ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก ในงานบริหารความสุขให้ผู้ชม
ท่ามกลางตึกใหญ่โตของสถาบันกันตนา ในวันที่แดดสายเริ่มหลบตัว ผมได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกับทายาทเจเนอเรชั่นที่ 3
ท่ามกลางตึกใหญ่โตของสถาบันกันตนา ในวันที่แดดสายเริ่มหลบตัว ผมได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกับทายาทเจเนอเรชั่นที่ 3 แห่งบริษัท กันตนา กรุ๊ป อย่าง เต้-ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก วันนี้เขามาในมาดเนียบสมแล้วที่นั่งแท่น ผู้จัดการฝ่ายพัฒนารูปแบบรายการ บริษัท กันตนา
นับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเหลือเกินที่คูปองทีวีดิจิทัลได้ถูกแจกจ่ายไปทั่วประเทศ เพื่อเป็นสัญญาณเริ่มต้นจริงจังบนสนามรบใหญ่ ในสงครามทีวีดิจิทัลที่ต้องแข่งขันกันให้อยู่รอด และคนทำงานเอนเตอร์เทนเมนต์ บิซิเนสในสายโทรทัศน์อย่างเต้ที่ต้องคัดสรรรายการต่างๆ ให้ผู้ชมทั่วประเทศได้นั่งชม น่าสนใจว่าพ่อหนุ่มคนนี้มีแนวคิดนุ่มลึกเช่นไร ในการเลือกคอนเทนต์มานำเสนอเพื่อให้เหนือกว่าคู่แข่ง ซึ่งเต้ ปิยะรัฐเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ในการทำงานด้วยน้ำเสียงนุ่มหูให้ฟังว่า
“ก่อนมาเป็นผู้บริหารผมก็ทำหลายอย่างเลย แต่ด้วยตัวผมเองเรียกได้ว่าเติบและโตมากับงานโทรทัศน์มันคงหนีไปทำอย่างอื่นไม่ได้ (หัวเราะ) พอเรียนจบครอบครัวก็ตั้งใจให้มาช่วยงาน ตอนแรกก็ดูโทรทัศน์แซตเทิลไลต์ เป็นสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ซึ่งก็เข้าไปทำตั้งแต่เริ่มเลย แล้วผมได้เรียนรู้หลายๆ อย่างได้เข้าไปมีส่วนร่วมทุกเรื่องในโครงสร้าง แล้วมันก็สนุกดีนะท้าทายผมมาก พอทำตรงนั้นสำเร็จจากนั้นก็ขยับมาดูธุรกิจสายหลักของครอบครัวในเรื่องของโทรทัศน์ซึ่งจะเป็นเรื่องของละครและรายการทีวีต่างๆ”
นอกจากนั้น เขาเองยังเล่าอีกว่าในเวลานี้ธุรกิจของกันตนาเรียกได้ว่า เป็นสื่อที่ครบพร้อมทีเดียวในเมืองไทย เพราะนอกจากผลิตละครและรายการโทรทัศน์ป้อนช่องต่างๆ กันตนายังเริ่มมาจับงานในสายภาพยนตร์ รวมถึงโพสโปรดักชั่น พรีโปรดักชั่น โปรดักชั่นต่างๆ และสายการศึกษาในส่วนของโรงเรียนการแสดงสองแห่งอย่าง กันตนา เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ และสถาบันกันตนา ด้วยความเป็นคนหนุ่มไฟแรง เต้จึงได้รับบทให้ทำเรื่องใหญ่อย่างการพัฒนารูปแบบรายการในสายงานโทรทัศน์ ก่อนเขาจะเล่าคร่าวๆ วิธีการทำงานให้ฟังว่า
“วิธีการทำงานของผม มักจะเริ่มคิดจากการตั้งใจหาคอนเทนต์ที่สามารถพัฒนาให้สนุก แล้วก็เข้ากับคนไทยเป็นหลักเลย คือการคัดสรรของผมมันจะมีสองแบบ คือ คิดขึ้นเองหรือไม่ก็ไปซื้อลิขสิทธิ์ของต่างประเทศ ยกตัวอย่างรายการที่มาจากต่างประเทศเวลาผมจะเลือก ก็ต้องบินไปเทศกาลโทรทัศน์เมืองคานส์ ซึ่งก็จัดขึ้นทุกปี ปีละสองครั้ง ซึ่งก็จะเป็นเหมือนตลาดการซื้อขายรายการทีวีและละครเลยนะ คือจะมีคนจากทั่วโลกมาคัดสรรคอนเทนต์ใหม่ๆ กันที่นี่ แล้วเราสนใจรายการไหนก็จะเข้าไปคุยธุรกิจกับเจ้าของลิขสิทธิ์
“โดยทั้งหมดจะอยู่บนพื้นฐานที่ผมเคยบอกไว้ตั้งแต่แรกว่า สิ่งที่เราจะนำกลับไปเสนอต้องสามารถนำมาทำเองแล้วคนไทยสนุก ดูแล้วมีความสุข อย่างรายการล่าสุดที่ผมไปซื้อลิขสิทธิ์อย่างรายการ เดอะเฟสไทยแลนด์ ซึ่งผมดูแล้วเห็นว่าคนไทยน่าจะสนุกและได้รับความสุขกับสิ่งนี้แน่ เพราะเป็นรายการเรียลลิตี้ที่เน้นความเข้มข้นของการแข่งขันเดินแบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่เมืองไทยไม่เคยมีมาก่อน แล้วเรายังโชคดีที่ได้ผู้ร่วมรายการที่เป็นคนบันเทิงตัวจริง ซึ่งมีความสามารถจริงๆ มาทำให้รายการน่าติดตาม”
หลังจากที่รายการใหม่ล่าสุดของเจ้าตัวออกไป เรียกได้ว่าสามารถเชิญแขกได้มากเกินคาด ทั้งในแง่ของเรตติ้งและกระแสวิภาควิจารณ์ ซึ่งนี้เองทำให้มองเห็นสายตาของคนคัดสรรรายการโทรทัศน์เช่นเขาว่า ต้องเฉียบคมเพียงไหนเพื่อให้สิ่งที่นำเสนอไปถูกใจผู้คน นอกจากนั้นรายการที่เจ้าตัวคิดขึ้นเองก็มีหลากหลายรายการที่เพิ่งผ่านพ้นไปก็คือ รายการแฟมิลี่ ซีเคร็ท ซึ่งประสบความสำเร็จไม่แพ้รายการที่ต้องไปซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศด้วยการนำเสนอรายการที่มีมุมมองใหม่ๆ อย่างการนำเอาทายาทนักธุรกิจมาตีแผ่ชีวิต จนได้เป็นเรียลิตี้ที่แปลกใหม่ในแบบฉบับคนไทย
นั่นเองเป็นเครื่องการันตีถึงจุดยืนของการทำงานของเต้ในการเป็นผู้คัดสรรรายการที่จะนำพากันตนาขึ้นไปอยู่แถวหน้าในสงครามทีวีดิจิทัล และทุกสิ่งที่เป็นกลับปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้การแข่งขันจะดุเดือดเช่นไรในสายงานนี้ คนที่ได้รับประโยชน์และความสุขเต็มๆ คือผู้ชมเช่นเรา
เต้-ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก จบการศึกษาระดับมัธยมปลายจาก “Robert Louis Stevenson school” ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นได้เดินทางกลับมายังประเทศไทยเพื่อศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา จนสำเร็จการศึกษาจาก ภาควิชาดุริยางคศิลป์ตะวันตก เอกวิชาขับร้อง คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรี เต้ได้เดินทางไปสหรัฐอเมริกาอีกหน เพื่อศึกษาด้านศิลปะการแสดง การละคร ที่สถาบันละครเวทีและภาพยนตร์ลี สตราสเบิร์ก นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
ก่อนจะมีผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ อาทิ วิมานเมขลา สะพานดาว มิติใหม่หัวใจเดิม วงเวียนหัวใจ พรมแดนหัวใจ เจ้าสาวสลาตัน และล่าสุดกับละคร หนีก็ล่า ซ่าก็รัก นอกจากนี้ยังเป็นผู้ก่อตั้งค่ายเพลง “อาเทมิส เรคคอร์ด” กับผลงานอัลบั้ม “SKYLINE” และได้ ฮิวโก้-จุลจักร จักรพงษ์ เป็นศิลปินคนแรกของค่าย
นอกจากผลงานด้านร้องเพลงแล้ว เต้ยังมีผลงานเกี่ยวกับการแสดงทั้งภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ โดยผลงานการแสดงภาพยนตร์ที่เป็นที่รู้จักคือ “กาเหว่าที่บางเพลง” และยังมีผลงานการแสดงละครโทรทัศน์อีกหลายเรื่อง หลังจากนั้นเขาเองผันตัวเองมาทำงานธุรกิจในครอบครัว โดยการเลือกบริหารความสุขให้ผู้คนด้วยการคัดสรรรายละครน้ำดีและรายการโทรทัศน์สไตล์กันตนา


