ณัฏฐนันท์ คุณาจิระกุล จิตวิญญาณนำสู่เป้าหมาย

โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์

สงสัยว่าทำไมนักบริหารรุ่นใหม่ที่ยังสาวและยังสวยอย่าง ณัฏฐนันท์ คุณาจิระกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพลินใจกรุ๊ป บริษัทพัฒนาอสังริมทรัพย์รายใหญ่แห่งจังหวัดระยอง เจ้าของโครงการในเครือเพลินใจและเดอะ เพรสทีจ จึงให้ความสนใจกับเรื่องจิตวิญญาณเป็นพิเศษ เจ้าตัวตอบว่า “อ๋อ! เพราะตอนเด็กๆ เจอผีบ่อยค่ะ” คนถามถึงกับร้องว่า หา! อะไรนะ

เรื่องเจอผีบ่อยของณัฏฐนันท์ หรือ สุกี้ เป็นอันรู้กันดีระหว่างคนในครอบครัวคุณาจิระกุลด้วยกันเอง เพราะเท่าที่ฟังก็เหมือนจะ “โดน” ได้เห็นได้สัมผัสกันถ้วนทั่ว ลงว่าเป็นผี ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเจอ แต่เชื่อหรือไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า เรื่องผีๆ ของสุกี้ ส่งผลดีต่อเธอได้เหมือนกัน พูดอีกทีว่า พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส...ก็น่าจะได้เรียนจบปริญญาโท บริหารจัดการมหาบัณฑิต สาขานโยบายองค์กร มหาวิทยาลัยบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ เกี่ยวกับการวางแผนและวางนโยบายองค์กร ให้สอดคล้องกับเป้าหมายและความสุขของคนในองค์กร แต่อย่างที่บอกแล้วว่า อีกหนึ่งความสนใจของสาวนักพัฒนาที่ดินคนนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับจิตวิญญาณ ได้คุยกันในวันหนึ่ง จึงได้มาครบทั้งการบริหารจัดการ จิตวิทยา พุทธศาสนาและการทำงานของสมอง

“ไม่มีอะไรมากไปกว่าเจอผีบ่อย และอยากรู้ว่า สิ่งนี้คืออะไร และทำไมต้องเป็นเรา” สุกี้ตอบ

ทั้งหมดคือความพยายามของเธอในการค้นหาคำตอบ สำหรับคำถามที่ตอบไม่ได้ตอนเด็ก คำถามที่เกี่ยวกับมิติวิญญาณสิ่งเร้นลับทั้งหลาย สุกี้เล่าให้ฟังละเอียดยิบว่า วิญญาณที่เจอบ่อยๆ เจอที่บ้านที่ จ.ระยอง ครั้งแรกที่เจอรู้สึกกลัวมาก ตกใจมาก จากนั้นก็เจอมาตลอด ทั้งแบบผีอำและมาแบบ “ให้สุ้มให้เสียง”

สุกี้บอกว่า “เสียง” ที่ได้ยิน ไม่ใช่เสียงแบบกระซิบกระซาบแนวหลอนหรือเพ้อ แต่เป็นเสียงที่มาแบบกรรโชกโฮกฮาก มาแบบดุและมาแบบร้าย เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของผู้ชาย ตะคอกข่มขู่ มาบ่อยๆ และไม่เลือกวันเวลา ยังจำครั้งแรกที่สัมผัสถึงเสียงที่ทำให้เย็นสันหลังวาบนี้ได้ ปัจจุบันแม้แค่คิดย้อนไปก็หลายครั้งที่ยังทำให้ตัวสั่น “มึงเป็นใคร ต้องการอะไร มึงมาทำอะไรที่นี่!!! เหมือนคนโกรธที่กำลังโกรธเกรี้ยวเอากับเรา ทีแรกกลัวนะคะ แต่เจอบ่อยจนชิน เพราะเจอตั้งแต่เด็กจนโต กลัวมากจนเลิกกลัว กระทั่งคิดว่า เราจะต้องหาคำตอบให้ได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับเรา” สุกี้เล่า

สิ่งที่เกิดขึ้นกับสุกี้ อธิบายตามหลักจิตศาสตร์ว่า เป็นเรื่องของจิต ซึ่งมีกระแสคลื่นเร็ว-ช้า อัลฟ่า-เบต้า บางคนเรียกสิ่งนี้ว่า “คลื่นกระแสจิต” โดยคลื่นกระแสจิตของเธอคงไปตรงกับ “ใคร” บางคนเข้า เรียกว่าคลื่นใกล้วิญญาณ ก็เลยสื่อสารกับวิญญาณได้ ครั้งหนึ่งตอนเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ ขณะที่พักผ่อนอยู่คนเดียวในห้อง กึ่งหลับกึ่งตื่น ก็ได้สัมผัสกับ...ใครคนหนึ่ง

“เขาเป็นผู้ชายฝรั่ง กำลังนั่งอยู่ใกล้ๆ กับที่เรานอน เห็นตัวเองยันตัวขึ้นมาและสื่อสารกับเขา ไม่ได้เปิดปากคุยกัน แต่สัมผัสรู้ว่า กำลังนั่งคุยกัน นึกในใจขึ้นมาปุบปับว่า เอ๊ะ ใช้ภาษาอะไรคุยกันเนี่ย ฝรั่งผู้ชายคนนั้นตอบปั๊บเดี๋ยวนั้นว่า วิญญาณสื่อสารกันทางจิต อ๋อ! เราเลยรู้ว่า เรากำลังคุยกับวิญญาณอยู่นะ”

คนมักถูกหลอกด้วยจิตของตัวเอง สุกี้เล่าว่า ก็ต้องระวังเหมือนกันว่า กำลังถูกจิตของตัวเองหลอกอยู่หรือเปล่า (หัวเราะ) สำหรับเธอแล้วถือว่าความรู้ทำให้หลุดพ้น โดยภาวะทรมานจากการถูกหลอกหลอน ถูกความรู้แปรเปลี่ยนให้เป็นภาวะตื่นรู้ ตื่นและรู้ เพื่อช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือ ที่เขามาให้เราเห็นเพราะเขาต้องการความช่วยเหลือจากเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

สุกี้เล่าว่า ปัจจุบันยังเห็นอยู่ ประเภทผีบ้านผีเรือน เดินตามขึ้นบันไดมา เปิดประตูห้องแล้วเจอ ขยับฉากหน้าห้องน้ำแล้วเจอ หรือบางทีผีที่ไม่เคยรู้เคยเห็นไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็มาให้เห็น สรุปคือไม่มีกติกา เจอก็เจอ เห็นก็เห็น เป็นไปได้หรือไม่ที่โลกเรานี้ จะเป็นโลกที่ซ้อนกันอยู่กับโลกของวิญญาณ ไม่มีใครที่จะตอบได้ และเราก็ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนี้

“หูอื้อ หายใจลำบาก จะเป็นอย่างนี้ค่ะ แรกๆ ทรมานนะคะ แต่โตขึ้นก็ชักเก่งแล้ว (หัวเราะ) จะใช้วิธีโมโนโทน คือทำจิตให้นิ่ง สื่อให้เขารู้ สวดมนต์ถ้าต้องการ ทำสมาธิแผ่เมตตาให้เขา แล้วเขาจะไปค่ะ”

เชื่อหรือไม่ว่า เรื่องผีที่ส่งผลให้สุกี้สนใจเรื่องจิตวิทยานี้ สุกี้บอกว่า กลายเป็นเรื่องดีในชีวิตเธอ ทำให้รู้และเข้าใจคนอื่น เรียนรู้ที่จะฟังและสื่อสาร ความรู้ที่ได้สามารถนำไปใช้ประโยชน์กับการทำงานด้านการตลาดหรือจิตวิทยาการตลาด ซึ่งใช่เลย (ฮา) จะขายบ้านหรือขายอะไรก็ตาม ลูกค้าคิดยังไงสำคัญที่สุด การสื่อสารกับวิญญาณยังทำมาแล้ว นี่การสื่อสารกับคน ทำไมจะทำไม่ได้

สุกี้บอกว่า เธอยังเรียนรู้จากคุณพ่อ ประธานกรรมการ บริษัท เพลินใจกรุ๊ป พ่อสอนไม่ให้ยึดติด วันหน้ากับวันนี้ไม่เหมือนกัน “ป๊าจะพูดว่า ป๊ากับแม่อาจไม่มีอะไรให้นะ แม้แต่เงินสักบาท” เรื่องนี้เธอจำได้ไม่เคยลืม เพราะทำให้เธอตระหนักรู้ขึ้นมาจริงๆ ว่า ทุกอย่างทุกสิ่งคือปัจจุบัน ไม่มีอะไรที่แน่นอน

 

เงินอาจหมดไปได้ แต่ความรู้จะติดตัวไปจนตาย สำหรับพ่อแล้ววิชาความรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ลูกทุกคนมีหน้าที่ต้องขวนขวายในเรื่องนี้ เพื่อในวันหนึ่งจะได้ดูแลตัวเอง พึ่งพาตัวเอง สุกี้จบปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ สาขาโฆษณา มหาวิทยาลัยรังสิต จากนั้นเรียนต่อการบริหารจัดการที่สหรัฐอเมริกา จบแล้วยังเรียนภาษาจีนเพิ่มเติมด้วย ที่มหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง ประเทศจีน

สำหรับประสบการณ์การทำงาน สุกี้เริ่มต้นด้วยงานด้านการตลาดในแวดวงเฟอร์นิเจอร์ แต่ไม่ชอบ เคยทำแฟรนไชส์โรงเรียนสอนภาษาจีน แมนดาริน เอดูเคชั่น สคูล ลองผิดลองถูกอยู่ 3 ปีก่อนจะเริ่มเข้าที่ อย่างไรก็ตาม เป็นช่วงที่บิดาอยากให้มาช่วยดำเนินธุรกิจของครอบครัว จึงตัดสินใจเข้ามาจับงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เริ่มจากโครงการอพาร์ตเมนต์ที่ จ.ระยอง แบบฝึกหัดที่ดี ที่ทำให้ได้ฝึกและสัมผัสกับงานที่แท้จริง

“อพาร์ตเมนต์เป็นงานพัฒนากึ่งบริการ ต้องรับผิดชอบดูแลลูกค้าที่อยู่อาศัยในโครงการตลอดเวลา เป็นงานที่พ่อคงคิดแล้วว่า จะเป็นตำแหน่งที่ทำให้เราได้ฝึกตัวเอง นั่นก็คือตำแหน่งที่ดีมาก โทรตามค่าส่วนกลางค่ะ พ่อมาทำงาน 8 โมงเช้า เราก็ต้องมาแปดโมงด้วย โทรปลุกตามค่าส่วนกลางตั้งแต่ 8 โมงยังไม่ห้านาที ลูกค้าด่ากลับเดี๋ยวนั้นเลยค่ะ เขายังนอนอยู่เลย (ฮา)” สุกี้เล่า

ตอนหลังพ่อถึงบอกพ่อถึงสอน อ้าว มันก็ต้องมีวิธีพูดสิ มีวิธีเข้าหาลูกค้าสิ ก็ค่อยๆ เรียนรู้ไป อีกอย่างก็ต้องจดปัญหาการอยู่อาศัยต่างๆ ทั้งหมด ใครเป็นใคร ใครเป็นยังไง มีปัญหาอะไร เป็นการสอนให้เรารู้ปัญหา อยู่กับปัญหา คลุกกับปัญหาและแก้ปัญหา ก่อนจะทำงานใหญ่ได้ ก่อนที่พ่อจะอนุญาตให้ทำงานใหญ่ พ่ออยากให้เรารู้ปัญหาก่อน ไม่ใช่เป็นลูกเถ้าแก่แต่หยิบโหย่ง จับแก้แบบไม่รู้จริง ลูกค้ามีแต่จะหนี มีร้อยล้านก็หมดทั้งร้อยล้าน

ต่อมาได้รับมอบหมายให้ดูแลโครงการเพลินใจระยะต่อเนื่อง ซึ่งมีปัญหาลูกค้าไม่ยอมโอน สุกี้ขออนุญาตพ่อปรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ ปรับแบบก่อสร้างใหม่ ปรับราคาใหม่ ปรากฏว่า บ้านขายได้ภายในไม่กี่เดือน ก็ถือว่าสอบข้อสอบของพ่อผ่านนะ (หัวเราะ) ที่สำคัญคือได้รับการยอมรับจากพนักงานในบริษัท เมื่อได้รับการยอมรับก็พลิกเลย เพราะทุกคนเชื่อมั่น

 

“ปรับบ้าน ปรับแบบ ปรับราคา ปรับกลุ่มลูกค้า แถมเปลี่ยนชื่อโครงการด้วย ทุกอย่างปรับ ทุกอย่างเปลี่ยน แต่เราคิดถูกเพราะบ้านทั้งโครงการขายเกลี้ยง นี่คือจุดเปลี่ยน”

ปัจจุบันเพลินใจกรุ๊ป อยู่ระหว่างการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ พัฒนาพื้นที่อีกกว่า 300 ไร่ที่กลางเมืองระยอง ได้แก่ โครงการเพลินใจ 5 รวมทั้งพัฒนาที่ดินบริเวณใจกลางก่อสร้างคอมมูนิตี้มอลล์ชื่อดิโอโซน นอกจากนี้ยังมีบ้านเดี่ยว โฮมออฟฟิศ คอนโดมิเนียม โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และอาคารศูนย์ประชุม รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท

“ไม่ลบ แต่มองบวกไว้ก่อน มองทุกอย่างว่าเป็นเรื่องดี ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเรามีเหตุผลเสมอ” นี่อาจเป็นเคล็ด (ไม่) ลับของสาวน้อยนักธุรกิจคนนี้ เรื่องผีๆ ยังมองให้บวกได้ คงต้องยกให้สำหรับสุกี้-ณัฏฐนันท์ คุณาจิระกุล ซีอีโอรุ่นใหม่แห่งเพลินใจกรุ๊ป

ณัฏฐนันท์ คุณาจิระกุล

ชื่อเล่น สุกี้

อายุ 37 ปี

การศึกษา

ปริญญาโท บริหารจัดการมหาบัณฑิต สาขานโยบายองค์กร มหาวิทยาลัยบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ

ปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรังสิต

ประกาศนียบัตร ภาษาจีนศึกษา จากมหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน

การทำงาน

- ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เพลินใจ กรุ๊ป

- ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พี.เจ. คอนโดเทล (ระยอง)

- รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เพลินใจ คอนสตรัคชั่น แอนด์ แมเนจเม้นต์

- ประธาน บริษัท เพลินใจ เรียลตี้

-ผู้บริหารห้าง ดิ โอโซน ไลฟ์สไตล์ มอลล์