ช่วยด้วย! แฟนติดเกมติดบอล ติดหญิง ติดเพื่อน

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร

แฟนติดเกม ติดบอล ติดเพื่อน ติดการพนัน ติดหญิง ติดรถ ติดโซเชียลมีเดีย ฯลฯ ทำไงดี? สาวๆ หลายคนอาจพบเจอปัญหานี้ ไม่หนึ่งอย่างก็สองอย่าง หรือหลายๆ อย่างรวมกัน จนทำให้ความสัมพันธ์ง่อนแง่นโงนเงน และทำให้ชีวิตคู่ดำเนินไปอย่างไม่มีความสุข

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต เผยว่า ตัวที่กระทบกับความสัมพันธ์ของคนสองคน หลักๆ มีอยู่ด้วยกันสองอย่าง คือ 1.ความไว้วางใจหายไป ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่แฟนติดผู้หญิงคนอื่นหรือติดการพนัน 2.การที่คนรักไปให้ความสำคัญหรือหมกมุ่นกับสิ่งอื่นมากกว่าตัวเรา จนทำให้เรารู้สึกถูกแย่งความสำคัญหรือความสนใจไป สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เมื่อแฟนติดบอล ติดเกม ติดเพื่อน ติดรถ หรือติดโซเชียลมีเดีย

“ทีนี้เราต้องกลับมาดูทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายที่ติด กับฝ่ายที่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการติดว่าทั้งสองฝ่ายนี้ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์มากขนาดไหน ถ้าฝ่ายหนึ่งไม่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ มันจะส่งผลต่อพฤติกรรมที่แสดงออกมาแบบไม่ดูแลเอาใจใส่ หรือไม่มุ่งมั่นต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งต้องดูที่พื้นฐานทางอารมณ์ว่าเป็นคนช่างอ่อนไหวไหม ขี้น้อยใจง่ายหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้นก็มักจะไม่ไว้ใจหรือหวาดระแวงเอาไว้ก่อนหรือไม่ ถ้าหากพื้นฐานทางอารมณ์มีสิ่งเหล่านี้มากเกินไป เวลาเกิดอะไรขึ้นมาก็มักจะตีความไปได้มากมาย จนทำให้กระทบกระเทือนใจได้ง่ายและเร็วกว่าคนอื่น”

พญ.พรรณพิมล บอกเล่าว่า หากพิจารณาถึงความเป็นปัจเจกบุคคล ต่างฝ่ายต่างมีความเป็นตัวของตัวเองด้วยกันทั้งสิ้น ทุกคนต่างต้องรักษาตัวตน หรือพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองเอาไว้ ไม่ใช่จะยอมเสียไปหมดทุกอย่าง

“เพราะทุกคนไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของเรามากนัก เขาไม่อยาก เราก็ไม่อยาก ไม่ว่าใครต่างก็ไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายกับพื้นที่ส่วนตัวของเรา แม้กระทั่งกับคนรัก ยิ่งเมื่อเกิดปัญหาแล้วใช้วิธีการแก้ไขปัญหาโดยการเข้าไปรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว เช่น แฟนติดเกม ก็เอาเกมไปทุบทิ้ง หรือเอาไปให้รถเหยียบจนพัง หรือแฟนติดเพื่อน ชอบไปแฮงเอาต์กับเพื่อนบ่อยเป็นว่าเล่น ก็ไปต่อว่าเขาต่อหน้าเพื่อน ให้ทั้งเขาและเพื่อนได้อายไปตามๆ กัน การแก้ปัญหาด้วยอารมณ์แบบนี้ มันไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น มีแต่แย่ลงไป”

 

หนทางแก้ไขตามแนวคิดของ พญ.พรรณพิมล เธอเผยว่า เมื่อคนสองคนใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้ว ต่างต้องมีข้อตกลงซึ่งกันและกัน ซึ่งข้อตกลงที่ว่านั้นจะเป็นเหมือนหลักยึด ที่เมื่อต่างฝ่ายต่างพบเจอปัญหาจนเกิดความไม่สบายใจจะได้หันหน้ามาคุยกัน ในเรื่องเดียวกัน ในข้อตกลงที่เคยมีร่วมกัน เพื่อหาทางออกให้แก่กันในท้ายที่สุด

“ที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องทำความเข้าใจว่าไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เคยทำมาได้ในทันทีทันใด อาจเกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้ ซึ่งทั้งเราและเขาต่างฝ่ายต่างต้องช่วยกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ต้องหันหน้ามาคุยกันใหม่ ย้ำเตือนข้อตกลงที่เคยมีร่วมกันใหม่ ให้เวลาในการปรับเปลี่ยน เพื่อความผิดพลาดจะได้ลดน้อยลงมากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ แต่หากท้ายที่สุดแล้ว เราพบเจอว่าทั้งเราและเขาไม่อาจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้เลย เราก็ต้องถามใจตัวเองว่าจะคบกันอยู่ต่อไปไหม หรือจบและแยกจากกันไปด้วยดี ซึ่งเมื่อถึงวันนั้น วันที่ต้องตัดสินใจ เราจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่า เราจะอยู่ หรือเราจะไป”

นอกจากนี้ เรายังมีอีกหนึ่งผู้เชี่ยวชาญทางด้านศาสตร์แห่งการบริหารจิตใจ ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร คอลัมนิสต์ประจำนิตยสาร Secret คอลัมน์ Mind Management มาเผยให้เห็นถึงความเป็นจริงของฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย

“เริ่มที่ฝ่ายชายก่อนแล้วกันครับ สาเหตุที่ผู้ชายหันเหความสนใจไปติดกับอะไรสักอย่าง อาจเกิดจากชีวิตจริงของเขาไม่ได้มีความรุ่งเรืองในระดับที่ตัวเองต้องการ หรือไม่มีความสุขกับชีวิตมากเพียงพอ จนทำให้เขาเกิดอาการ H A L T ที่แปลว่า หยุด ซึ่งสี่ตัวอักษรนี้มีที่มาครับ H มาจากคำว่า Hungry ที่แปลว่า หิว เขาอาจจะหิวความรัก ความสนใจจากคนรอบข้าง หรือความสำเร็จ พอหิวปุ๊บเขาเลยเริ่มออกไปหาสารกระตุ้นที่ทำให้อิ่มเต็ม หรือทำให้เขามีความสุข ตัวต่อมาคือ A มาจากคำว่า Angry ที่แปลว่า โกรธ ความโกรธของเขาอาจเกิดขึ้นได้จากความผิดหวังจากอะไรสักอย่าง หรือความเครียดที่เกิดจากการเก็บกดอะไรสักอย่างไว้ภายใน หรือความไม่พอใจกับความเป็นจริงที่เป็นอยู่ เมื่อเขาเกิดความโกรธ เขาก็ต้องหาที่ระบายเพื่อทำให้เขาสบายใจ

ตัวต่อมาคือ L มาจากคำว่า Lonely ที่แปลว่า เหงา เชื่อไหมว่า ความเหงาไม่ได้เกิดขึ้นเพียงการที่เราอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง ความเหงาเกิดขึ้นได้แม้ว่าเรามีผู้คนรายล้อม เพราะมันเป็นภาวะที่ซุกซ่อนอยู่ในใจ ปะทุขึ้นมาได้ตลอดเวลา หากเราไม่สามารถคอนเนกต์กับผู้คนที่อยู่รายล้อม โดยเฉพาะกับคนที่อยู่ชิดใกล้ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เชื่อมโยงกับใคร ความเหงาเกิดขึ้นได้ทันที และมันก็ส่งผลทำให้เราออกเดินทางตามหาสิ่งที่จะทำให้เราเชื่อมโยงหรือคอนเนกต์กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนทำให้ภาวะเหงาถดถอย

 

ตัวสุดท้าย คือ T มาจากคำว่า Tired ที่แปลว่า เหนื่อยกับการต้องผ่านความยากลำบาก ที่ว่ากันว่า เหนื่อยกายนั้นไม่เท่าไหร่ แต่เหนื่อยใจนี่สิ มีผลกับจิตใจมากมายเหลือเกิน ยิ่งเหนื่อยใจกับความรัก ไม่มีความสุขกับความรัก ย่อมต้องหาที่ทางที่ทำให้ตัวเองมีความสุข สนุก และหายเหนื่อย”

ขุนเขา เผยว่า ทั้งสี่ตัวนี้มันเหมือนเป็นวงจรที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วมันสามารถเกิดขึ้นได้อีกเรื่อยๆ เมื่อสมองได้จดจำไว้แล้วว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้ตัวเราเองมีความสุข เมื่อเกิดความทุกข์หรือเกิดปัญหา ตัวเราก็กลับไปหาความสุขนั้นอีกเรื่อยๆ จนทำให้เรา “ติด”

“ทางแก้ไขคือ แทนที่เราจะไปหาสิ่งที่ทำให้เราติด เราต้องกลับไปหาที่เป็นจุดกำเนิดของปัญหา นั่นคือกลับไปหาแฟนเรา ไปคอนเนกต์หรือเชื่อมโยงตัวเรากับแฟนเรา ไปแก้ไขปัญหาให้ถูกจุด ไประบาย ไปปรึกษาหาทางออกร่วมกัน ไปแบ่งปันความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในลึกๆ ให้แก่กัน ไม่ใช่หลีกหนี เพื่อสะสมปัญหาให้มันหนักและมากกว่าเดิมมากขึ้นเรื่อยๆ”

สำหรับความเป็นจริงของฝ่ายหญิง ขุนเขาได้เผยภาพให้เห็นว่า ฝ่ายหญิงต้องหันกลับมามองดูที่ตัวเอง ก่อนไปแก้ไขปัญหาแบบผิดที่ผิดทางโดยใช้อารมณ์เป็นตัวตั้ง หรือมัวแต่ตั้งคำถามว่า ทำไมเขาทำอย่างโน้น ทำไมเขาไม่ทำอย่างนี้

“อย่าลืมว่า ยิ่งเราพูดคำว่าทำไม เขายิ่งอยากหนีไปให้ไกล เพราะฉะนั้นเราต้องถามตัวเองก่อนว่า ทำไมเขาถึงอยู่กับเราหรือผูกโยงกับเราแล้วรู้สึกเป็นทุกข์ จนทำให้เขาอยากหลีกหนีไปหาสิ่งอื่นๆ ที่ทำให้เขามีความสุขมากกว่า อย่าลืมว่า มนุษย์ทุกคนมักเดินเข้าหาสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุขมากกว่าความทุกข์เสมอ เราไม่อาจทำให้เขาเลิกติดสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขได้ หากเรายังเป็นความทุกข์ใจสำหรับเขาอยู่ เพราะฉะนั้นเมื่อเราเรียนรู้และยอมรับความจริงว่า เราอาจเป็นความทุกข์ใจที่เขาอยากเดินหนี เราก็ต้องหันมาปรับตัวเองด้วยการทำให้ตัวเองน่าเข้าหา น่าอยู่ใกล้ น่าพูดคุยด้วย การเป็นคนที่ใครอยู่ใกล้แล้วมีความสุข มันคือเสน่ห์อย่างหนึ่ง”

ท้ายที่สุด ขุนเขาเผยว่า สิ่งใดไม่สำคัญเท่ากับการแก้ไขที่ตัวเองก่อน ฝ่ายชายก็ต้องปรับต้องแก้ไขที่ตัวเอง ไม่ปล่อยให้ตัวเองแสวงหาความสุขจากที่อื่นต่อไปอีกเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฝ่ายหญิงก็ต้องปรับตัวเองให้ไม่เป็นความทุกข์ของใคร แต่เป็นคนที่อยู่ใกล้ด้วยแล้วมีความสุข เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่เป็นช้อนกับส้อมที่เป็นสนิม เมื่อนั้นการหันหน้ามาแก้ไขปัญหาร่วมกัน จะนำพาความสุขมาให้แก่กัน ทำให้ฝ่ายหนึ่งติดอะไรน้อยลง และอีกฝ่ายหนึ่งมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น จนทำให้ความสัมพันธ์ราบรื่นและเป็นไปด้วยดีในท้ายที่สุด