บรม พิจารณ์จิตร

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา

ก้าวสู่อีกเฟสสำคัญของชีวิต เมื่อ เต้-บรม พิจารณ์จิตร เจเนอเรชั่นที่ 4 ของตระกูลเซ็นทรัล ได้รับความไว้วางใจให้ขึ้นมานั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี

ในวันที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารหนุ่มไฟแรงนั้น เขาเพิ่งขึ้นมานั่งในตำแหน่งนี้ได้ไม่ถึงเดือน แต่ถามว่าเขาแสดงความไม่มั่นใจหรือกังวลกับการก้าวขึ้นมากุมบังเหียนลักซ์ชัวรี่มอลล์
แห่งนี้หรือไม่ ตอบเลยว่า ไม่ปรากฏให้เห็น

“ถึงเวลาแล้วที่ผมจะเข้ามาดูโปรเจกต์นี้ จริงๆ ผมมีส่วนร่วมในโปรเจกต์นี้มาตั้งแต่เริ่มต้น พูดง่ายๆ คือ โครงการนี้แบ่งเป็น 3 เฟส 1.พัฒนาคอนเซ็ปต์ว่าศูนย์ใหม่จะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งผมเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ตอนนั้น 2.ขั้นตอนการสร้างตึก ติดต่อแบรนด์-ร้านค้าที่จะเข้ามาลง และ 3.ขั้นตอนการสร้างแบรนด์ของศูนย์การค้า ผมเปรียบเทียบง่ายๆ ว่าเหมือนเราทำคอมพิวเตอร์เสร็จ ก็ต้องผลิตซอฟต์แวร์ใส่เข้าไปให้ใช้งานได้ หรืออย่างแอปเปิ้ลผลิตไอโฟนมา ก็คงไม่มีคนซื้อถ้าไม่มีแอพพลิเคชั่นใส่เข้าไปในตัวเครื่อง ซึ่งหน้าที่ของผมตอนนี้คือ ใส่ซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่นเข้าไปให้ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี”

ถามว่าแปลกใจไหมที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้บริหารโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่ขนาดนี้ ในวัยเพียง 29 ปี เต้บอกว่า ตอนที่รู้ว่าต้องมาอยู่ตรงนี้ เขาเพียงบอกกับตัวเองว่า “เราทำได้” โดยเป้าหมายหลักไม่ใช่เป็นเพียงศูนย์การค้าทั่วไป แต่มุ่งหวังให้เซ็นทรัล เอ็มบาสซี เป็นไอคอนนิครีเทลแลนด์มาร์กแห่งประเทศไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Infinite Connections ความเชื่อมโยงไม่มีที่สิ้นสุด” สร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งรูปแบบใหม่และภาพลักษณ์เมืองไทยสู่ความเป็น Destination of World Class Experience

 

“ด้วยความที่เราทำอะไรเป็นยูนีกมาตลอด ตั้งแต่การออกแบบตัวศูนย์ การเลือกแบรนด์เข้ามา หลายๆ อย่างถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของคนไทย ดังนั้นเราอาจต้องใช้เวลาเพื่อทำความเข้าใจ  อย่าลืมว่าไม่ใช่อะไรที่พิเศษๆ จะสร้างได้แล้วเสร็จในวันเดียว เซ็นทรัล เอ็มบาสซี เองก็ยังใหม่มาก เพิ่งเปิดมาได้แค่ 5 เดือนเท่านั้น ผมว่านี่เป็นโปรเจกต์ที่ท้าทาย และอยากให้คนไทยช่วยกันสนับสนุนการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ของเรา ลองคิดดูเล่นๆ ว่า จากถนนเพลินจิตไปถึงมาบุญครอง มีห้างสรรพสินค้าเกือบสิบแห่ง ดังนั้น ถ้าเราไม่สร้างสิ่งใหม่ๆ การดำเนินงานอาจจะง่าย แต่คงเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสำหรับลูกค้า”

กว่าจะมาถึงตำแหน่งนี้ได้ เต้บอกว่าไม่ใช่เพราะเขาเป็นหนึ่งในทายาทของตระกูล “จิราธิวัฒน์” เท่านั้น แต่ประสบการณ์กว่า 6 ปีที่ผ่านมา ที่เขาได้เข้ามาช่วยงานในส่วนต่างๆ ในธุรกิจรีเทล ไม่ว่าจะเป็นแผนกการตลาด ลีสซิ่ง จนมาก่อตั้งศิวิไลซ์ มัลติสโตร์สัญชาติไทย ได้หล่อหลอมประสบการณ์ให้เต้มีความพร้อมกับโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตนี้

“หลังจากเรียนจบ ผมได้ทำงานทั้งฝ่ายลีสซิ่ง การตลาด จนมาทำร้านศิวิไลซ์ ที่นี่เหมือนผมได้บริหารห้างขนาดย่อมๆ เพราะต้องคุมตั้งแต่คอนเซ็ปต์ การก่อสร้าง ไปติดต่อแบรนด์ ทำการตลาด ทุกวันนี้ผมมองย้อนกลับไป ผมว่ากราฟการเรียนรู้ของผมในช่วง 6 ปีนี้ขึ้นสูงและเร็วมาก เพราะผมได้ลองทำเยอะ ดังนั้นมาครั้งนี้ผมถึงมีความมั่นใจ เพียงแค่โปรเจกต์ใหญ่ขึ้น แต่สิ่งที่ต้องทำยังเหมือนเดิม”

อีกสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้บริหารหนุ่มวัย 29 ปี ไปได้สวยกับงานนี้ คือ เขามีใจรักในงานที่ทำ เต้บอกว่า คิดเสมอว่าเมื่อโตขึ้นต้องกลับมาช่วยกิจการของครอบครัว ซึ่งเขาเองก็หลงรักในธุรกิจรีเทลไม่น้อย เพราะคลุกคลีกับธุรกิจนี้มาตั้งแต่เด็ก

 

“ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยอยู่ไกลห้างสรรพสินค้าเลย เกิดมาผมก็อยู่ที่ชั้นบนสุดของเซ็นทรัลลาดพร้าว เด็กๆ ห้างเปิดก็ลงมาเดินเล่นที่ห้าง พอโตมาย้ายมาคอนโดใกล้เซ็นทรัลชิดลม เลิกเรียนผมเดินไปหาคุณแม่ (ยุวดี จิราธิวัฒน์) ที่เซ็นทรัลชิดลม วันหยุดพักผ่อนก็ต้องไปเดินเล่นศูนย์การค้า เดินรอบๆ ทุกชั้น เข้าแทบทุกร้าน ไปทีเป็นชั่วโมง ตรงจุดนี้เลยทำให้เราได้ซึมซับกับธุรกิจนี้ ซึ่งผมก็ชอบนะ”

ถามถึงไอดอลในการทำงาน เขาบอกว่า โชคดีที่เกิดมาแล้วแวดล้อมด้วยคนเก่งๆ ทำให้เขาได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากคุณพ่อ คุณแม่ และคุณน้า เต้บอกว่ามีหลักในการทำงานที่สำคัญซึ่งเขายึดไว้ในใจเสมอ คือ ต้องช่างสังเกตและเข้าใจในสิ่งที่ทำอย่างลึกซึ้ง

แน่นอนว่าในช่วงที่กำลังเปลี่ยนผันสู่บทบาทใหม่ เรื่องเวลาว่างไม่ต้องพูดถึงแทบจะหาไม่ได้ แต่เต้บอกว่า ถ้ามีเวลาเมื่อไหร่ขอออกเดินทางไปท่องเที่ยวเพื่อเติมพลัง

“ผมว่าการเดินทางทำให้ดวงตาเราเห็นได้กว้างขึ้น สมองเรากว้างขึ้น มีเวลาผมชอบไปทะเล ผมชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง ความสุขของผมคือ ได้ดื่มน้ำมะม่วงปั่นเย็นๆ ริมชายหาด”

สำหรับอนาคต เต้บอกว่า ตั้งใจบริหารเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ให้ดีที่สุด ขณะเดียวกันต้องพยายามบริหารชีวิตทั้งเรื่องงานและครอบครัวให้ลงตัว เพราะในช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิตตอนนี้อาจต้องยอมทำงานหนัก แต่สุดท้ายต้องหาจุดสมดุลให้ตัวเองมีความสุข บาลานซ์ชีวิตทุกด้านอย่างลงตัว