41 ปี แห่งงานออกแบบ วิเวียน เวสต์วูด
วิเวียน เวสต์วูด นักออกแบบชาวอังกฤษที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของวงการนักออกแบบโลก
วิเวียน เวสต์วูด นักออกแบบชาวอังกฤษที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของวงการนักออกแบบโลก โดยผลงานของของเธอล้วนฉีกกฎและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ด้วยมนต์ขลังแห่งการสร้างแบรนด์ที่มีความยาวนานมากกว่า 40 ปีของวิเวียน ทำให้เซ็นทรัล เอ็มบาสซี จัดนิทรรศการงานแสดง “รองเท้า” ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเริ่มเมื่อปี 1973 ถึงปัจจุบันเพื่อร่วมเฉลิมฉลอง “เวสต์วูด แฟล็กชิป” บูติกแห่งแรกในประเทศไทย
ปี 1941 วิเวียน อิซาเบล ลืมตาดูโลกในวันที่ 8 เม.ย. ที่เมืองกลอสสอปเดล มณฑลดาร์บีเชียร์ แม่ของเธอเป็นช่างทอผ้าในโรงงานท้องถิ่น ส่วนพ่อมาจากตระกูลช่างทำรองเท้า
ปี 1950 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ครอบครัวของเธอได้ดำเนินกิจการไปรษณีย์ย่อยในหมู่บ้านทินทวิสเทิล ก่อนจะย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงลอนดอน หลังเธอเรียนจบโรงเรียนมัธยมของรัฐเมื่ออายุ 16 ปี วิเวียนได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยสอนศิลปะแฮร์โรว์ โดยเลือกวิชาแฟชั่นและการทำเครื่องเงิน แต่หลังจากจบภาคการศึกษาแรก เธอก็ลาออกและมาทำงานในโรงงาน จากนั้นไม่นานเธอได้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นครูโรงเรียนชั้นประถม และเริ่มการทำงานด้วยอาชีพรับจ้างสอนหนังสือนักเรียนประถม
ปี 1962 วิเวียนได้แต่งงานกับ เดเรก เวสต์วูดสามีคนแรกและให้กำเนิดลูกชายคนแรกชื่อว่า เบนจามิน
ปี 1965 เธอหย่าร้างและเริ่มต้นชีวิตใหม่กับมัลคอม แมคลาเลน นักเรียนศิลปะ (ผู้จัดการวงเซ็กซ์ พิสทอลส์)
ปี 1970 อังกฤษตกอยู่ในสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดอัตราคนว่างงานที่สูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 หนุ่มสาวชนชั้นแรงงานจำนวนมากได้รับผลกระทบ ทำให้วิเวียน เวตส์วูด เปิดกิจการเล็กๆ บนถนนคิงส์ ในกรุงลอนดอน เป็นร้านขายเสื้อผ้าเก่าราคาถูก โดยใช้ชื่อว่า Let it Rock ซึ่งต่อมาก็ได้มีการเปลี่ยนชื่ออีกหลายครั้ง
ปี 1972 วิเวียนเริ่มสนใจกลุ่มนักซิ่งมอเตอร์ไซค์จึงเปลี่ยนชื่อร้านเป็น Too Fast To Live Too Young To Die ขายชุดหนัง เสื้อสูทแอฟริกันสีจัดและเสื้อยืดแหกกฎ จากนั้นไม่นานก็เปลี่ยนชื่อร้านอีกครั้ง และขายชุดรัดรูป กระโปรงหนังสั้น เสื้อยืดที่ขาดวิ่น ซึ่งนั่นถือเป็นจุดกำเนิดของแนวคิดแบบพังก์ และปัจจุบันนี้ เธอก็ยังคงมีร้านอยู่ที่นี่ภายใต้ชื่อว่า World’s End
ปี 1973 งานออกแบบของวิเวียนได้รับอิทธิพลสูงจากเหตุการณ์รอบตัว ในช่วงยุคทศวรรษที่ 1970วิเวียน เวสต์วูด ได้ออกแบบรองเท้าบู๊ตเซตดิชั่นนารี อันได้รับแนวคิดมาจากความเป็นทฤษฎีพังก์ที่เชื่อว่านิสัยและความประพฤติของคนเราขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว
ปี 1974 เธอออกแบบรองเท้าโก๊ต เชนทร์ บู๊ตส์ ในคอลเลกชั่นเซ็กซ์ ซึ่งทุกวันนี้กลายเป็นหนึ่งในคอลเลกชั่นสำหรับนักสะสม
ปี 1981 มัลคอม แยกทางกับวิเวียน แต่ก็ยังคงทำธุรกิจร่วมกัน
ปี 1982 วิเวียนได้เปิดช็อปที่ 2 ชื่อว่า Nostalgia of Mud และในปีนี้เอง เธอออกแบบบั๊ฟฟาโล่ว แบค บู๊ต และซอล์ก บู๊ต ขึ้น
ปี 1984 วิเวียนสร้างชื่อเสียงอีกครั้ง ด้วยการนำเอารูปทรงรัดรูปของเสื้อผ้าสตรีสมัยก่อนมาตัดทอน และดัดแปลงในคอลเลกชั่น Minicrinis พร้อมรองเท้าส้นตึกอันเป็นสัญลักษณ์ของเธอ
ปี 1987 วิเวียน นำคลอเซตมาดัดแปลงเป็นชุด ในช่วงนั้นเธอเริ่มหันมาสร้างสรรค์ผลงานช่วยเหลือสังคม
ปี 1993 นาโอมิ แคมป์เบล สวมรองเท้าส้นสูงกิลลี่ในการเดินแบบ และสะดุดล้มกับรองเท้าเดอะ ร็อกกิ้งฮอร์ส
ปี 1996 เครื่องปั้นดินเผาของชาวดัตช์จากศตวรรษที่ 16 เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจในการออกแบบตัวล์ พรินต์ บู๊ต และซาฮารา พลิมโซล และเธอได้แรงบันดาลใจมาจากนางพยาบาลในการออกแบบรองเท้า “แมรี่เจน”ส้นสูง 15.5 เซนติเมตร
ปี 1999 วิตอเรียนแดนดิลิซึ่ม ได้รับอิทธิพลถึงการออกแบบทรอมป์ โลเอย์ บูท
ปี 2005 เธอก็ได้เข้าร่วมโครงการเพื่อสิทธิมนุษยชนของอังกฤษ โดยเธอได้ออกแบบเสื้อยืดสำหรับเด็กและทารกที่สกรีนคำว่า I am not a terrorist, please don’t arrest me (หนูไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ได้โปรดอย่ากักกันหนู) ออกวางขายในจำนวนตัวละ 50 ปอนด์ โดยนำรายได้ทั้งหมดไปสนับสนุนองค์กรนี้
ปี 2014 มีการจัดนิทรรศการเพื่อเฉลิมฉลองความคิดสร้างสรรค์อย่างชาญฉลาดของแฟชั่นดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ วิเวียน เวสต์วูด กับเหล่าชิ้นงานออกแบบที่ดีที่สุดของเธอ หลังจากจัดนิทรรศการลักษณะนี้ที่กรุงมอสโก รัสเซีย ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก


