นี่คือ...ความห่วงใย
เราเคยเป็นห่วงเป็นใยใครสักคนอย่างแท้จริงบ้างไหม?
เราเคยเป็นห่วงเป็นใยใครสักคนอย่างแท้จริงบ้างไหม?
นี่อาจเป็นคำถามชวนฉุกคิด ในวันที่ชีวิตเราเริ่มมีภาระมากขึ้น จนใส่ใจคนรอบข้างน้อยลง เชื่อไหมว่า หากความใส่ใจของใครคนหนึ่งที่มีต่อใครคนหนึ่งหายไป มันก็ทำให้ความห่วงใยที่เคยมีให้กันหดหายตามไปด้วยยิ่งฉุกคิดกับคำถามนี้มากขึ้น เมื่อผมได้เข้าไปชมภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องใหม่ล่าสุดจาก วอลท์ ดิสนีย์ แอนิเมชั่น สตูดิโอส์ ที่มีชื่อเรื่องว่า "Big Hero 6" ในมุมมองของผม ผมคิดว่าสิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการนำเสนอ มันคือ "ในยามที่เรายังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ยังพบเจอกัน เราควรใส่ใจ และแสดงความห่วงใยกันให้มากที่สุด" เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น (อาจเป็นการพลัดพราก หรือไม่ก็ความตาย) เราอาจไม่ได้ใส่ใจ หรือแสดงความเป็นห่วงเป็นใยกันอย่างที่มนุษย์คนหนึ่งพึงมีให้แก่กันได้
สำหรับภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้ เรื่องราวไม่ได้มีความสลับซับซ้อนอะไร เป็นเรื่องราวของพี่ชายน้องชายคู่หนึ่งที่มีความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งที่เรียกว่า "นวัตกรรม" โดยที่วันหนึ่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น พี่ชายเสียชีวิต ในขณะที่น้องชายได้สิ่งประดิษฐ์จากพี่ชายมาไว้ในครอบครอง และสิ่งประดิษฐ์นั้นก็เป็นเหมือนตัวแทนแห่งความห่วงใยจากพี่ชายถึงน้องชาย ที่คอยดูแลไม่ห่าง ทั้งยามสุขหรือยามทุกข์
แต่เรื่องราวไม่ได้แสนสุข หรือจบลงเพียงแค่นั้น เรื่องราวกลับพลิกผัน ทำให้น้องชายต้องกลายเป็นคนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง แถมมีเพียงเป้าหมายเดียวคือ "การล้างแค้น" ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ช่วยตอกย้ำให้เรารู้ว่า มันคือขั้วตรงกันข้ามของคำว่า ความรัก ความใส่ใจ และความเป็นห่วงเป็นใยกัน
เมื่อผมชมภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้จบลง ผมบอกได้คำเดียวว่า ไม่ว่ามนุษย์จะกระทำสิ่งใดลงไป (ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งดีหรือสิ่งเลวร้ายในสายตาใคร) ทุกๆ การกระทำย่อมมีเหตุมีผลของตนเองด้วยกันทั้งสิ้น คนที่ดูเหมือนจะเลวร้ายหรือชั่วร้าย ท้ายที่สุด เขาก็มีเหตุผลในการกระทำเหล่านั้นของตัวเอง ซึ่งหากเรามองอย่างเป็นธรรม เราจะพบว่าเหตุผลของ คนคนนั้นอาจเป็นเหตุผลอันสุดแสนประเสริฐ (เช่น ความรัก ความใส่ใจ หรือความเป็นห่วงเป็นใย) มากกว่าที่เราคิด เพียงแต่เส้นทางของการกระทำมันอาจผิดที่ผิดทางไป จนทำให้เขากลายเป็นคนชั่วร้ายในสายตาของคนอื่น
แต่ถ้าถามว่าสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้ ผมชอบการที่ ผู้สร้างนำบรรยากาศของเมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐ มาผสมผสานกับเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จนกลายเป็นซานฟรานโซเกียซึ่งถือเป็นภาพสวยงามที่ทำให้คนที่ดูภาพยนตร์ แอนิเมชั่นเรื่องนี้ดูแล้วเพลินตาเพลินใจได้เป็นอย่างดี
ในโรงภาพยนตร์รอบที่ผมดู ส่วนใหญ่คนดูจะมากันเป็นครอบครัว พ่อแม่พาลูกตัวเล็กๆ มานั่งดู ในมุมของลูกๆ เขาคงเพลินตาเพลินใจกับภาพและสีสันที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า แต่สิ่งที่ผู้ใหญ่จะได้รับ ผมเชื่อว่าเขาคงได้รับสาระสำคัญจากภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้ไม่ต่างจากผม และเขาอาจเห็นถึงความสำคัญของสิ่งนั้นMและไม่ทำให้มัน...หล่นหายไปจากชีวิต
* เอพีรายงานว่า เหตุผลที่ผู้บริหารของดิสนีย์ได้เลือกให้เรื่องราวของภาพยนตร์แอนิ เมชั่นเรื่องนี้มีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งมาจากการที่ภาพยนตร์เรื่อง Frozen ทำรายได้มากถึง 250 ล้านเหรียญสหรัฐ อีกทั้งยังเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลเป็นอันดับที่ 3 (รองจากไททานิคและภาพยนตร์แอนิเมชั่นของประเทศญี่ปุ่นเอง) อีกทั้งคนญี่ปุ่นเองก็ให้การสนับสนุนผลงานของดิสนีย์เป็นอย่างดีมาโดยตลอดนั่นเอง
* ดอน ฮอลล์ หนึ่งในผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้เผยว่า ตัวละครที่ชื่อว่า "เบย์แม็กซ์" ซึ่งเป็นหุ่นยนต์รูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ ผู้ออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากระฆังในวัดของชาวญี่ปุ่น ที่ให้ทั้งความหนักแน่นและความอ่อนโยนอยู่ในสิ่งเดียวกัน
Big Hero 6
ปี : 2014
ประเทศ : สหรัฐ
เวลา : 1 ชั่วโมง 42 นาที
ประเภท : แอนิเมชั่น/ตลก/ ต่อสู้/ผจญภัย
กำกับ : ดอน ฮอลล์/คริส วิลเลียมส์
แสดงนำ (เสียง) : ไรอัน พอตเตอร์/ สก็อต แอ็ดสิท/ แดเนียล เฮ็นนีย์


