'แบดมินตัน' กีฬาของคนคิดเยอะ
“กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ... ฮ้าไฮ้ ฮ้าไฮ้ กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษแก้กองกิเลสทำคนให้เป็นคน ผลของการฝึกตน เล่นกีฬาสากล ตะละล้า”
“กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ... ฮ้าไฮ้ ฮ้าไฮ้ กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษแก้กองกิเลสทำคนให้เป็นคน ผลของการฝึกตน เล่นกีฬาสากล ตะละล้า” ส่วนหนึ่งจากเพลง “กราวกีฬา”ที่มีการประพันธ์มาตั้งแต่ปี 2437 ผ่านมาร้อยกว่าปี สิ่งที่บรรพบุรุษได้บอกว่าเอาไว้ผ่านบทเพลงก็ยังคงทรงคุณค่ามาจนถึงปัจจุบันที่ทุกคนยอมรับว่ากีฬาเป็นยาวิเศษจริงๆ
สำหรับกีฬายอดนิยมของคนไทย แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมี “แบดมินตัน” สาเหตุหนึ่งที่ทำให้กีฬาตบลูกขนไก่เป็นที่ชื่นชอบของคนไทยนั้นอาจเป็นเพราะเป็นกีฬาในร่มไม่ต้องผจญกับแดดหรือฝนมากนักแบบไม่ต้องกลัวดำ หรืออีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่เป็นกีฬาที่สร้างชื่อให้กับประเทศไทยในระดับโลก ดังจะเห็นได้จากในปัจจุบันนักแบดมินตันของไทยจำนวนมากล้วนแต่อยู่ในลำดับต้นๆ ของวงการแบดมินตันโลกแทบทั้งสิ้น
ถึงตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าแบดมินตันเป็นกีฬาที่อยู่ในช่วงขาขึ้นมากที่สุด ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ต่างมุ่งหน้าสู่สนามแบดมินตันเพื่อจะลองลิ้มรสชาติของกีฬาที่ว่านี้ว่าจะให้อะไรกับชีวิตตัวเองบ้าง
‘ดีตรงได้ระบายอารมณ์’
ในมุมมองของคนโสดอย่าง 3 สมาชิกก๊วนแบด “นมชมพู” ทั้ง “เดียว-แหม่ม-โจ้”ก็ยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่าแบดมินตันมีคุณค่าและประโยชน์มากกว่าเรื่องสุขภาพ
“เดียว” นพกร ศรีภา หนุ่มวิศวกรไฟฟ้าของบริษัทต่างชาติชื่อดัง บอกถึงแรงบันดาลใจในกีฬาแบดมินตันว่า จริงๆ ก็เป็นคนที่เล่นกีฬาทุกกีฬานะแต่แบดมินตันเล่นมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว และเล่นมาเป็นประจำ เล่นสัปดาห์ละ 3 วัน กีฬาชนิดนี้ใครๆ ก็เล่นได้ สนามเดี๋ยวนี้มีจำนวนมาก ค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้สูงเท่าไหร่ ในด้านความเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ได้รับหลังจากเล่นแบดมินตันหลักๆ คือ เรื่องสุขภาพ แต่ได้มากกว่านั้นคือเรื่องของสังคมได้มีโอกาสรู้จักกับคนในแวดวงอื่นๆ มากขึ้นจากเดิม
“ในโลกของการเล่นกีฬามีแต่เพื่อนนะ และเหนืออื่นใดแบดมินตันเป็นกีฬาที่ใช้แรงเยอะและต้องใช้ ทำให้เวลาเรารู้สึกเครียดๆ กับงานก็สามารถมาระบายกับการเล่นแบดได้ เช่น ใครด่าเหรอ ตบเปรี้ยงไปที่ลูกแบด นึกหน้าเอาไว้” กล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะ
ส่วน “แหม่ม” ภารดี ศรีภา นักจัดรายการข่าวทางวิทยุ พี่สาวของเดียว ก็ยอมรับตามตรงว่า เมื่อก่อนเป็นคนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย แต่พอมาได้ลองเล่นกีฬาประเภทตามคำรบเร้าของน้องชายก็รู้สึกติดใจและเล่นแบบจริงจังขึ้นมาจากคนที่เคยเล่นไม่เป็น ตีลูกแทบไม่โดน มาตอนนี้เป็นนักแบดในก๊วนคนหนึ่งที่ไม่มีใครจะเอาชนะได้ง่ายๆ
“เล่นมาสักระยะแล้วประมาณ 5-6 ปี เอาจริงๆ เลยนะส่วนตัวเป็นคนขี้เกียจออกกำลังกายมากๆ รู้นะว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ดี แต่เป็นคนที่ประเภทไม่รักการออกกำลังกายเท่าไหร่ แม้เดิมทีจะไม่ได้มีปัญหาสุขภาพอะไร แต่พอได้มาเล่นแบดแล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นหวัดน้อยลง ไม่ต้องฉีดวัคซีนป้องกันหวัด การได้มาเล่นแบดมินตันทำให้เราได้มาเจอเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งที่สนทนาเรื่องกีฬาทั้งฟุตบอล เทนนิส แบดมินตัน และได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง รวมทั้งคนที่เล่นกับเราด้วยว่าสปิริตในกีฬานั้นมันมีจริงๆ หรือเปล่า”
ขณะที่ “บุญชนะ ตรีดิษฐ์ อุดมพร” หรือ “โจ้”เจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัทชื่อดังย่านดอนเมือง เป็นอีกคนที่บอกว่าแบดมินตันให้อะไรมากกว่าเรื่องสุขภาพจริงๆ
“ก่อนหน้านี้เคยมีปัญหาสุขภาพนะ เป็นหวัดบ่อย พอมาเล่นแบดจริงๆ จังๆ โรคทั้งหวัดทั้งภูมิแพ้ก็หายไป แบดมินตันทำให้เราเป็นคนคิดอะไรในชีวิตละเอียดมากขึ้น แบดมินตันหรือเทนนิสเวลาเราเล่นลูกไหนพลาด ฝ่ายตรงข้ามก็จะได้แต้มนั้นไป ก็เหมือนกับชีวิตในการทำงานหรือชีวิตประจำวันที่เราสามารถทำอะไรผิดพลาดได้ แต่เราจะต้องดูว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำสองซ้ำสามได้อย่างไร ผมก็เอาหลักการนี้มาใช้ก็ทำให้เราต้องคิดในเรื่องการพัฒนาตัวเองตลอด”
‘ยิ่งแก่-ยิ่งเก่ง-ยิ่งเขี้ยว’
ส่วนกีฬาแบดมินตันในบริบทของหนุ่มวัยเกษียณนับว่ามีความลึกซึ้งอยู่ไม่น้อยเช่นกัน “สุรพงษ์ มาศะวิสุทธิ์” อดีตที่ปรึกษากฎหมายสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา 65 ปี มองว่า สมัยรับราชการที่วุฒิสภาก็มีโอกาสได้เล่นแบดมินตันเพื่อนร่วมงานหลายวัย แน่นอนว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาทางตรง คือ ประโยชน์ด้านสุขภาพ แต่สิ่งที่ได้รับทางอ้อมคือ การกระชับความสัมพันธ์ภายในองค์กรและการประสานงานเพื่อให้งานในสภาเดินหน้าไปอย่างราบรื่น
“ช่วยเรื่องการประสานงานภายในองค์กรอย่างไม่เป็นทางการ ช่วยให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างรวดเร็วจากเดิมที่ต้องทำงานเป็นลำดับขั้นตอนตามระบบ และพอมีข้าราชการมาเล่นแบดมินตันด้วยกันกับผมมากๆ ก็ทำให้ได้รู้จักข้าราชการในองค์กรมากขึ้น กระชับความสัมพันธ์ไปในตัว พอเป็นแบบนี้เลยทำให้เวลาจะทำงานอะไรก็ตามที่ต้องประสานงานกับคนจำนวนมากก็มีปัญหาอุปสรรคน้อยลง
“ยิ่งเราได้เคลื่อนไหวผ่านการออกกำลังกายมากทำให้ได้ใช้สมองและความคิดได้เยอะและเป็นผลดีกับตัวเราเอง” อดีตบิ๊กวุฒิสภา ระบุ
ไม่ต่างอะไรกับอดีตข้าราชการอีกท่านอย่าง “พ.ท.ศักดิ์ชัย แสงสว่าง” อายุ 62 ปี อดีตหัวหน้าชุดทันตกรรมเคลื่อนที่ กองทันตแพทย์ กรมแพทย์ทหารบกที่บอกถึงสรรพคุณของกีฬาตบลูกขนไก่ว่าช่วยในเรื่องการสร้างปฏิภาณไหวพริบไปในตัว
“เวลาเล่นแบดเราต้องคิดและเคลื่อนไหวตลอดเวลา เหมือนกับการทำงานที่เราต้องคิดวิเคราะห์และใช้ไหวพริบในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคให้เหมาะสมกับเวลาและสถานการณ์ มีคนเคยบอกแบดมินตันคนยิ่งแก่ยิ่งเขี้ยว ก็อาจจะใช่เพราะคนอายุยิ่งเยอะก็ยิ่งมองภาพข้างหน้าออกว่าจะเป็นไปอย่างไรต่อ และที่สำคัญช่วยในเรื่องการสร้างทีมเวิร์ก เพราะแบดมินตันในประเภทคู่ต้องเล่นเป็นทีมต่างคนต่างเล่นไม่ได้ มันก็เหมือนกับการทำงานก็ต้องทำงานเป็นทีมและช่วยคิดวางแผนไปพร้อมๆ กัน เพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุด”
ปิดท้ายด้วยมุมมองจากหนุ่มใหญ่วัย 58 ปี ผู้ประกอบอาชีพช่างอิสระ “ธีรเชษฐ์ อดิเรคชยาภรณ์” ซึ่งบอกแบบไม่อ้อมค้อมว่าแบดมินตันช่วยพัฒนาสมองและจิตใจ
“แบดมินตันเป็นกีฬาที่เราต้องแข่งขันกับตัวเองด้วยเพราะเราจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ต้องเคลื่อนที่และคิดตลอดเวลาว่าในแต่ละแต้มเราจะเล่นเอาชนะฝั่งตรงข้ามอย่างไรโดยเราต้องคิดว่าเรามีจุดอ่อนและจุดแข็งตรงไหนบ้างและต้องประเมินคู่ต่อสู้ด้วยว่ามีจุดอ่อนและแข็งอย่างไรเพื่อจะได้รู้วิธีเอาชนะ จะว่าไปแล้วก็คล้ายกับการใช้ชีวิตและการทำงานที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลา ต้องไม่หยุดนิ่ง เพราะมิเช่นนั้นเราก็จะเป็นแค่คนแก่ธรรมดาเท่านั้น” ช่างภาพมือโปร ทิ้งท้าย


