เมื่อทางออก(ของปัญหา)ไม่ได้มีแค่ทางเดียว
ในการทำงาน “ปัญหา” เปรียบเหมือน “อากาศ” ที่โอบล้อมตัวเรา ต่อให้พยายามทำดีแค่ไหน ปัญหาก็สามารถแทรกซึมเข้ามาก่อตัวได้เช่นกัน แต่อย่าลืมว่าสุดท้ายประสิทธิผลหรือความสำเร็จของงานที่ทำไม่ได้อยู่ที่ว่า ปัญหามีเข้ามาเยอะหรือน้อย ยากหรือง่าย แต่อยู่ที่มุมมองของตัวเรา ว่ามีทัศนคติและวิธีรับมือกับปัญหาที่เข้ามาอย่างไร ที่สำคัญคือ มองเห็นทางออกของปัญหาว่ามีทางออกเดียวหรือมีหลายทางให้เลือกเดินไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้
ในการทำงาน “ปัญหา” เปรียบเหมือน “อากาศ” ที่โอบล้อมตัวเรา ต่อให้พยายามทำดีแค่ไหน ปัญหาก็สามารถแทรกซึมเข้ามาก่อตัวได้เช่นกัน แต่อย่าลืมว่าสุดท้ายประสิทธิผลหรือความสำเร็จของงานที่ทำไม่ได้อยู่ที่ว่า ปัญหามีเข้ามาเยอะหรือน้อย ยากหรือง่าย แต่อยู่ที่มุมมองของตัวเรา ว่ามีทัศนคติและวิธีรับมือกับปัญหาที่เข้ามาอย่างไร ที่สำคัญคือ มองเห็นทางออกของปัญหาว่ามีทางออกเดียวหรือมีหลายทางให้เลือกเดินไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้
สถานการณ์ : จอยกับจิ๊บทำงานในทีมเดียวกันมา 5 ปี ในแผนกฝ่ายขายของนิตยสารแห่งหนึ่ง ด้วยหน้าที่งานที่ค่อนข้างทับซ้อนกัน ทำให้ทั้งคู่ซึ่งไม่ค่อยลงรอยกันอยู่แล้ว ยิ่งสั่งสมความไม่พอใจขึ้นไปอีกเมื่อเกิดปัญหาในงานที่ทำร่วมกันบ่อยๆ เมื่อไม่นานมานี้ จอยเริ่มแสดงท่าทีไม่ดีต่อจิ๊บมากขึ้น เช่น แสดงอาการรำคาญไม่อยากคุยด้วย แม้จะเป็นเรื่องงาน ซึ่งที่ผ่านมา จิ๊บซึ่งสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยราบรื่นกับจอย แต่พยายามทำใจและพูดคุยกับจอยให้น้อย แต่สุดท้ายเมื่องานที่ทำร่วมกันเกิดปัญหา จิ๊บจำเป็นต้องปรึกษากับจอย แต่จอยก็ยังแสดงท่าทีแข็งกร้าว พูดจาตัดรอน แก้ปัญหาที่เกิดแบบขวานผ่าซาก แทนที่จะประนีประนอม เช่น จิ๊บบอกว่า ชื่อลูกค้าที่จะเสนอในประชุมซ้ำกันอยู่หลายบริษัท แทนที่จอยจะนั่งลงช่วยกันตรวจเช็ก กลับถามจิ๊บว่า ฝ่ายการตลาดคนไหนส่งรายชื่อให้ จากนี้จอยจะได้ไม่ใช้ข้อมูลจากคนนั้นอีก เรื่องเล็กๆ แต่กลายเป็นเรื่องใหญ่นี้ ทำให้จิ๊บ
รู้สึกอึดอัดมากในการทำงาน
ทางออก : แทนที่จิ๊บจะสร้างกำแพงขึ้นมาในใจ หรือเก็บความไม่พอใจจนกลายเป็นอารมณ์ ความเครียด จิ๊บควรมองหาทางออกอื่นที่ดีกว่า เช่น ปัญหาการทับซ้อนจะหมดไป ถ้าก่อนเข้าประชุม จิ๊บและจอยมาตรวจเช็กงานกันก่อน เพื่อตรวจสอบข้อมูล อันไหนซ้ำก็คัดออก หรือระหว่างการทำงานมีการสื่อสารกันมากขึ้น ยิ่งเทคโนโลยีสมัยนี้ก้าวไกล จะอัพเดทงานถึงกันด้วยไลน์หรืออีเมล ก็ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่แน่ว่า การร่วมงานกันอย่างใกล้ชิดขึ้น อาจทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้น
แต่ถ้าทางออกของจิ๊บไม่ได้รับความ
ร่วมมือจากจอย จิ๊บอาจลองหาโอกาสปรึกษากับหัวหน้าทีม เพื่อหาทางออกร่วมกัน อาจเรียกมาเปิดใจคุยกันตรงๆ เพราะการทำงานที่ขาดการเป็นทีมเวิร์ก ย่อมทำให้ผลงานที่ออกมาไม่เกิดประสิทธิผลสูงสุด
สถานการณ์ : วิเริ่มไม่พอใจกับพฤติกรรมของเพื่อนร่วมทีมอีก 2 คน ที่รับโปรเจกต์มาทำร่วมกัน แต่สุดท้ายจากงานกลุ่ม มักกลายเป็นงานเดี่ยวของวิ เพราะเพื่อนๆ มักใส่เกียร์ว่างและปล่อยให้วิลุยเป็นพระเอก โดยเหตุผลง่ายๆ ว่า วิดูมีความชำนาญกับงานที่ได้รับมอบหมายที่สุด นอกจากต้องทำงานหนักแล้ว เมื่อถึงเวลามีผลงานออกมา คำชมที่ได้รับ กลับเป็นในนามของทีม เลยทำให้วิยิ่งไม่พอใจ แต่ก็ได้แต่เก็บไว้และก้มหน้าก้มตายอมรับชะตากรรมที่ถูกเอาเปรียบ และได้แต่หวังว่าสักวันเพื่อนร่วมทีมจะละอายใจ
ทางออก : การแก้ปัญหาของวิอาจถูกกึ่งหนึ่ง แต่อย่าลืมว่า กับคนบางประเภท คำว่าละอายใจมักเกิดช้าหรือไม่เกิดเลย คนเราจะมีปฏิกิริยาตอบกลับสถานการณ์ต่างๆ ได้เร็วต่อเมื่อได้รับผลกระทบจากปัญหา ดังนั้นถ้าวิยอมโดนเอาเปรียบ มองในแง่ดี วิก็ได้ฝึกปรือฝีมือ แต่ถ้าการโดนเอาเปรียบทำให้ชีวิตส่วนตัวของวิเสียไป เพราะไม่มีเวลาส่วนตัว มีแต่ความเครียด หรืองานอื่นที่ทำอยู่เสียไป วิก็ต้องมองหาทางออกอื่น เช่น แบ่งงานกับเพื่อนร่วมทีมให้ชัดเจนแต่ต้น มีการถามไถ่ถึงความคืบหน้าเป็นระยะ หรือถ้ามีโปรเจกต์พิเศษบ่อย อาจมีการแต่งตั้งหัวหน้าทีม คุมโปรเจกต์ โดยหมุนเวียนกัน เพื่อกระจายความรับผิดชอบออกไป อย่างน้อยเมื่อมีหัวโขนของการเป็นหัวหน้าโปรเจกต์ อาจทำให้เพื่อนร่วมทีมมีความกระตือรือร้นขึ้น


