงิน และสร้อยสุวรรณาตามริมน้ำ จุด 2 ห่างออกไปประมาณ 20 นาที มีป้ายบอกชัดเจนว่าเป็น “ทุ่งดอกหญ้า” เป็นทุ่งกว้างสีม่วงแกมขาวซึ่งเกิดจากดอกดุสิตาสีม่วง และกระดุมเงินสีขาว บางส่วนเป็นเฉดเหลืองจากสร้อยสุวรรณา
พวกมันเหมือนพรมปูพื้นขนาดใหญ่ที่เกิดจากเส้นใยเล็กๆ นับแสนถักทอรวมเป็นผืนเดียว เวลาที่สายลมปลิวมามันก็พลิ้วตามอย่างอ่อนโยน อาจกล่าวได้ว่าพวกมันคือสิ่งมีชีวิตที่มีสีสันและมีชีวิตชีวาที่สุดแล้วบนเขาที่มีแต่หินลูกนี้
การชมดอกไม้ต้องมีเจ้าหน้าที่วนอุทยานฯ พาขึ้น เพราะแม้ว่าจะมีป้ายบอกทางว่าไปทางไหน แต่นั่นก็เป็นป้ายเดียวที่มี หนทางที่เหลือไม่มีป้ายนำทาง และทางบนนั้นมองไปทางไหนก็เป็นลานหินเหมือนกันหมด ที่สำคัญคือ ทางขึ้นและทางลงคนละทางกัน ที่จริงขึ้นและลงทางเดียวได้ แต่จะพลาดชมจุดชมวิวกองหินสูง 304 เมตร และไม่ได้สักการะวัดป่าผาผึ้งภูหลวงที่อยู่ตีนเขาอีกด้านหนึ่งของหมู่บ้านนาเลิน (จุดขึ้น)
วนอุทยานแห่งชาติน้ำตกผาหลวงอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงภูโหล่น มีเนื้อที่ประมาณ 1.1 หมื่นไร่ มีทุ่งดอกไม้ป่าประมาณ 10 ไร่ บานช่วงปลายฝนต้นหนาว และกล้วยไม้ป่าในกลุ่มช้างน้าวและสิงโตที่ระดับความสูง 392 เมตร
ดอกไม้ป่าแปลงที่ 3 อุทยานแห่งชาติผาแต้ม
ดอกไม้ป่าบนอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ถูกบรรจุเป็น 1 ใน 22 เส้นทางสายดอกไม้ทั่วประเทศไทยภายใต้โครงการดรีม เดสทิเนชั่น 2 ปี 2558 โดยระบุไว้ว่าต้องไปชมในเดือน ต.ค. แต่เรื่องของดอกไม้ยากเกินจะเจาะจงอย่างในปีนี้ที่กว่าฝนจะทิ้งฟ้าก็ล่อเข้าไปเดือน ธ.ค.ดอกไม้ป่าบนผาแต้มจึงเผยโฉมเมื่อปลายเดือน พ.ย. และจะอยู่ไปอีกนานแค่ไหนไม่มีใครรู้
ดอกไม้ป่าบนผาแต้มมีหลายแปลง แต่ที่แนะนำในช่วงนี้คือ แปลงที่ 3 ยังมีให้ชื่นชม แม้จะไม่มากเป็นทุ่งกว้างแต่ก็เป็นแปลงใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นดอกดุสิตา หยาดน้ำค้าง สร้อยสุวรรณา กระดุมเงิน จอกบ่วาย มีดาวกระจายและนกกระจิบขึ้นแซมบ้าง ต้องสังเกตให้ดี แต่แขกรับเชิญที่ไม่ต้องสังเกตก็เห็นคือหมู่มวลผึ้งที่บินหึ่งๆ ดอมดอกนู้นทีดอกนี้ที มันจะมาแยะช่วงเช้าก่อนความร้อนจะไล่ให้กลับรัง นักท่องเที่ยวจึงต้องระวังอย่าไปยุ่งเวลาสุนทรีย์ของพวกมัน
นอกจากแปลงดอกไม้ป่า อุทยานแห่งชาติผาแต้ม หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ผต.1 (สร้อยสวรรค์) ยังมีดีที่น้ำตกสร้อยสวรรค์นั้นเอง ภาพของน้ำตกสร้อยสวรรค์ที่ทำเป็นป้ายโฆษณา เป็นม่านน้ำตกไหลปิดผาหินเป็นริ้วสวยงาม แต่เวลานี้เหลือสายเดียวแต่ก็ยังไหลแรง ไม่แล้งไปสักทีเดียว สายน้ำยังหนาแน่นพอให้เห็นรุ้งกินน้ำ และยังมีชั้นน้ำตกลดหลั่นพอให้จินตนาการถึงสร้อยสวรรค์ในโฆษณา
ทุ่งกระดุมเงิน วารินชำราบ
โซเชียลเน็ตเวิร์กทำให้ทุ่งดอกกระดุมเงินที่หนองหญ้าม้า อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี กลายเป็นสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งไปในเวลาอันรวดเร็ว
หนองหญ้าม้า คือหนองน้ำที่เมื่อไม่มีน้ำก็มีแต่ดอกกระดุมเงินขึ้นพรึ่บ ขนาดพื้นที่ไม่กล้าประมาณจากสายตา แต่สามารถอธิบายได้ว่าสุดลูกหูลูกตาของคนสายตาปกติ กระดุมเงินครองพื้นที่ทั้งหนอง ทำให้เมื่อมองจากไกลๆ แผ่นดินทั้งผืนกลายเป็นสีขาวขุ่นสั่นกระดุกกระดิกตามแรงลม แต่หากเข้ามาใกล้ก็จะเห็นช่องว่างและดินแห้งกรัง และถ้าเข้ามาประกบชิดถึงหัวหงอกจะเห็นแมลงเต่าทองปีกสีส้มเงาวับกำลังแทะกินดอกสีขาวแบบกินทิ้งกินขว้าง
สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวแต่มันกำลังจะเป็น เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุบลราชธานี ทราบว่ามีสถานที่แห่งนี้ เพราะมีสมาคมช่างภาพเข้ามาถ่ายภาพแล้วนำขึ้นเฟซบุ๊ก จึงเข้ามาสำรวจและนำเสนอเป็นแหล่งชมดอกไม้แหล่งใหม่ใน อ.วารินชำราบ วันที่เข้าไปดูตามคำชวนของ ททท. มีนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งยกโขยงครอบครัวมาเที่ยวพอดี จึงได้ถามไถ่ว่าทราบได้อย่างไร เขาตอบ “คนงานที่บ้านบอกมา” คนงานคนนั้นมีบ้านอยู่แถวหนองหญ้าม้า และเห็นมันเป็นเรื่องธรรมดา
ตอนนี้ยังไม่มีป้ายบอกทางใดๆ บ่งชี้ว่าหนองหญ้าม้าอยู่ที่ใด แต่ชาวบ้านแถวนั้นคงกำลังแปลกใจว่าคนต่างถิ่นมาทำอะไรบนทุ่งหญ้าที่ถ้าไปเกิดบนแปลงนาต้องรีบไถกลบพวกนี้
สิ่งเล็กๆ แต่มีมากมายสร้างความสุข เล็กน้อยแต่มหาศาล เหมือนตัวมัน ดอกไม้ป่าหรือจะเป็นดอกหญ้าไม่ใช่ดอกไม้จรจัดแต่อย่างใด ทว่าเป็นดอกไม้ที่มอบความอ่อนโยนและสร้างความละมุนให้จิตใจโดยที่ไม่ต้องจัดช่อหรือลงแจกัน


