กาลผันแปร ชีวิตผันเปลี่ยน แดง บัวแสน
อะไรก็พร้อมจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ที่เคยเห็นและเป็นไป วันนี้ก็กลับแปรผันเป็นอื่นได้ไม่ยาก ศิลปินพูดน้อยต่อยหนัก “แดง บัวแสน” สะท้อนความเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนไปของชีวิตผ่านงานจิตรกรรมชุดใหม่
อะไรก็พร้อมจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ที่เคยเห็นและเป็นไป วันนี้ก็กลับแปรผันเป็นอื่นได้ไม่ยาก ศิลปินพูดน้อยต่อยหนัก “แดง บัวแสน” สะท้อนความเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนไปของชีวิตผ่านงานจิตรกรรมชุดใหม่
เจ้าตัวบอกว่าแรงบันดาลใจนั้นมาจากหลายส่วน หนึ่งก็ศิลปินบรมครูที่มีอิทธิพลต่อการทำงานศิลปะและตัวเขาเองก็ชื่นชอบชื่นชมผลงานเป็นทุนเดิม
“จอห์น เอฟเวอเรตต์ มิเล” ศิลปินชาวอังกฤษก็ใช่ ศิลปินรุ่นใหญ่ผู้ล่วงลับ “ถวัลย์ ดัชนี” ก็ล้วนมีผลต่อการทำงานชุดนี้ของเขาเป็นอย่างมาก เป็นทั้งต้นแบบในการใช้ชีวิตและเป็นต้นทุนในการต่อยอดการทำงานศิลปะ “ประทีป คชบัว” ก็มีส่วนสำคัญในแง่แรงบันดาลใจที่เคยนำงานโบราณมาถ่ายทอดเป็นงานร่วมสมัยที่แลดูสมจริง
ขณะที่อีกส่วนก็มาจากการเฝ้ามองชีวิตผู้คน คนรอบข้าง ไม่เว้นกระทั่งตัวเอง ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย จากหน้ามือเป็นหลังมือ จนแทบจำไม่ได้ว่าอะไรคือเค้าโครงเดิม
“งานชุดก่อนๆ ผมจะเน้นภาพที่เกิดจากจินตนาการมากกว่าจะอ้างอิงจากภาพชีวิตจริง อย่างภาพพุทธศิลป์ก็เกิดจากจินตนาการของผมที่อยากให้ผลงานออกมาแบบที่ผมจินตนาการไว้ โดยไม่ได้มาจากข้อมูลที่มีอยู่จริง”
แต่งานชุดนี้ เจ้าของรางวัลศิลปินรางวัลเหรียญทองศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 44 สาขาสื่อผสม เลือกวิธีสร้างสรรค์ผลงานด้วยการอ้างอิงข้อมูลและเนื้อหามาจากสิ่งที่มีอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็นผลงานของศิลปินที่ชอบ หรือบุคคลที่มีอยู่จริงแม้จะสิ้นลมไปแล้วก็ตาม รวมทั้งชีวิตผู้คนที่ผมถอดแบบมาจากของจริง ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าความยาก มันก็ยากคนละแบบ
“งานที่มาจากจินตนาการมันไม่มีถูกผิด สนุกกว่าเยอะครับเวลาทำงาน แต่พอมาทำงานที่มีต้นแบบจากเรื่อง หรือของจริง ความยากมันจะอยู่ที่ว่าทำยังไงให้งานออกมาให้ดูสมจริงมากที่สุด เพราะถ้าไม่สมจริง งานก็จะหมดความน่าเชื่อถือ ทำผิดเพี้ยนไปนิดเดียวก็จะดูไม่สมจริงได้”
ด้วยความที่เป็นคนชอบงานเรียลิสติก งานชุด “ผันแปรตามกาล” จึงเต็มไปด้วยความหมาย สีสัน ลูกเล่นแพรวพราว การเสียดสีและเหยาะเย้ย การตั้งคำถาม เรื่อยถึงการสงสัยใคร่รู้ต่อการเปลี่ยนแปลงของผู้คนและสังคม ภาพที่ปรากฏในเฟรมสีน้ำมันที่แต่งแต้มจนเกิดภาพลักษณะยั่วล้อ ชวนให้สะดุดตาและท้าทายให้ต้องค้นหาความหมายที่แท้จริง
อย่างภาพ “น้อมรำลึกถึง” ศิลปินก็ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพงานสมัยต้นๆ ของมิเล ที่ชื่อว่า “โอฟิเลีย” (ปี 1852) งานชิ้นนี้มีรายละเอียดซ่อนอยู่เยอะ ละเมียดละไมถึงความงามกับความซับซ้อนของธรรมชาติและของโลก โดยเขานำมาถ่ายทอดเป็นภาพเลียนแบบที่สมจริง ถ้าไม่สังเกตก็จะนึกว่าเป็นภาพที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ คล้ายกระดาษต้นแบบแปะด้วยสกอตช์เทป ทว่าจริงๆ แล้วนั้น มันคือการยอกย้อนไปมาของภาพจริงกับภาพที่ศิลปินวาดขึ้นใหม่ ทับซ้อนกันอยู่อย่างเหนือชั้น
หรือแม้แต่ภาพศิลปินผู้ล่วงลับ เขาก็วาดจากภาพในคอลเลกชั่นส่วนตัวของถวัลย์ ลวดลายและสีสัน บรรยากาศและอารมณ์เสมือนการ “น้อมรำลึกถึง” บรมครูผู้ที่ยังอยู่ในใจเขาเสมอ ผันแปรตามกาลจึงเป็นการสื่อถึงยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
“การจากไปของอาจารย์ถวัลย์ มันก็เข้าคอนเซ็ปต์การเปลี่ยนแปลงครับ ซึ่งผมวาดภาพนี้หลังท่านเสียชีวิต หรือภาพผู้หญิงที่ผมวาดจากการให้น้องๆ มาสวมเครื่องแต่งกายโบราณ ก็จะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ในผู้หญิงเหล่านี้”
งานชุดนี้จะว่าเป็นการโหยหาอดีตของตัวศิลปินก็ไม่ผิด อดีตที่ไม่เหมือนเดิม ปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ถ้าวัดจากตัวเขาเอง เขาก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเยอะแยะ ตั้งแต่การทำงานแรกๆ ศิลปินมักจะถ่ายทอดความเศร้าหดหู่ ภาพที่ออกมาค่อนข้างหม่นเทา มาถึงชุดนี้ดูเหมือนเขานำตัวละครผู้หญิงเข้ามาสอดแทรกในการสื่อสัญญะ แลดูสดใสมีสีสันมากขึ้น คล้ายชีวิตของเขาที่เริ่มคลี่คลายอะไรบางอย่างได้ระดับหนึ่ง ขณะที่ชีวิตส่วนตัว ด้วยความที่เขาเป็นเด็กต่างจังหวัด (พื้นเพเป็นคน จ.มุกดาหาร) เข้ามาเรียนศิลปะที่กรุงเทพฯ (ปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิจิตรศิลป์ สาขาจิตรกรรม) สิ่งที่เขาเห็นและได้สัมผัสในเมืองหลวงก็ไม่เหมือนกับชีวิตที่ต่างจังหวัด นั่นเป็นชีวิตและความเปลี่ยนแปลงที่เขาพบเจอ
“ที่บ้านผมต่างจังหวัดก็เปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะครับ ความเจริญมีมากขึ้น ถนนหนทางสะดวกสบาย บ้านเรือนชาวบ้านก็หลังโตๆ กัน เป็นสังคมสมัยใหม่ไปเกือบหมดแล้ว วิถีชีวิตเปลี่ยนไป วัตถุกลายเป็นปัจจัยสำคัญ ทุกบ้านต้องมีรถยนต์ ซึ่งผมก็มองว่ามันเป็นไปตามธรรมชาติ ผมเองก็ไม่สามารถยับยั้งอะไรได้ แล้วก็คงไม่สามารถย้อนกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมได้ ทุกคนมีทั้งมีความสุขและความทุกข์ปะปนกันไปตามกาลเวลาที่ผันแปรครับ กระทั่งตัวผมก็ด้วย ต้องยอมรับและอยู่กับความเปลี่ยนแปลงให้ได้”
นิทรรศการ “ผันแปรตามกาล” จัดแสดงให้ชมจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ณ โมเดิร์น แกลเลอรี่ เจริญกรุง 36 โทร.02-238-6449


