เมื่อลูกเป็นหวัด
เรื่อง พรพิมล สาสกุล สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี(รพ.เด็ก) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
โรคไข้หวัด ซึ่งเป็นโรคยอดฮิตที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส ส่วนสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรียจะพบน้อยมาก อาการเมื่อเป็นโรคไข้หวัดคือ การจาม มีน้ำมูก ปวดศีรษะ มีไข้ ในเด็กเล็กจะมีอาการร้องกวน ไม่ดูดนม ไม่สามารถสั่งน้ำมูกออกได้ อาจทำให้เกิดการอุดตันของท่อทางเดินหายใจ
การเกิดน้ำมูกนั้นเริ่มมาจากเมื่อร่างกายรับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายทางระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการบวมที่เยื่อบุจมูกและหลอดคอ ร่วมกับการมีเส้นเลือดขยายตัวจะมีเซลล์เม็ดเลือดขาวมาแทรกอยู่ประมาณ 12 วัน เซลล์จะเปลี่ยนแปลง เยื่อบุชั้นบนจะแยกจากชั้นล่างแล้วหลุดออกเป็นน้ำมูกนั่นเอง
การรักษา เนื่องจากเกิดจากเชื้อไวรัสจึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ ส่วนใหญ่แพทย์จะให้การรักษาตามอาการ คือ เมื่อมีน้ำมูกแพทย์จะให้ยาลดน้ำมูก อาการคัดจมูกจะให้ยาหยอดจมูก มีไข้จะให้ยาลดไข้ ในรายที่ติดเชื้อจากแบคทีเรียจึงให้ยาปฏิชีวนะ
การดูแลของผู้ปกครองนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ในเด็กเล็กให้ระมัดระวังการอุดกั้นของท่อทางเดินหายใจ โดยการสังเกตอาการหายใจเหนื่อย ปีกจมูกบาน สามารถที่จะใช้ลูกสูบยางแดงช่วยเด็กในการดูดน้ำมูกเพื่อป้องกันอาการดังกล่าวได้ ในเด็กโตสอนให้สั่งน้ำมูกได้ ดูแลให้ยาตามแผนการรักษาของแพทย์ สำหรับเด็กที่แพทย์สั่งยาหยอดจมูก ควรใช้ไม้พันสำลีเช็ดรูจมูกก่อนจึงหยอดยา หรือใช้ไม้พันสำลีชุบยาแล้วเช็ดในรูจมูก เมื่อมีไข้ให้ยาลดไข้ได้ทุก 46 ชั่วโมง และให้เช็ดตัวลดไข้ร่วมด้วยเสมอ ให้ดื่มน้ำบ่อยๆ ดูแลร่างกายให้อบอุ่น สวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาวะอากาศ จัดให้เด็กพักผ่อนที่อากาศปลอดโปร่ง ไม่พาไปที่ชุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ เป็นต้น เพียงเท่านี้อาการของไข้หวัดก็จะหายไป


