posttoday

หยุด!!คันมือปล่อยหมัด ผู้หญิง-เด็กไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์

04 พฤศจิกายน 2557

25 พ.ย.ของทุกปี เป็นวันยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กสากล เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เด็กและวัยรุ่นผู้หญิงทั่วโลกประมาณ 1 ใน 4 คน

โดย...อณุสรา ทองอุไร

25 พ.ย.ของทุกปี เป็นวันยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กสากล เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เด็กและวัยรุ่นผู้หญิงทั่วโลกประมาณ 1 ใน 4 คน เคยตกเป็นเหยื่อความรุนแรงทางกาย ประมาณ 1 ใน 10 คน ถูกล่วงละเมิดและบังคับให้มีกิจกรรมทางเพศ และที่น่าตกใจคือ จำนวนไม่น้อยมีทัศนคติและยอมรับความรุนแรงเหล่านี้ว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทั้งยังมีความเชื่อและยอมจำนนว่าผู้ชายโดยเฉพาะพ่อหรือสามี มีความชอบธรรมในการกระทำดังกล่าวกับตนเอง ปัญหาความรุนแรงต่อสตรีเด็ก เป็นปัญหาที่สั่งสมมาช้านานและเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกประเทศ ทุกชนชั้น ทุกมิติของสังคม ทั้งในระดับครอบครัว ในชุมชน สถานศึกษา และสถานที่ทำงาน

เมื่อไม่มีผู้รู้เห็น...เมื่อปราศจากความช่วยเหลือ ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เคยถูกกระทำรุนแรง เช่น ถูกทุบตี หรือถูกข่มขืน จึงมักถูกกระทำทารุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า...สภาวะอันโหดร้ายที่ผู้หญิงต้องเผชิญนี้จึงไม่ต่างอะไรกับการตกนรกทั้งเป็น!!

หยุด!!คันมือปล่อยหมัด ผู้หญิง-เด็กไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์

เด็กผู้หญิงตกเป็นเหยื่อความรุนแรง

ยูนิเซฟได้ออกรายงานโดยรวบรวมข้อมูลซึ่งชี้ให้เห็นถึงปัญหาร้ายแรงเกี่ยวกับความรุนแรงต่อเด็กหญิงวัยรุ่น ตลอดจนทัศนคติของเด็กหญิงซึ่งยอมรับความรุนแรงดังกล่าว ข้อมูลเหล่านี้เก็บรวมรวมจากรายงานต่างๆ ทั่วโลกที่เผยแพร่ตลอดปีนี้ โดยให้รายละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเด็กหญิงวัยรุ่น อนาคตของพวกเขา ตลอดจนชุมชนที่เด็กๆ อาศัยอยู่ ข้อมูลบอกว่าเด็กหญิงอายุ 15-19 ปี จำนวนเกือบหนึ่งในสี่คนทั่วโลก (เกือบ 70 ล้านคน) เคยตกเป็นเหยื่อความรุนแรงทางกายรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

เด็กหญิงอายุต่ำกว่า 20 ปี ประมาณ 120 คนทั่วโลก (ประมาณ 1 ใน 10 คน) เคยถูกบังคับร่วมเพศหรือบังคับทำกิจกรรมทางเพศอื่นๆ และเด็กหญิงวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี ที่เคยแต่งงานจำนวน 1 ใน 3 (84 ล้านคน) เคยตกเป็นเหยื่อการกระทำรุนแรงทางอารมณ์ ทางกาย หรือทางเพศโดยสามีหรือคู่ครองของตัวเอง

ในบางประเทศ เด็กหญิงอายุ 15-19 ปี จำนวน 7 ใน 10 เคยตกเป็นผู้เสียหายจากการถูกล่วงละเมิดทางกาย หรือทางเพศ แต่ไม่เคยขอความช่วยเหลือใดๆ เด็กหลายคนกล่าวว่า ไม่คิดว่าเป็นการล่วงละเมิด หรือไม่เห็นว่าเป็นปัญหา และผู้หญิงกว่า 700 ล้านคนทั่วโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ แต่งงานก่อนอายุครบ 18 ปี โดยมากกว่า 1 ใน 3 คน (ประมาณ 250 ล้านคน) แต่งงานก่อนอายุครบ 15 ปี

หยุด!!คันมือปล่อยหมัด ผู้หญิง-เด็กไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์

หยุดเชื่อผิดๆ กันดีกว่า

ณัฐฐา กีนะพันธ์ ผู้ช่วยฝ่ายสารนิเทศองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้ยูนิเซฟประเทศไทยมุ่งเน้นแคมเปญ ลดใช้ความรุนแรงแก่เด็กไปที่พ่อแม่ เพื่อสร้างทัศนคติและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเชิงบวกให้ตระหนักถึงการสร้างความรุนแรงในเด็กเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น หยิก ตบหัว ดึงหู เขกหัว ด่าทอ ตวาด เสียงดังกับเด็ก สิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อเด็กให้นิยมความรุนแรงเมื่อโตขึ้น

“พ่อแม่ควรสร้างทัศนคติเชิงบวก ทำโทษด้วยการให้อยู่คนเดียวสักครู่ หรือไม่พูดกับลูกสักครู่ หรือเมื่อมีปัญหาควรรับฟังหรืออธิบายกับเด็กๆ ว่าเพราะอะไรทำไมเขาถึงทำแบบนั้น เพราะเด็กๆ ก็มีเหตุผลของตัวเองด้วยเช่นกัน”

ยูนิเซฟได้เน้นถึงมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันความรุนแรงต่อเด็กหญิง เช่น การให้เด็กหญิงได้เข้าเรียนในโรงเรียน การส่งเสริมทักษะชีวิตที่จำเป็น การให้เงินอุดหนุนเลี้ยงดูบุตรแก่พ่อแม่ การรณรงค์เพื่อเปลี่ยนแปลงทัศนคติในชุมชน และการสร้างความเข้มแข็งแก่ระบบตุลาการและบริการทางสังคม

“ปัญหานี้เป็นปัญหาระดับโลก แต่ทางแก้ไขต้องอยู่ที่ระดับชาติ ระดับชุมชน และครอบครัว เรามีหน้าที่ที่จะปกป้อง ให้การศึกษา และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่วัยรุ่น โดยเราต้องร่วมกันรณรงค์เพื่อยุติความรุนแรงต่อเด็กหญิงในทุกรูปแบบ”

หยุด!!คันมือปล่อยหมัด ผู้หญิง-เด็กไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์

คนไทยไม่ทิ้งกัน

ศ.น.พ.รณชัย คงสกนธ์  รองคณบดีฝ่ายการพัสดุ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการโรงซ่อมสามี กล่าวว่า โครงการก่อตั้งมา 7 ปี แต่ความรุนแรงในเด็กและสตรีไม่ได้ลดลงเลย  เนื่องจากมีกฏหมายมี พ.ร.บ.ออกมาก็เป็นแค่ตัวกฎหมาย ขาดคณะทำงานในภาคปฏิบัติอย่างจริงจัง ไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยงานใดเพียงลำพัง หากจะให้ได้ผลดีกว่านี้ต้องได้รับความร่วมมือจาก 3 ส่วนหลัก คือ

สังคม จะต้องตระหนักมีส่วนร่วมในการรับรู้ ต้องเห็นว่าเรื่องความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ สังคมต้องปฏิเสธเรื่องนี้อย่างจริงจัง อย่าชาชินเมื่อเห็นข่าว อย่าเมินเฉยเมื่อเห็นเหตุการณ์

การศึกษา กระบวนการศึกษาต้องช่วยกล่อมเกลาเพื่อช่วยลดความรุนแรง ถ้าเด็กได้รับการศึกษาที่ดีเรื่องนี้คงลดลง แต่ที่ผ่านมาระบบการศึกษาไทยส่วนใหญ่ก็ยังมืดมน

กฎหมาย ไทยไม่เข้มแข็งในการบังคับใช้ คนไม่กลัวกฎหมายไม่มีมาตรฐาน กระบวนการยุติธรรมต้องเข้มแข็งกว่านี้ ประเทศไทยขยันออกกฎหมาย แต่เรื่องการบังคับกฎหมายไม่มีความแม่นยำ ระบบยุติธรรมบ้านเรายังมีปัญหา

“โรงซ่อมสามีจะได้ผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับ 3 ข้อดังกล่าว อยากฝากรัฐบาลให้ใส่ใจต่อปัญหาความรุนแรงในครอบครัวอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในเรื่องกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย” ศ.น.พ.รณชัย กล่าว

ที่สำคัญคือ กฎหมายไทยยังอ่อนแอในเรื่องนี้ สู้เกาหลีไม่ได้ ที่นั่นถ้าผู้ร้ายคดีข่มขืนจะถูกศาลสั่งให้ฉีดยาเข้าไปในอวัยวะเพศทำให้หมดสมรรถภาพทันที เขาถึงกลัวมาก ในแต่ละปีแทบไม่มีคดีข่มขืนเลย ถึงเวลาแล้วที่เมืองไทยต้องเพิ่มโทษคดีทำร้ายลูกเมียหรือคดีข่มขืน และเพิ่มกองทุนช่วยเหลือเหยื่อความรุนแรงในครอบครัวอย่างจริงจัง

จากสถิติพบว่า เมียคนเดิมที่ช่วยเหลือออกมาได้นั้น จะถูกทำร้ายซ้ำอีกอย่างน้อย 8 รอบ จึงจะยอมหย่าหรือแยกทางสำเร็จ ปัญหาตีเมียเกิดขึ้นซ้ำๆ กับผัวคนเดิม เนื่องจาก “สามี” ที่มีพฤติกรรมชอบความป่าเถื่อนหรือมีสันดานทำร้ายเมียและลูกยังไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง บางคนมีปัญหาทางจิต บางคนสารเคมีในสมองผิดปกติ พฤติกรรมก้าวร้าว ฯลฯ ดังนั้นในต่างประเทศจะเน้นกระบวนการรักษาเยียวยาผัวกลุ่มนี้อย่างจริงจัง เรียกว่า “โรงซ่อมสามี” เมื่อเยียวยาหรือแก้นิสัยได้แน่นอนแล้ว จึงอนุญาตให้กลับไปหาลูกเมียได้ แต่ถ้าทำผิดอีกก็ต้องกลับมารักษาอีกจนกว่าจะหายขาด

หยุด!!คันมือปล่อยหมัด ผู้หญิง-เด็กไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์

ทำอย่างไรเพื่อป้องกันภัยจากความรุนแรง

รู้จักสังเกตคนรอบข้าง หรือสถานที่ไม่น่าปลอดภัย และระมัดระวังตัวเองตลอดเวลา จงตระหนักเสมอว่าภัยร้ายมีอยู่รอบตัวและมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

เรียนรู้ศิลปะการป้องกันตัวไว้บ้าง

ขณะที่ตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงต่อการถูกกระทำความรุนแรง จงรวบรวมพลังใจและตั้งสติไว้ เพราะการมีสติจะช่วยให้ผู้หญิงหาทางเอาตัวรอดได้

จงคิดและเชื่อมั่นอยู่เสมอว่าผู้หญิงมีสิทธิเรียกร้องหรือต่อสู้เพื่อความปลอดภัยของตนเอง ไม่จำเป็นต้องยินยอมให้ตัวเองถูกกระทำรุนแรง แม้ว่าบุคคลผู้กระทำจะเป็นพ่อ สามี หรือเพื่อนชาย

ควรบอกกล่าวให้คนใกล้ตัว เช่น พ่อแม่ ญาติหรือเพื่อนสนิท เกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เพื่อช่วยกันหาทางแก้ไขหรือป้องกัน ในทางกลับกัน หากมีญาติหรือคนใกล้ชิดของคุณถูกกระทำรุนแรง หรือคุณพบเห็นผู้หญิงถูกกระทำความรุนแรง อย่าได้เพิกเฉย เพราะคิดว่านั่นเป็นปัญหาส่วนตัว หากต้องการความช่วยเหลือ อย่าลังเลในการแจ้งตำรวจ หรือติดต่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน มูลนิธิ หรือศูนย์ช่วยเหลือต่างๆ ที่ดูแลงานด้านปัญหาความรุนแรงต่อสตรี

ขณะนี้เครือข่ายผู้หญิงกับสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกับบริษัท ซีพีฯ ทำโครงการเซเว่นอีเลฟเว่น ที่พึ่งพิงของผู้หญิงไทย หากผู้หญิงหรือเด็ก หรือใครก็ตามถูกทำร้ายโดนทุบตี สามารถวิ่งหนีเข้าไปในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่มีอยู่ 6,000 สาขาทั่วประเทศได้ทันที จากนั้นพนักงานจะเป็นศูนย์กลางช่วยแจ้งเหตุไปยังตำรวจ หรือศูนย์ประชาบดี 1300 หรือมูลนิธิเพื่อนหญิง 02-513-1001 เพื่อให้มาช่วยในเบื้องต้น

หากถูกทำร้ายให้วิ่งหนีไปในร้านค้า หรือห้องอาหารที่มีผู้คนอยู่เยอะๆ

ข่าวล่าสุด

SME D Bank จัด 'Culture Day' ขับเคลื่อนวัฒนธรรมองค์กร "ประสานพลัง-พัฒนาเรียนรู้" สู่การเติบโต